Samsung เริ่มต้นปี 2019 ด้วยการเปิดตัวเรือธงรุ่นล่าสุดมาก่อนใครในปีนี้ เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมายและเป็นการครบรอบ 10 ปีในตระกูล Galaxy S ด้วยนั้นเอง ซึ่งในตระกูลนี้เป็นตัวชูโรงมาโดยตลอดประจำต้นปีของทาง Samsung และ ในปลายปีก็มาด้วย Note ที่เน้นในเรื่องปากกา ในรุ่นนี้เป็นการครบรอบ 10 ปีแน่นอนว่าหลายๆอย่างนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มและมีหลายๆสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอกันในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกือบในทุกๆด้านทั้งการออกแบบ ระบบต่างๆ หน้าตาและรวมถึงกล้องที่ก็มีการปรับปรุงพัฒนามาขึ้นเรื่อยๆ เราจะมาดูกันเลยดีกว่าครบรอบ 10 ปี นั้นจะคุ้มค่าและสมการรอคอยกันแค่ไหน
Samsung Galaxy S10 Plus เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างทั้งเรื่องของการออกแบบ ดีไซน์ที่ใช้หน้าจอแบบใหม่ Infinity O Display Dynamic AMOLED รองรับ HDR10+ ที่เป็นการพัฒนาหน้าจอที่ไม่มีติ่ง แต่เป็น การเจาะรูหน้าจอแทนครับ และ รวมถึงการใช้กล้องหลัง 3 ตัวที่มีระยะทั้ง ระยะปกติ ระยะเทเล และ เลนส์มุมกว้าง 123 องศา และ กล้องหลักยังคงจุดเด่นที่รองรับการปรับ F1.5/2.4 ได้ครับ และ หน้าตาระบบ UI ก็เปลี่ยนมาใช้ One UI แล้ว ยังมีโหมดใหม่อย่าง super steady video ทำให้การถ่ายวิดีโอออกมาสมูทนิ่งมากๆครับ ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP68 มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5 ถือว่าหลายๆอย่างจัดมาค่อนข้างครบ
สำหรับทางด้านของราคาในตระกูล S10 ทั้งหมดนั้นจะมีตามนี้เลย
- Samsung Galaxy S10e เปิดราคา 26,900 บาท - Samsung Galaxy S10 8/128 GB เปิดราคา 31,900 บาท - Samsung Galaxy S10 Plus 8/128 GB เปิดราคา 35,900 บาท ตัวที่รีวิวนะ - Samsumg Galaxy S10Plus 8/512 GB เปิดราคา 44,900 บาท - รุ่นพิเศษฝาหลังเซรามิค RAM 12GB / 1TB ราคาสูงสุด 55,900 บาท
UNBOX
แกะกล่องกันก่อนครับตัวกล่องนั้นเป็นโทนสีดำ พร้อมกับชื่อรุ่นใหญ่ๆหน้ากล่องกันไปเลย ส่วนทางด้านอุปกรณ์ข้างในมีมาให้คล้ายๆรุ่นเดิม แต่วัสดุหลายๆอย่างนั้นเป็นแบบด้านแทน แอบดูไม่แพงแบบรุ่นก่อนนะ พวกพลาสติกสีขาวนั้นเป้นแบบด้านกันทั้งหมดเลย ทั้งตัวชาร์จ และ ตัวแปลง Adaptor ต่างๆครับ ส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดนั้น
- ตัวเครื่อง S10 Plus
- ที่ชาร์จ
- สาย USB-Type-C
- ตัวแปลง OTG
- หูฟัง ปรับเสียงโดย AKG
- เคสใสแบบแข็ง
- ฟิลม์กันรอยไม่ใช่กระจก ติดมาบนหน้าจอเลย (มูลค่า 900 กว่าบาทเลยนะ)
- คู่มือ และ ก็ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสที่แถมนั้นเป็นเคสแบบใสแข็งครับครอบหลุ่มด้านหลังเครื่องและขอบบนล่างนิดหน่อย ไม่ได้ปกป้องหน้าจอหรือเวลาตกกระแทกอะไรได้เท่าไรครับ มีความบางมากๆมองจากด้านหลังนั้นเหมือนไม่ได้ใส่เคสกันเลยทีเดียวสำหรับตัวนี้ตรงบริเวณปุ่มกดต่างๆอะไรก็ทำการเว้นไว้ครับถือว่าใช้แก้กันรอยชั่วคราวได้แต่หาซื้อเคสดีๆมาใส่กันไว้ดีกว่าครับ
DESIGN
ด้านการออกแบบตัวชูโรงเลยคงหนีไม่พ้นทางด้านของการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูและขอบที่บางลงเรื่อยๆครับจะเห็นว่าหน้าจอขอบบนนั้นบางลงชัดเจน และก็มีการเจาะรูอยู่มุมขวาบนครับซึ่งถ้าตัว 10 ธรรมดานั้นจะเป็นกล้องเดียวนะ ส่วนน้ำหนัก ความหนาบางต่างๆนั้นทำได้ดีครับไม่หนักแบบ Note 9 ที่ผ่านมา และพกพาได้ง่ายขึ้นเยอะเลย แต่หน้าจอนั้นยังเป็นจอโค้งเช่มเดิมนะครับหลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ชอบมากเท่าไรในจุดนี้ แต่ขอบโค้งทำให้มันดูสวยงามขึ้นเยอะเลยเวลามองตรงๆนั้นเหมือนไม่มีขอบจอเลยแหละครับ
