ชื่อของ “ชาร์ลส์ แมนสัน” นั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากเหตุการณ์การนำกลุ่มสาวกที่เรียกตัวเองว่า “แมนสันแฟมิลี่” ก่อคดีฆาตกรรมที่เรียกได้ว่าราวกับไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ จนทำให้ชาวอเมริกันในยุค 60’s ต้องสะพรึงกลัว วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับฆาตกรคนนี้เหตุใดคนที่บ้าจนหลุดโลกถึงได้มีคนติดตามจนสามารถบงการให้ทำสิ่งที่ชั่วร้าย และเหตุใดเขาจึงกลายมาเป็นอสูรกายในคราบมนุษย์
ชมคลิปได้เลยจ้า
ชาร์ลส์ ไมลส์ แมนสัน เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1934 ด้วยความไม่พร้อมของผู้เป็นแม่ที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น เห็นได้จากในตอนที่เขาเกิดมา เขาถูกเรียกโดยแม่ของตนเองว่า “เด็กไม่มีชื่อ” (No Name) จนได้ลุงมาตั้งชื่อให้ ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นหายไปตั้งแต่รู้ว่าหญิงสาวตั้งท้อง ชาร์ลส์ถูกเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ไม่นานนักแม่ก็ติดเหล้าและมักกระเตงเขาไปยังบาร์เพื่อดื่มเหล้าอยู่เป็นประจำถ้าไม่มีใครดูแลเด็กน้อยให้
WIKIPEDIA PDชาร์ลส์ไม่เป็นที่ต้องการของแม่อย่างแท้จริง เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเสนอเด็กชายให้กับหญิงบริกรในบาร์ที่อยากมีลูกเพื่อแลกกับเบียร์เพียงเหยือกเดียวเท่านั้น แต่ผู้เป็นลุงนั้นไปตามมาคืนในภายหลัง ชาร์ลส์เติบโตมาในฐานะเด็กที่พลาดเกิดขึ้นมา เพราะแม่ของเขานั้นไม่ได้ให้ความรักความผูกพันใดๆ แก่ชาร์ลส์เลย เรียกได้ว่าเลี้ยงเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ เพียงเท่านั้น ยามใดที่แม่ติดคุกชาร์ลส์ก็จะระเหเร่ร่อนไปอยู่กับญาติๆ เพื่อรอให้ส่งตัวกลับมาอยู่กับแม่ที่ไม่ได้เต็มใจเลี้ยง ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาร์ลส์นั้นไม่ได้รับการอบรมในแบบที่มนุษย์ควรจะได้รับ ความถูกผิดใดๆ ไม่ได้มีอยู่ในจิตใต้สำนึกของชาร์ลส์ เขาก่อเรื่องตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ ไม่ว่าจะเป็นการลักเล็กขโมยน้อย กลั่นแกล้งเด็กคนอื่นจนเป็นที่รังเกียจ เมื่อชาร์ลส์อายุได้ 10 ขวบแม่ก็ตัดภาระด้วยการส่งชาร์ลส์ไปเข้าโรงเรียนประจำในความดูแลของรัฐ
ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งรวมเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการ การเข้าไปอยู่ในโรงเรียนประจำนั้น ชาร์ลส์ทนอยู่ได้แค่ 10 เดือนก็แหกรั้วโรงเรียนหนีออกมาอยู่กับแม่เช่นเดิม ถึงแม้ว่าชาร์ลส์จะมีความเฉลียวฉลาดเพราะในการทดสอบระดับสติปัญญาก็พบว่าชาร์ลส์นั้นมีไอคิวสูงถึง 109 ซึ่งเหนือกว่าเด็กปกติ แต่ทว่าด้วยพฤติกรรมการต่อต้านสังคมที่ไม่ได้รับการปลูกฝังในทางที่ควรมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กทำให้ชาร์ลส์ไม่สนใจเรียน และมักจะก่อปัญหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่ออายุย่างเข้า 13 ปี ชาร์ลส์เริ่มก่ออาชญากรรมด้วยการปล้นร้านค้า ปล้นปั๊มน้ำมัน ขโมยรถ นำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ทั้งเสพกัญชา LSD ดื่มเหล้า WIKIPEDIA PDผลจากการใช้ชีวิตเช่นนี้ก็ทำให้ชาร์ลส์ย้ายตัวเองเข้าไปอาศัยอยู่ในโรงเรียนดัดสันดาน เมื่อใดที่ได้ออกมาก็ไม่เกิน 3 สัปดาห์ก็ก่อเรื่องจนทำให้ตำรวจมาจับตัว จนแทบจะเรียกได้ว่าสถานพินิจนั้นกลายเป็นบ้านแหล่งที่ 2 สำหรับชาร์ลส์เลยทีเดียว ชีวิตภายในสถานพินิจสำหรับชาร์ลส์แล้วก็เหมือนกับการเข้ามาพักผ่อนและเรียนรู้เรื่องต่างๆ ภายในนี้ชาร์ลส์ได้เรียนรู้วิธีการปล้น การขโมยรถ รวมไปถึงหัดเล่นกีตาร์จนสามารถแต่งเพลงได้และความสามารถในด้านดนตรีนี้เองที่ทำให้ชาร์ลส์ไปถึงจุดที่เขามีสาวกที่เข้ามาติดตาม ชาร์ลส์ใช้ชีวิตเช่นนี้จนกระทั่งอายุได้ 32 ปี ในยุคนั้นเป็นยุคสมัยกลุ่มบุปผาชนที่ใช้ชีวิตเพื่อสันติภาพ ชาร์ลส์ใช้วาทะศิลป์และดนตรีผสมกันออกเดินทางตระเวนไปทั่วแคลิฟอร์เนียจนมีสาวกที่หลงคารมและบทเพลงของชาร์ลส์ตามมาเป็นพรวน สิ่งที่ชาร์ลส์ใช้กล่อมเหล่าสาวกนั้นก็คือแนวคิดการต่อต้านสงคราม ต่อต้านพระเจ้าและเชิดชูแนวคิดที่สามารถใช้ชีวิตใด้ตามปรารถนาประกอบกับก่อนที่ชาร์ลส์จะเริ่มต้นเล่นดนตรีและพูดแนวคิดเขามักจะแจก LSD ให้กับผู้ที่มาฟังก่อนเสมอ ซึ่งการออกตระเวนไปเผยแพร่แนวคิดนี้ทำให้ชาร์ลส์สามารถดึงวัยรุ่นหญิงเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันได้ถึง 18 คนและทุกคนคือผู้หญิงของชาร์ลส์ทั้งหมด AFFLICTOR.COMในปี 1968 ชาร์ลส์ได้รู้จักกับเดนนิส วิลสัน มือกลองวง The Beach Boys วงดนตรีร็อกชื่อดังในยุค 60’s ซึ่งการรู้จักครั้งแรกนั้นไม่ได้รู้จักกันในฐานะคนทำเพลงหรือแฟนเพลง หากแต่ว่ารู้จักกันผ่านสาวน้อย 2 นางที่เป็นสาวกของชาร์ลส์ที่บังเอิญมาพักที่บ้านของเดนนิสก่อนที่สาวน้อยจะชวนชาร์ลส์ให้มาปาร์ตี้กันที่บ้านของเดนนิสและหลังจากนั้นชาร์ลส์ก็มักจะเข้ามาที่บ้านและไปๆ มาๆ ซึ่งเดนนิสก็ตกกระไดพลอยโจนให้ชาร์ลส์เข้ามาอยู่ได้ ซึ่งก็แลกด้วยการส่งสาวกสาวๆ ร่วมหลับนอนกับเดนนิสแทนค่าเช่า ชีวิตในบ้านของเดนนิสของชาร์ลส์นั้นเรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับ “เห็บ” เลยแม้แต่น้อย เพราะชาร์ลส์ไม่ได้ทำงานทำการอะไร เดนนิสต้องเป็นฝ่ายประเคนให้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร เหล้า รวมไปถึงยาเสพติดที่ให้ผ่านการมอบเงินให้ชาร์ลส์ไปซื้อมา นอกเหนือจากนี้ยังต้องจ่ายสำหรับสาวกของชาร์ลส์ที่มักจะแวะเวียนมาปาร์ตี้ที่บ้านเสมอและทุกครั้งที่พวกเขาเมาก็จะอาละวาดทำลายข้าวของจนเสียหาย อีกทั้งเดนนิสยังต้องเสียเงินในการรักษาโรคที่ติดมาจากสาวกสาวที่ชาร์ลส์ส่งมาบำเรอ REBELCIRCUS.COMประโยชน์อย่างเดียวที่เดนนิสได้รับจากการให้ชาร์ลส์เข้ามาอาศัยร่วมชายคา (ไม่รวมสาวกสาวๆ) นั้นก็คือการที่ทั้งคู่ได้ทำงานเพลงร่วมกันเพราะเดนนิสสังเกตว่าชาร์ลส์นั้นมีพรสวรรค์ในเรื่องการทำเพลงไม่เบาจึงได้แนะนำให้ชาร์ลส์รู้จักกับบุคคลในวงการดนตรีที่มีชื่อเสียงมากมาย อีกทั้งยังได้รับโอกาสในการช่วยงานในอัลบั้มของ “The Beatles” ในเพลง Helter Skelter WIKIPEDIA PDแต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งเดนนิสก็เริ่มตาสว่างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขาได้รับจากการที่ให้ชาร์ลส์เข้ามาอาศัยในบ้านของตนเองนั้นมันสร้างผลเสียมากกว่าผลดีจึงทำให้เดนนิสตัดสินใจที่จะอัญเชิญชาร์ลส์ให้ออกจากบ้านและไปหาที่อยู่ใหม่ซะ ซึ่งชาร์ลส์ก็ยินยอมออกไปอย่างไม่พอใจ ชาร์ลส์และสาวกได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านไร่ Spahn Ranch โดยชาร์ลส์และสาวกได้ช่วยกันเปลี่ยนกระท่อมที่ทรุดโทรมให้กลายเป็นรังใหม่ของพวกเขา และใช้สาวกสาวในการจ่ายเป็นค่าเช่าให้กับชายตาบอดซึ่งเป็นเจ้าของไร่
เปิดประวัติ "Charles Manson" ผู้นำลัทธิคลั่งแห่ง Manson Family !!
WIKIPEDIA PDชาร์ลส์ไม่เป็นที่ต้องการของแม่อย่างแท้จริง เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเสนอเด็กชายให้กับหญิงบริกรในบาร์ที่อยากมีลูกเพื่อแลกกับเบียร์เพียงเหยือกเดียวเท่านั้น แต่ผู้เป็นลุงนั้นไปตามมาคืนในภายหลัง ชาร์ลส์เติบโตมาในฐานะเด็กที่พลาดเกิดขึ้นมา เพราะแม่ของเขานั้นไม่ได้ให้ความรักความผูกพันใดๆ แก่ชาร์ลส์เลย เรียกได้ว่าเลี้ยงเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ เพียงเท่านั้น ยามใดที่แม่ติดคุกชาร์ลส์ก็จะระเหเร่ร่อนไปอยู่กับญาติๆ เพื่อรอให้ส่งตัวกลับมาอยู่กับแม่ที่ไม่ได้เต็มใจเลี้ยง ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาร์ลส์นั้นไม่ได้รับการอบรมในแบบที่มนุษย์ควรจะได้รับ ความถูกผิดใดๆ ไม่ได้มีอยู่ในจิตใต้สำนึกของชาร์ลส์ เขาก่อเรื่องตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ ไม่ว่าจะเป็นการลักเล็กขโมยน้อย กลั่นแกล้งเด็กคนอื่นจนเป็นที่รังเกียจ เมื่อชาร์ลส์อายุได้ 10 ขวบแม่ก็ตัดภาระด้วยการส่งชาร์ลส์ไปเข้าโรงเรียนประจำในความดูแลของรัฐ