ถ้าพูดถึงเมือง Uji หลายคนคงนึกถึงชาเขียวเป็นอันดับเเรก
เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าและผลิตชาเขียวที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เเต่จริงๆเเล้วนอกจากชา
Ujiเป็นเมืองน่ารักเเละเงียบสงบ ตามมาเที่ยว Uji ไปพร้อมกันกับเรานะคะ
Ujiเป็นเมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อยู่ไม่ไกลจากเกียวโต
สำหรับการเดินทางสามารถนั่งรถไฟจาก Kyoto Station (JR Nara Line for Nara)มาลงUji Stationได้เลยค่ะ (ใช้วลาประมาณ 30 นาที )
จุดหมายของเราคือวัดเบียวโดอิน(Byodo-in Temple) ออกจากสถานีเเล้วให้เดินไปตามโค้งเพื่อจะข้ามถนน
หลังจากข้ามถนนให้เดินตรงไป จะพบถนนเบียวโดอินหรือถนนชาเขียว ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีป้ายบอกทางไปวัดเบียวโดอินติดอยู่
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยร้านค้า มีร้านขายชาเเละทุกอย่างที่เกี่ยวกับชาเขียวละลานตาไปหมด
ร้านน่ารักๆก็มีนะคะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงเเล้ว ยังไม่ทานข้าวเที่ยงเลยค่ะ เราหิ้วท้องเพื่อมาทานร้าน
Nakamura Tokichi ร้านอยู่ระหว่างทางไปวัด เดินตามถนนชาเขียวขึ้นมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเจอทางเข้าเเบบนี้
ใครกลัวเลยควรเปิด google map นำทางไปด้วยนะคะ
ร้าน Nakamura Tokichi เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งเเต่ปี 1854 ดังในเรื่องการชงชามายาวนาน ตอนนี้ร้านมีหลายสาขาเเล้วนะคะ
เเต่ที่Ujiนี้เป็นสาขาดั้งเดิม
ร้านอยู่ใกล้กับเเม่น้ำ Uji
พอเข้ามาในร้านเเล้ว ให้มาลงชื่อเพื่อจองคิวก่อน
เรารอประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้โต๊ะ มองออกไปเห็นวิวเเม่น้ำ ทานไปมองวิวไปเพลินมากค่ะ
พนักงานมารับรายการอาหารพร้อมเสิร์ฟชาเขียวร้อน
แผ่นกระดาษบอกวิธีทานโซบะ เมนูของคาวร้านนี้จะเป็นโซบะค่ะ
โซบะเย็นชาเขียว ใน Set มีข้าวโรย Furikake ขนม Matcha Jellyพร้อมด้วยโมจิเเละถั่วเเดงมาให้ด้วย
เส้นเหนียวนุ่มหอมกลิ่นชาอ่อนๆจุ่มลงในน้ำซุปเเล้วทาน อร่อยดีนะคะ
อันนี้เป็นset โซบะร้อน ต่างกับโซบะเย็นตรงเค้าใส่เส้นโซบะลงในซุปร้อนมาเเล้ว
ต่อด้วยขนม ไอศกรีมทานคู่กับชิฟฟ่อนเค้กชาเขียวเข้ากันมาก
อิ่มเเล้วออกเดินทางกันต่อ ตรงนี้จะเต็มไปด้วยร้านขายชาตลอดสองข้างทาง
เราสะดุดตากับเกี๊ยวซ่าชาเขียว ทั้งที่อิ่มเเล้วเเต่ใจมันบอกว่าต้องลอง
ไม่รอช้าเข้าไปต่อคิวสั่งทันทีค่ะ นอกจากเกี๊ยวซ่าชาเขียวยังมีทาโกะยากิชาเขียวด้วย
ของจริงมันดูซีดๆกว่าในป้ายโฆษณาด้านหน้า พอลองชิมอืมมม มันชืดมากไม่รู้เพราะอากาศเย็นหรือทำไว้นานเเล้ว แป้งตรงขอบค่อนข้างเเข็ง
ผ่านร้านไอศกรีมได้เเต่มอง ทานไม่ไหวเเล้วค่ะ
เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงหน้าวัดเบียวโดอิน
ค่าเข้าชมสถานที่คนละ 600 เยน
บรรยากาศด้านในดีมาก เราประทับใจสุดๆ
วัดเบียวโดอินเป็นวัดเก่าแก่ทางพุทธศาสนาสร้างขึ้นเมื่อปี 1541
เเละได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1994
อาคารหลักของวัดคือศาลาหงส์ หรือศาลาอมิตาภะ เป็นศาลาไม้ล้อมรอบด้วยสระน้ำ อีกทั้งยังเป็นที่
ประดิษฐานพระพุทธรูปอมิตาภะด้วย
ด้านหลังเหรียญ10 เยน คือภาพวัดเบียวโดอินนี้เอง