หน้าจอมาพร้อมหน้าจอ แบบใหม่ครั้งแรกของตระกูลครับ เป็นจอแบบ จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED ที่มี ความละเอียด Quad HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และ หน้าจอโค้ง ใช้กระจก Gorilla 6
ขอบด้านล่างเครื่องยังถือว่ามีความหนากว่าด้านบนนิดหน่อยครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมบางกว่าตัวก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ส่วนการควบคุมปุ่มอะไรต่างๆนั้นก็มาในลักษณะเดิม สามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ และ สแกนนิ้วบนหน้าจอตรงบริเวณตรงกลาง แถวๆตรงโลโก้ ลูกโลกในภาพนั้นเองครับ ใช้ระบบ Ultrasonic เจ้าแรกเลยด้วยครับ
สำหรับขอบด้านบนนั้นบางขึ้นกว่าเดิมชัดเจนเลยแหละ และไม่มีติ่งหน้าจออะไรเลยแต่จะมี รูกล้องอยู่มุมขวาที่หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดครับ ข้างๆตัวแบต รวมถึงลำโพง เซนเซอร์อะไรต่างๆก็แทรกอยู่บริเวณนั้นและบนหน้าจอนิดหน่อย
สำหรับขอบบนของตัวเครื่องจะเป็นวัสดุแบบปัดเงาสุดๆไม่มีลวดลายอะไรครับเงินสวยงามเลย และ ถาดซิม รวมถึง รูไมค์ก็อยู่ด้านบนครับซึ่งถาดซิมนั้นเป็นแบบ Slot ที่รองรับ Memmory และ 1 Nano SIM ครับ
ขอบด้านล่างตัวเครื่องนั้นเป็น ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ไมค์อีกตัว ช่อง Type-C และ รูหูฟัง 3.5มม. นั้นยังอยู่ !!
ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเป็นปุ่มที่ หลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้คือปุ่ม Bixby นั้นเอง และ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านขวานั้นมีเพียงปุ่มเดียวคือปุ่ม Power ที่มีการย้ายตำแหน่งไปด้านบนมากๆ ในภาพซ้ายคือหัวเครื่องนะครับ ตำแหน่งมันสูงมากไปจริงๆในการกด เพราะถ้าคนมือไม่ใหญ่จะใช้งานลำบากมาก และเครื่องก็ค่อนข้างยาวเลยแหละ
ทางด้านของกล้องหลังรุ่นนี้มาพร้อมกล้อง 3 ตัวการออกแบบจัดวางไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไรเช่นพวก Note 8-9 ครับแต่เพิ่มมาเป็น 3 กล้อง และมีความโค้งมน มากขึ้น และไม่ได้นูนมากนัก ไฟแฟลช วัดหัวใจอะไรนั้นยังอยู่ครับเลย
ด้านฝาหลังในการไม่มีสแกนนิ้วแล้วโล่งเนียนตามากๆ ขาวนวลเลยครับ ฝาหลังนั้นมีการเล่นสีที่สวยงามมากเหมือนมุกๆ เล่นกับแสงได้ดีทั้งเหลือบ ชมพูบ้าง ฟ้าบ้างครับ และโค้งลงมุมทั้ง 2 ข้างจับได้ถนัดมือและพอดีมากๆครับ
SPEC
- จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED Quad HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+
- Android 9 Pie One UI
- CPU Exynos 9820
- RAM 8 GB
- Storage 128GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า มีระบบกันสั่น OIS + เลนส์ปกติความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, OIS + เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ให้มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าคู่ เลนส์ปกติ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล + เลนส์ระยะชัดตื้น (Depth Lens) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ พร้อม Fast Auto Focus
- สแกนลายนิ้วมือในจอแบบ Ultrasonic, พร้อมฟีเจอร์จดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
