ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556
ที่มาภาพ: http://www.news.com.au/entertainment/is-mel-gibson-the-father-of-jodie-fosters-kids/story-e6frfmq9-1226557193877
หลังจากที่ออกมาเปิดตัวกับแฟนๆ ทั่วโลกอย่างเป็นทางการว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ความฮอตของดารารุ่นเก๋า
โจดี้ ฟอสเตอร์ ก็ยังไม่หมดไป ล่าสุดจากกระแสกอสซิปเรื่องการนั่งโต๊ะเดียวกันอย่างสนิทสนมในงานเลี้ยงประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำของเธอกับ
เมล กิ๊บสัน และลูกชายทั้งสองคน ก็ทำให้เกิดกระแสข่าวลือล่าสุดว่า แท้จริงแล้ว เมล กิ๊บสัน อาจเป็นพ่อที่แท้จริงของลูกชายทั้งสองของเธอ
กระแสข่าวลือครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่โจดี้ในวัย 50 ปีออกมากล่าวคำขอบคุณระหว่างรับรางวัลเกียรติยศในฐานะนักแสดงบนเวทีลูกโลกทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนิวยอร์ก โพสต์ ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเป็นนักศึกษาด้านการสืบวงศ์ตระกูลว่า หนุ่ม
ชาร์ลส์ วัย 14 ปี และ
คิท วัย 12 ปี ลูกชายทั้งสองคนของโจดี้ อาจเป็นลูกของเมล เพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเมลอย่างมาก เพียงแต่สีผมที่บลอนด์สว่างกว่าเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นอกจากจะขอบคุณคุณแม่ อดีตคู่รักหญิงของเธอ และโปรดิวเซอร์คู่ชีพ
ซิดนีย์ เบอร์นาร์ด แล้ว เธอยังยกย่อง เมล กิ๊บสัน ดารารุ่นใหญ่ที่นั่งเคียงข้างเธอในงานด้วย
โจดี้กล่าวว่า
เบอร์นาร์ดเป็นหนึ่งในคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนจะเสริมว่า เมลก็เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยชีวิตเธอด้วย
แถมที่ผ่านมา โจดี้ยังทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีกับเมลมาตลอด ทั้งๆ ที่เขามีเรื่องอื้อฉาวมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งข่าวเหยียดผิวชาวยิว ทิ้งเมียไปมีลูกกับเมียน้อย หรือการถูกแฉว่าดุด่าทารุณเมียน้อยจนเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ ชาร์ลส์และคิทเองก็ยังไม่รู้ความจริงว่า ใครเป็นพ่อของพวกเขา แต่ได้มีข่าวว่า โจดี้ได้สัญญากับลูกๆ ว่า จะบอกพวกเขาว่าใครเป็นพ่อเมื่ออายุได้ 21 ปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเช่นกันว่า
แรนดี้ สโตน อดีตผู้กำกับคนสนิทของโจดี้ ซึ่งเป็นเกย์ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจเมื่อปี 2550 อาจเป็นคนที่ช่วยบริจาคอสุจิให้กับเธอ
ทั้งนี้ โจดี้และเมลเป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อปี 2537 เมื่อทั้งคู่ได้แสดงหนังด้วยกันในเรื่อง Maverick และเธอเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า
"เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักและอ่อนไหวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ ฉันรู้ทันทีเมื่อตอนที่พบเขาว่า ฉันจะรักเขาไปตลอดชีวิต" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับเมลมากแค่ไหน
ลือหึ่ง 'เมล กิ๊บสัน' พ่อตัวจริงลูก 'โจดี้ ฟอสเตอร์'
ที่มาภาพ: http://www.news.com.au/entertainment/is-mel-gibson-the-father-of-jodie-fosters-kids/story-e6frfmq9-1226557193877
หลังจากที่ออกมาเปิดตัวกับแฟนๆ ทั่วโลกอย่างเป็นทางการว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ความฮอตของดารารุ่นเก๋า โจดี้ ฟอสเตอร์ ก็ยังไม่หมดไป ล่าสุดจากกระแสกอสซิปเรื่องการนั่งโต๊ะเดียวกันอย่างสนิทสนมในงานเลี้ยงประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำของเธอกับ เมล กิ๊บสัน และลูกชายทั้งสองคน ก็ทำให้เกิดกระแสข่าวลือล่าสุดว่า แท้จริงแล้ว เมล กิ๊บสัน อาจเป็นพ่อที่แท้จริงของลูกชายทั้งสองของเธอ
กระแสข่าวลือครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่โจดี้ในวัย 50 ปีออกมากล่าวคำขอบคุณระหว่างรับรางวัลเกียรติยศในฐานะนักแสดงบนเวทีลูกโลกทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนิวยอร์ก โพสต์ ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเป็นนักศึกษาด้านการสืบวงศ์ตระกูลว่า หนุ่ม ชาร์ลส์ วัย 14 ปี และ คิท วัย 12 ปี ลูกชายทั้งสองคนของโจดี้ อาจเป็นลูกของเมล เพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเมลอย่างมาก เพียงแต่สีผมที่บลอนด์สว่างกว่าเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นอกจากจะขอบคุณคุณแม่ อดีตคู่รักหญิงของเธอ และโปรดิวเซอร์คู่ชีพ ซิดนีย์ เบอร์นาร์ด แล้ว เธอยังยกย่อง เมล กิ๊บสัน ดารารุ่นใหญ่ที่นั่งเคียงข้างเธอในงานด้วย
โจดี้กล่าวว่า เบอร์นาร์ดเป็นหนึ่งในคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต ก่อนจะเสริมว่า เมลก็เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยชีวิตเธอด้วย
แถมที่ผ่านมา โจดี้ยังทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีกับเมลมาตลอด ทั้งๆ ที่เขามีเรื่องอื้อฉาวมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งข่าวเหยียดผิวชาวยิว ทิ้งเมียไปมีลูกกับเมียน้อย หรือการถูกแฉว่าดุด่าทารุณเมียน้อยจนเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ ชาร์ลส์และคิทเองก็ยังไม่รู้ความจริงว่า ใครเป็นพ่อของพวกเขา แต่ได้มีข่าวว่า โจดี้ได้สัญญากับลูกๆ ว่า จะบอกพวกเขาว่าใครเป็นพ่อเมื่ออายุได้ 21 ปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเช่นกันว่า แรนดี้ สโตน อดีตผู้กำกับคนสนิทของโจดี้ ซึ่งเป็นเกย์ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจเมื่อปี 2550 อาจเป็นคนที่ช่วยบริจาคอสุจิให้กับเธอ
ทั้งนี้ โจดี้และเมลเป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อปี 2537 เมื่อทั้งคู่ได้แสดงหนังด้วยกันในเรื่อง Maverick และเธอเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า "เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักและอ่อนไหวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ ฉันรู้ทันทีเมื่อตอนที่พบเขาว่า ฉันจะรักเขาไปตลอดชีวิต" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับเมลมากแค่ไหน