เดินเล่นเพลินเผลอแป็ปเดียวสี่โมงเย็นเเล้ว ได้เวลาต้องเดินทางกลับเกียวโต เเต่ก่อนกลับเราจะเเวะชมวิวยามเย็นที่สะพานUji (Uji-bashi) กันค่ะ
เดินย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านร้านNakamura Tokichi อีกครั้งเลยเเวะทานไอศกรีม
ตรงด้านหน้าร้านจะเป็นร้านขายใบชาเเละขนมของทางร้าน เราสามารถสั่งไอศกรีมจากตรงนี้ได้เลย
อร่อย.......ทานเเล้วทานอีก
จากร้านเดินอีกไม่ไกลถึงสะพาน Uji จะเห็นอนุสาวรีย์ของMurasaki Shikibu ผู้เเต่งเรื่อง"Tale of Genji" ในช่วงกลางของสมัยเฮอัน
เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในวรรณกรรมระดับmasterpiece
สะพาน Uji สร้างขึ้นตั้งเเต่สมัยเฮอัน มีการปรับปรุงเเละสร้างขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง
จากบนสะพานจะมองเห็นเเม่น้ำUji ไหล่ผ่าน
อยู่ตรงนี้รู้สึกสบายตา สบายใจ ไม่อยากลับเลยค่ะ
ได้เวลาต้องกลับเกียวโตจริงๆเเล้ว เพราะเรามีเเพลนจะไปเดินเล่นเเละหาอะไรทานเเถว Nishiki Market
ตอนกลับให้มาข้ามถนนตรงหน้าอนุสาวรีย์ เเละเดินตรงขึ้นไปก็จะถึง Uji Station
ระหว่างทางมีร้านขายของให้เเวะซื้อเเวะชม
Uji ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีกนะคะ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าUjigami, วัดManpuku-ji, ศาลเจ้าUji,
วัดMimurotoji เเละพิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิ เเต่เรามาครึ่งวันเลยเที่ยวได้เเค่นี้ ยอมรับเลยว่าหลงรักเมืองนี้มาก บรรยากาศสวยเเละสงบ
มาเเล้วเหมือนได้เยียวยาทั้งจิตใจเเละร่างกายไปในตัวด้วยค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
[CR] One Fine Day in Uji
เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าและผลิตชาเขียวที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม เเต่จริงๆเเล้วนอกจากชา
Ujiเป็นเมืองน่ารักเเละเงียบสงบ ตามมาเที่ยว Uji ไปพร้อมกันกับเรานะคะ
Ujiเป็นเมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อยู่ไม่ไกลจากเกียวโต
สำหรับการเดินทางสามารถนั่งรถไฟจาก Kyoto Station (JR Nara Line for Nara)มาลงUji Stationได้เลยค่ะ (ใช้วลาประมาณ 30 นาที )
จุดหมายของเราคือวัดเบียวโดอิน(Byodo-in Temple) ออกจากสถานีเเล้วให้เดินไปตามโค้งเพื่อจะข้ามถนน
หลังจากข้ามถนนให้เดินตรงไป จะพบถนนเบียวโดอินหรือถนนชาเขียว ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีป้ายบอกทางไปวัดเบียวโดอินติดอยู่
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยร้านค้า มีร้านขายชาเเละทุกอย่างที่เกี่ยวกับชาเขียวละลานตาไปหมด
ร้านน่ารักๆก็มีนะคะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงเเล้ว ยังไม่ทานข้าวเที่ยงเลยค่ะ เราหิ้วท้องเพื่อมาทานร้าน
Nakamura Tokichi ร้านอยู่ระหว่างทางไปวัด เดินตามถนนชาเขียวขึ้นมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเจอทางเข้าเเบบนี้
ใครกลัวเลยควรเปิด google map นำทางไปด้วยนะคะ
ร้าน Nakamura Tokichi เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งเเต่ปี 1854 ดังในเรื่องการชงชามายาวนาน ตอนนี้ร้านมีหลายสาขาเเล้วนะคะ
เเต่ที่Ujiนี้เป็นสาขาดั้งเดิม
ร้านอยู่ใกล้กับเเม่น้ำ Uji