- พอร์ท USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- กันน้ำ มาตรฐาน IP68 - ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh
- ขนาดตัวเครื่อง 157.6 x 74.1 x 7.8 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 175 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเครื่องรุ่นนี้ เป็น Exynos 9820 ตัวล่าสุดครับมาพร้อมกับ คะแนน 326961 สำหรับ Antutu ครับ เรียกว่าแรงพอสมควรแต่อาจจะไม่ได้สูงที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่อง 3D Mark นั้นทำได้คะแนน 4283 และ 3979 คะแนนครับ ส่วนคะแนนของทาง Geekbench นั้น 4458 และ 10163 กันเลยทีเดียวครับ เรื่องประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นก็สมราคาครับ และ ได้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1 คะแนนไปแตะ 800 ได้เลย
SYSTEM UI
ทางด้านระบบนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยในทั้งของหน้าตาทั้งหมด และ การใช้งานต่างๆมีความคลีนและลื่นไหลกว่าเดิมชัดเจนครับ อีกทั้งหน้าตานั้นสวยงามขึ้นเยอะเลยเรียกกันว่า One UI ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 8GB นั้นใช้ประมาณครึ่งๆ 3.4 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ ส่วน คียบอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ ส่วนตัว ความจุนั้น เหลือ 109 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 13 GB โดยประมาณครับ
ส่วนการตั้งค่านั้นก็สามารถตั้งค่าปุ่ม Bixby ได้ด้วยครับ และ การปรับตั้งค่าอะไรอีกเยอะแยะเลย ส่วนท่าทางอะไรทั้งหลายการแจ้งเตือน แตะหน้าจอ ยกขึ้นต่างๆให้หน้าจอติดอะไรได้ครับ ส่วนฝ่ามือปัดภาพหน้าจอก็ยังมีรวมถึงปัดทำอื่นๆได้เพื่อโทรอะไรพวกนี้ครับ รวมถึงการปรับ วีดีโอ Game Launcher อะไรทั้งหลายสามารถเปิดปิดได้ทั้งหมด
[SR] รีวิว Samsung Galaxy S10+ เรือธงล่าสุด กล้อง 3 ตัวมุมกว้าง พร้อมจอแบบเจาะรู !
Samsung เริ่มต้นปี 2019 ด้วยการเปิดตัวเรือธงรุ่นล่าสุดมาก่อนใครในปีนี้ เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมายและเป็นการครบรอบ 10 ปีในตระกูล Galaxy S ด้วยนั้นเอง ซึ่งในตระกูลนี้เป็นตัวชูโรงมาโดยตลอดประจำต้นปีของทาง Samsung และ ในปลายปีก็มาด้วย Note ที่เน้นในเรื่องปากกา ในรุ่นนี้เป็นการครบรอบ 10 ปีแน่นอนว่าหลายๆอย่างนั้นก็ค่อนข้างจัดเต็มและมีหลายๆสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอกันในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกือบในทุกๆด้านทั้งการออกแบบ ระบบต่างๆ หน้าตาและรวมถึงกล้องที่ก็มีการปรับปรุงพัฒนามาขึ้นเรื่อยๆ เราจะมาดูกันเลยดีกว่าครบรอบ 10 ปี นั้นจะคุ้มค่าและสมการรอคอยกันแค่ไหน
Samsung Galaxy S10 Plus เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลายๆอย่างทั้งเรื่องของการออกแบบ ดีไซน์ที่ใช้หน้าจอแบบใหม่ Infinity O Display Dynamic AMOLED รองรับ HDR10+ ที่เป็นการพัฒนาหน้าจอที่ไม่มีติ่ง แต่เป็น การเจาะรูหน้าจอแทนครับ และ รวมถึงการใช้กล้องหลัง 3 ตัวที่มีระยะทั้ง ระยะปกติ ระยะเทเล และ เลนส์มุมกว้าง 123 องศา และ กล้องหลักยังคงจุดเด่นที่รองรับการปรับ F1.5/2.4 ได้ครับ และ หน้าตาระบบ UI ก็เปลี่ยนมาใช้ One UI แล้ว ยังมีโหมดใหม่อย่าง super steady video ทำให้การถ่ายวิดีโอออกมาสมูทนิ่งมากๆครับ ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP68 มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5 ถือว่าหลายๆอย่างจัดมาค่อนข้างครบ
