Captain Marvel (Anna Boden, Ryan Fleck, 2019)
"หนังเรียบเกินไป แต่โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหนังมาร์เวล" กัปตันมาร์เวล คือตัวละครที่จะมากอบกู้เหล่าอเวนเจอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเราค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้เห็นพลังที่พอจะทำให้มองภาพออกว่าจะสู้กับ ‘มันม่วงธานอส’ ยังไงแบบไหน แต่หนังก็เสียเวลาไปกับความยืดยาวของการตามหาความหลังที่แทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรต่อตัวละคร รวมทั้งยังนำเสนอเรื่องราวได้จืดชืดไม่หวือหวา ธรรมดาเกินไปสำหรับฮีโร่ที่มีพลังมากที่สุดในจักรวาลนี้ จนไปถึงไดอะล็อกต่าง ๆ ที่หนังเลือกใช้ในแต่ละสถานการณ์นั้นไม่สามารถส่งให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดูน่าจดจำและประทับใจจนทำให้เราหลงรักตัวละครตัวนี้ หรือรู้สึกพิเศษกับตัวละครตัวนี้มากเท่าที่ควร และถ้าจะมองถึงการเปิดตัวหนังภาคแรกของฮีโร่มาร์เวลทั้งหมด สำหรับเรา ‘Captain Marvel’ ทำได้น่าผิดหวังที่สุด เพราะเราแทบที่จะมองไม่เห็นประเด็นอะไรมากไปกว่าการตามหาความหลังว่าตัวเองคือใครผ่านภาพนิมิตความทรงจำ หรือประเด็นแยกย่อยที่หนังหยิบมาเป็นพล็อตเรื่องต่อภารกิจต่าง ๆ ก็ดูฉาบฉวยไม่น่าเชื่อถือ แต่กระนั้น ภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นงานฉาก งานภาพ หรือฉากแอคชั่น ยังคงทำได้ตามมาตรฐาน
สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้หนังดูสนุกเพลิดเพลินได้และสร้างสีสันดีคือตัวละคร 'กัปตันมาร์เวล' และ 'นิค ฟูรี่' ที่ดูจะเคมีเข้ากันพร้อมทั้งมีฉากสร้างรอยยิ้มของคู่นี้พอสมควร อีกส่วนหนึ่งคือเสน่ห์ของ ‘บรี ลาร์สัน’ ที่พอจะทำให้ตัวละครไม่ได้มีมิติทางอารมณ์ที่แบนราบเกินไปตามพล็อตเรื่อง ส่วน 'แมวกูส' มาเพื่อเป็นตัวขโมยซีนจริง ๆ ฉากหลังของหนังเป็นยุค 80-90 ที่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่บางคนดูแล้วรู้สึกคิดถึงบรรยากาศในสมัยนั้นขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ก็คงจะเข้าใจได้ในระดับหนึ่งที่หนังไม่เล่นใหญ่หรือใช้สเกลที่ใหญ่โตเกินไป จนทำให้ใส่พลังได้ไม่ค่อยเต็มที่เต็มเหนี่ยว เพราะสเกลใหญ่โตของจริงคือ Avenger: End Game ที่จะเข้าฉายเดือนหน้า ท้ายสุด Captain Marvel คงจะเป็นแค่งานเรียกน้ำย่อยและเพิ่มตัวละครให้กับ Avenger ภาคจบอย่างตั้งใจ ซึ่งเรามีความรู้สึกเสียดายประเด็นแยกย่อยของหนังที่ไม่สามารถทำได้สุดทาง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: Captain Marvel (Anna Boden, Ryan Fleck, 2019) รีวิวโดย Form Corleone
"หนังเรียบเกินไป แต่โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหนังมาร์เวล" กัปตันมาร์เวล คือตัวละครที่จะมากอบกู้เหล่าอเวนเจอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเราค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้เห็นพลังที่พอจะทำให้มองภาพออกว่าจะสู้กับ ‘มันม่วงธานอส’ ยังไงแบบไหน แต่หนังก็เสียเวลาไปกับความยืดยาวของการตามหาความหลังที่แทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรต่อตัวละคร รวมทั้งยังนำเสนอเรื่องราวได้จืดชืดไม่หวือหวา ธรรมดาเกินไปสำหรับฮีโร่ที่มีพลังมากที่สุดในจักรวาลนี้ จนไปถึงไดอะล็อกต่าง ๆ ที่หนังเลือกใช้ในแต่ละสถานการณ์นั้นไม่สามารถส่งให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดูน่าจดจำและประทับใจจนทำให้เราหลงรักตัวละครตัวนี้ หรือรู้สึกพิเศษกับตัวละครตัวนี้มากเท่าที่ควร และถ้าจะมองถึงการเปิดตัวหนังภาคแรกของฮีโร่มาร์เวลทั้งหมด สำหรับเรา ‘Captain Marvel’ ทำได้น่าผิดหวังที่สุด เพราะเราแทบที่จะมองไม่เห็นประเด็นอะไรมากไปกว่าการตามหาความหลังว่าตัวเองคือใครผ่านภาพนิมิตความทรงจำ หรือประเด็นแยกย่อยที่หนังหยิบมาเป็นพล็อตเรื่องต่อภารกิจต่าง ๆ ก็ดูฉาบฉวยไม่น่าเชื่อถือ แต่กระนั้น ภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นงานฉาก งานภาพ หรือฉากแอคชั่น ยังคงทำได้ตามมาตรฐาน
สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้หนังดูสนุกเพลิดเพลินได้และสร้างสีสันดีคือตัวละคร 'กัปตันมาร์เวล' และ 'นิค ฟูรี่' ที่ดูจะเคมีเข้ากันพร้อมทั้งมีฉากสร้างรอยยิ้มของคู่นี้พอสมควร อีกส่วนหนึ่งคือเสน่ห์ของ ‘บรี ลาร์สัน’ ที่พอจะทำให้ตัวละครไม่ได้มีมิติทางอารมณ์ที่แบนราบเกินไปตามพล็อตเรื่อง ส่วน 'แมวกูส' มาเพื่อเป็นตัวขโมยซีนจริง ๆ ฉากหลังของหนังเป็นยุค 80-90 ที่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่บางคนดูแล้วรู้สึกคิดถึงบรรยากาศในสมัยนั้นขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ก็คงจะเข้าใจได้ในระดับหนึ่งที่หนังไม่เล่นใหญ่หรือใช้สเกลที่ใหญ่โตเกินไป จนทำให้ใส่พลังได้ไม่ค่อยเต็มที่เต็มเหนี่ยว เพราะสเกลใหญ่โตของจริงคือ Avenger: End Game ที่จะเข้าฉายเดือนหน้า ท้ายสุด Captain Marvel คงจะเป็นแค่งานเรียกน้ำย่อยและเพิ่มตัวละครให้กับ Avenger ภาคจบอย่างตั้งใจ ซึ่งเรามีความรู้สึกเสียดายประเด็นแยกย่อยของหนังที่ไม่สามารถทำได้สุดทาง...
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/