พอเข้ามาในร้านเเล้ว ให้มาลงชื่อเพื่อจองคิวก่อน
เรารอประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้โต๊ะ มองออกไปเห็นวิวเเม่น้ำ ทานไปมองวิวไปเพลินมากค่ะ
พนักงานมารับรายการอาหารพร้อมเสิร์ฟชาเขียวร้อน
แผ่นกระดาษบอกวิธีทานโซบะ เมนูของคาวร้านนี้จะเป็นโซบะค่ะ
โซบะเย็นชาเขียว ใน Set มีข้าวโรย Furikake ขนม Matcha Jellyพร้อมด้วยโมจิเเละถั่วเเดงมาให้ด้วย
เส้นเหนียวนุ่มหอมกลิ่นชาอ่อนๆจุ่มลงในน้ำซุปเเล้วทาน อร่อยดีนะคะ
อันนี้เป็นset โซบะร้อน ต่างกับโซบะเย็นตรงเค้าใส่เส้นโซบะลงในซุปร้อนมาเเล้ว
ต่อด้วยขนม ไอศกรีมทานคู่กับชิฟฟ่อนเค้กชาเขียวเข้ากันมาก
อิ่มเเล้วออกเดินทางกันต่อ ตรงนี้จะเต็มไปด้วยร้านขายชาตลอดสองข้างทาง
เราสะดุดตากับเกี๊ยวซ่าชาเขียว ทั้งที่อิ่มเเล้วเเต่ใจมันบอกว่าต้องลอง
ไม่รอช้าเข้าไปต่อคิวสั่งทันทีค่ะ นอกจากเกี๊ยวซ่าชาเขียวยังมีทาโกะยากิชาเขียวด้วย
ของจริงมันดูซีดๆกว่าในป้ายโฆษณาด้านหน้า พอลองชิมอืมมม มันชืดมากไม่รู้เพราะอากาศเย็นหรือทำไว้นานเเล้ว แป้งตรงขอบค่อนข้างเเข็ง
ผ่านร้านไอศกรีมได้เเต่มอง ทานไม่ไหวเเล้วค่ะ
เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงหน้าวัดเบียวโดอิน
ค่าเข้าชมสถานที่คนละ 600 เยน
บรรยากาศด้านในดีมาก เราประทับใจสุดๆ
วัดเบียวโดอินเป็นวัดเก่าแก่ทางพุทธศาสนาสร้างขึ้นเมื่อปี 1541
เเละได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1994
อาคารหลักของวัดคือศาลาหงส์ หรือศาลาอมิตาภะ เป็นศาลาไม้ล้อมรอบด้วยสระน้ำ อีกทั้งยังเป็นที่
ประดิษฐานพระพุทธรูปอมิตาภะด้วย
ด้านหลังเหรียญ10 เยน คือภาพวัดเบียวโดอินนี้เอง
เดินเล่นเพลินเผลอแป็ปเดียวสี่โมงเย็นเเล้ว ได้เวลาต้องเดินทางกลับเกียวโต เเต่ก่อนกลับเราจะเเวะชมวิวยามเย็นที่สะพานUji (Uji-bashi) กันค่ะ
เดินย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านร้านNakamura Tokichi อีกครั้งเลยเเวะทานไอศกรีม
ตรงด้านหน้าร้านจะเป็นร้านขายใบชาเเละขนมของทางร้าน เราสามารถสั่งไอศกรีมจากตรงนี้ได้เลย
อร่อย.......ทานเเล้วทานอีก
จากร้านเดินอีกไม่ไกลถึงสะพาน Uji จะเห็นอนุสาวรีย์ของMurasaki Shikibu ผู้เเต่งเรื่อง"Tale of Genji" ในช่วงกลางของสมัยเฮอัน
เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในวรรณกรรมระดับmasterpiece
สะพาน Uji สร้างขึ้นตั้งเเต่สมัยเฮอัน มีการปรับปรุงเเละสร้างขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง
จากบนสะพานจะมองเห็นเเม่น้ำUji ไหล่ผ่าน
อยู่ตรงนี้รู้สึกสบายตา สบายใจ ไม่อยากลับเลยค่ะ
ได้เวลาต้องกลับเกียวโตจริงๆเเล้ว เพราะเรามีเเพลนจะไปเดินเล่นเเละหาอะไรทานเเถว Nishiki Market
ตอนกลับให้มาข้ามถนนตรงหน้าอนุสาวรีย์ เเละเดินตรงขึ้นไปก็จะถึง Uji Station
ระหว่างทางมีร้านขายของให้เเวะซื้อเเวะชม
Uji ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีกนะคะ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าUjigami, วัดManpuku-ji, ศาลเจ้าUji,
วัดMimurotoji เเละพิพิธภัณฑ์นิทานเก็นจิ เเต่เรามาครึ่งวันเลยเที่ยวได้เเค่นี้ ยอมรับเลยว่าหลงรักเมืองนี้มาก บรรยากาศสวยเเละสงบ
มาเเล้วเหมือนได้เยียวยาทั้งจิตใจเเละร่างกายไปในตัวด้วยค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้