สำหรับทางด้านของราคาในตระกูล S10 ทั้งหมดนั้นจะมีตามนี้เลย
- Samsung Galaxy S10e เปิดราคา 26,900 บาท - Samsung Galaxy S10 8/128 GB เปิดราคา 31,900 บาท - Samsung Galaxy S10 Plus 8/128 GB เปิดราคา 35,900 บาท ตัวที่รีวิวนะ - Samsumg Galaxy S10Plus 8/512 GB เปิดราคา 44,900 บาท - รุ่นพิเศษฝาหลังเซรามิค RAM 12GB / 1TB ราคาสูงสุด 55,900 บาท
UNBOX
แกะกล่องกันก่อนครับตัวกล่องนั้นเป็นโทนสีดำ พร้อมกับชื่อรุ่นใหญ่ๆหน้ากล่องกันไปเลย ส่วนทางด้านอุปกรณ์ข้างในมีมาให้คล้ายๆรุ่นเดิม แต่วัสดุหลายๆอย่างนั้นเป็นแบบด้านแทน แอบดูไม่แพงแบบรุ่นก่อนนะ พวกพลาสติกสีขาวนั้นเป้นแบบด้านกันทั้งหมดเลย ทั้งตัวชาร์จ และ ตัวแปลง Adaptor ต่างๆครับ ส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดนั้น
- ตัวเครื่อง S10 Plus
- ที่ชาร์จ
- สาย USB-Type-C
- ตัวแปลง OTG
- หูฟัง ปรับเสียงโดย AKG
- เคสใสแบบแข็ง
- ฟิลม์กันรอยไม่ใช่กระจก ติดมาบนหน้าจอเลย (มูลค่า 900 กว่าบาทเลยนะ)
- คู่มือ และ ก็ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสที่แถมนั้นเป็นเคสแบบใสแข็งครับครอบหลุ่มด้านหลังเครื่องและขอบบนล่างนิดหน่อย ไม่ได้ปกป้องหน้าจอหรือเวลาตกกระแทกอะไรได้เท่าไรครับ มีความบางมากๆมองจากด้านหลังนั้นเหมือนไม่ได้ใส่เคสกันเลยทีเดียวสำหรับตัวนี้ตรงบริเวณปุ่มกดต่างๆอะไรก็ทำการเว้นไว้ครับถือว่าใช้แก้กันรอยชั่วคราวได้แต่หาซื้อเคสดีๆมาใส่กันไว้ดีกว่าครับ
DESIGN
ด้านการออกแบบตัวชูโรงเลยคงหนีไม่พ้นทางด้านของการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูและขอบที่บางลงเรื่อยๆครับจะเห็นว่าหน้าจอขอบบนนั้นบางลงชัดเจน และก็มีการเจาะรูอยู่มุมขวาบนครับซึ่งถ้าตัว 10 ธรรมดานั้นจะเป็นกล้องเดียวนะ ส่วนน้ำหนัก ความหนาบางต่างๆนั้นทำได้ดีครับไม่หนักแบบ Note 9 ที่ผ่านมา และพกพาได้ง่ายขึ้นเยอะเลย แต่หน้าจอนั้นยังเป็นจอโค้งเช่มเดิมนะครับหลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ชอบมากเท่าไรในจุดนี้ แต่ขอบโค้งทำให้มันดูสวยงามขึ้นเยอะเลยเวลามองตรงๆนั้นเหมือนไม่มีขอบจอเลยแหละครับ
หน้าจอมาพร้อมหน้าจอ แบบใหม่ครั้งแรกของตระกูลครับ เป็นจอแบบ จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED ที่มี ความละเอียด Quad HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และ หน้าจอโค้ง ใช้กระจก Gorilla 6
ขอบด้านล่างเครื่องยังถือว่ามีความหนากว่าด้านบนนิดหน่อยครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมบางกว่าตัวก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ส่วนการควบคุมปุ่มอะไรต่างๆนั้นก็มาในลักษณะเดิม สามารถใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ และ สแกนนิ้วบนหน้าจอตรงบริเวณตรงกลาง แถวๆตรงโลโก้ ลูกโลกในภาพนั้นเองครับ ใช้ระบบ Ultrasonic เจ้าแรกเลยด้วยครับ
สำหรับขอบด้านบนนั้นบางขึ้นกว่าเดิมชัดเจนเลยแหละ และไม่มีติ่งหน้าจออะไรเลยแต่จะมี รูกล้องอยู่มุมขวาที่หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดครับ ข้างๆตัวแบต รวมถึงลำโพง เซนเซอร์อะไรต่างๆก็แทรกอยู่บริเวณนั้นและบนหน้าจอนิดหน่อย
สำหรับขอบบนของตัวเครื่องจะเป็นวัสดุแบบปัดเงาสุดๆไม่มีลวดลายอะไรครับเงินสวยงามเลย และ ถาดซิม รวมถึง รูไมค์ก็อยู่ด้านบนครับซึ่งถาดซิมนั้นเป็นแบบ Slot ที่รองรับ Memmory และ 1 Nano SIM ครับ
ขอบด้านล่างตัวเครื่องนั้นเป็น ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ไมค์อีกตัว ช่อง Type-C และ รูหูฟัง 3.5มม. นั้นยังอยู่ !!
ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเป็นปุ่มที่ หลายๆคนนั้นอาจจะไม่ได้ใช้คือปุ่ม Bixby นั้นเอง และ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ด้านขวานั้นมีเพียงปุ่มเดียวคือปุ่ม Power ที่มีการย้ายตำแหน่งไปด้านบนมากๆ ในภาพซ้ายคือหัวเครื่องนะครับ ตำแหน่งมันสูงมากไปจริงๆในการกด เพราะถ้าคนมือไม่ใหญ่จะใช้งานลำบากมาก และเครื่องก็ค่อนข้างยาวเลยแหละ
ทางด้านของกล้องหลังรุ่นนี้มาพร้อมกล้อง 3 ตัวการออกแบบจัดวางไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไรเช่นพวก Note 8-9 ครับแต่เพิ่มมาเป็น 3 กล้อง และมีความโค้งมน มากขึ้น และไม่ได้นูนมากนัก ไฟแฟลช วัดหัวใจอะไรนั้นยังอยู่ครับเลย
ด้านฝาหลังในการไม่มีสแกนนิ้วแล้วโล่งเนียนตามากๆ ขาวนวลเลยครับ ฝาหลังนั้นมีการเล่นสีที่สวยงามมากเหมือนมุกๆ เล่นกับแสงได้ดีทั้งเหลือบ ชมพูบ้าง ฟ้าบ้างครับ และโค้งลงมุมทั้ง 2 ข้างจับได้ถนัดมือและพอดีมากๆครับ
SPEC
- จอ Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว Dynamic AMOLED Quad HD+ รองรับการแสดงผล HDR10+
- Android 9 Pie One UI
- CPU Exynos 9820
- RAM 8 GB
- Storage 128GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซูมได้ 2 เท่า มีระบบกันสั่น OIS + เลนส์ปกติความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, OIS + เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ให้มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าคู่ เลนส์ปกติ ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล + เลนส์ระยะชัดตื้น (Depth Lens) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, Dual Pixel, ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ พร้อม Fast Auto Focus
- สแกนลายนิ้วมือในจอแบบ Ultrasonic, พร้อมฟีเจอร์จดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
- พอร์ท USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- กันน้ำ มาตรฐาน IP68 - ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh
- ขนาดตัวเครื่อง 157.6 x 74.1 x 7.8 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 175 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเครื่องรุ่นนี้ เป็น Exynos 9820 ตัวล่าสุดครับมาพร้อมกับ คะแนน 326961 สำหรับ Antutu ครับ เรียกว่าแรงพอสมควรแต่อาจจะไม่ได้สูงที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่อง 3D Mark นั้นทำได้คะแนน 4283 และ 3979 คะแนนครับ ส่วนคะแนนของทาง Geekbench นั้น 4458 และ 10163 กันเลยทีเดียวครับ เรื่องประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้นก็สมราคาครับ และ ได้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1 คะแนนไปแตะ 800 ได้เลย
SYSTEM UI
ทางด้านระบบนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยในทั้งของหน้าตาทั้งหมด และ การใช้งานต่างๆมีความคลีนและลื่นไหลกว่าเดิมชัดเจนครับ อีกทั้งหน้าตานั้นสวยงามขึ้นเยอะเลยเรียกกันว่า One UI ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 8GB นั้นใช้ประมาณครึ่งๆ 3.4 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ ส่วน คียบอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ ส่วนตัว ความจุนั้น เหลือ 109 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 13 GB โดยประมาณครับ
ส่วนการตั้งค่านั้นก็สามารถตั้งค่าปุ่ม Bixby ได้ด้วยครับ และ การปรับตั้งค่าอะไรอีกเยอะแยะเลย ส่วนท่าทางอะไรทั้งหลายการแจ้งเตือน แตะหน้าจอ ยกขึ้นต่างๆให้หน้าจอติดอะไรได้ครับ ส่วนฝ่ามือปัดภาพหน้าจอก็ยังมีรวมถึงปัดทำอื่นๆได้เพื่อโทรอะไรพวกนี้ครับ รวมถึงการปรับ วีดีโอ Game Launcher อะไรทั้งหลายสามารถเปิดปิดได้ทั้งหมด
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้