เซ็กส์เสื่อมในวัยรุ่น - บทความสาระ

เซ็กส์เสื่อมในวัยหนุ่ม
บทที่ 1 : ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดกับชายหนุ่มหลายคนในวันนี้
.
.
.
*** หากท่านรู้สึกมีปัญหากับสมรรถภาพทางเพศของท่าน ผมขอแนะนำให้ท่าน “ปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้ และ ดูแลสุขภาพของตัวท่านก่อนเป็นอันดับแรก”
.
แต่ถ้าหากท่านยังคงรู้สึกว่าอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของท่านไม่ดีขึ้น ท่านจะลองศึกษา “วิธีที่ผมแนะนำ” เป็นอีกทางเลือกก็ได้ครับ
.
*** บทความนี้เป็นการเล่าประสบการณ์และให้ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ “ไม่มีการโฆษณาแนะนำยาหรืออาหารเสริมใด ๆ ทั้งสิ้น”

เพจ Reboot Army : To Be A Real Man
https://m.facebook.com/เซ็กส์เสื่อมในวัยรุ่น-บทความสาระ-2230094023907855/

ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ ผมเห็นผู้ชายมากมายหลายคน (ทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จัก) ต่างก็กำลังประสบกับปัญหาหนึ่งที่เป็นเหมือนปรากฏการณ์ใหม่บนโลกยุคนี้เลยก็ว่าได้
.
.
สังเกตุไหมครับ ช่วงนี้เรามักจะเห็นคุณผู้ชายหลายท่านเข้ามาสอบถามถึงอาการตัวเองหรือของคนใกล้ตัวเกี่ยวกับ ”ภาวะนกเขาไม่ขัน” ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นหลาย ๆ คนก็ยังหนุ่มแน่นและสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เลย” ..... แปลกไหม ?
.
เราเรียกอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของท่านชายว่า erectile dysfunction หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ED ซึ่งปกติแล้วมักพบในชายสูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ
.
ปกติแล้วในชายหนุ่มสุขภาพดีอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่ค่อยเป็น ED กันหรอกครับ ..... แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว!!! 
.
ทุกวันนี้แม้แต่ชายหนุ่มที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อายุยังหนุ่มแน่น ดูแลอาหารการกิน ร่างกายฟิตปั๋งแข็งแรงยิ่งกว่านักกีฬา หลายคนมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและการดูแลสุขภาพพื้นฐานด้วย แต่ผู้ชายมากมายหลายคนในทุกวันนี้กลับมีปัญหา ED เสียอย่างงั้น ..... ย้ำอีกครั้งเลยว่า “มากมายหลายคน” 
.
ผมเห็นเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนพยายามช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่อง ED นี้ บ้างก็ให้เหตุผลว่าเพราะอ่อนเพลีย, บ้างก็บอกว่าเพราะสุขภาพไม่ดี (บ้างก็แซวตลก ๆ ให้ลองเปลี่ยนไปคบผู้ชายด้วยกัน หรือไม่ก็ตัดทิ้งไปเสียเลย)
.
ผมบอกเลยนะครับ ถ้าในคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป คำแนะนำเหล่านั้นอาจจะใช่ เพราะปัญหา ED ของชายสูงอายมักจะอยู่ที่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไขมันในหลอดเลือด เบาหวาน ความดัน ความเครียดสะสม ฮอร์โมน การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือโรคประจำตัวอื่น ๆ
.
แต่พวกเราหลาย ๆ คนยังหนุ่มอยู่เลยนะ เราหลาย ๆ คนไม่มีโรคประจำตัวด้วยซ้ำ อ้วนก็ไม่อ้วน ออกกำลังกายก็บ่อยเหล้ายาก็ไม่กิน (หรือถึงกินก็ไม่หนัก) แล้วทำไมถึงมีอาการนกเขาไม่ขันล่ะ ..... เข้านอนเร็วก็แล้ว หันมาคุมอาหารออกกำลังกายก็แล้ว
.
เราทำแทบทุกอย่างแล้ว แต่อาการ ED ของเราก็ไม่ดีขึ้น “เผลอ ๆ อาการหนักกว่าเดิมอีก”  ผมเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่กำลังเจอเรื่องแบบนี้อยู่แน่นอน .....
.
.
.
“เพราะปัญหามันไม่ได้อยู่ในอวัยวะเพศของเรา แต่มันอยู่ในสมองของเรา”
.
ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก ปัญหาอยู่ในสมองของเราครับ  อธิบายแบบคร่าว ๆ ก็คือ บางส่วนในสมองและระบบประสาทของเรา ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติในแบบที่มันควรเป็น
.
และสาเหตุของปัญหา ก็คือ ......
.
การเสพติดสื่อโป๊ (pornography addiction) !!! 
.
การเสพติดหนังโป๊ ภาพโป๊ การ์ตูนโป๊ นิยายหรือบทความเรื่องเล่าอีโรติก ฯลฯ สื่อโป๊ทั้งหลายเหล่านี้ ในระยะยาว มันคือสาเหตุที่ทำให้ท่านเซ็กส์เสื่อม !!!
.
เราเรียกอาการ ED ชนิดนี้ว่า “Porn-Induced Erectile Dysfunction” หรือเรียกแบบย่อ ๆ ว่า PIED ซึ่งแปลเป็นไทยว่า“เซ็กส์เสื่อมจากการเสพติดสื่อโป๊”
.
บางคนอาจสงสัย (หรือโต้แย้งในใจ) ว่า “สื่อโป๊เนี่ยนะ ? สื่อโป๊ที่เป็นตัวปลุกอารมณ์ทางเพศของเราได้รุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ เนี่ยนะ ? สื่อโป๊มันเป็นตัวช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศของเรามิใช่หรือ มันควรจะเป็นประโยชน์ต่อสมรรถภาพทางเพศของเราเสียด้วยซ้ำ” 
.
ใช่แล้วครับ  สื่อโป๊ที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรงมาได้ตลอดทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในท้ายที่สุดแล้ว มันจะกลายเป็นสาเหตุหลักของอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศรูปแบบหนึ่งที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้
.
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวมัน แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวเราใช้มันมากเกินไปต่างหาก  ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถให้โทษแก่เราได้ทั้งนั้นหากเราใช้หรือบริโภคสิ่งนั้นมากเกินไป  ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เกลือ น้ำตาล หรือแอลกอฮอร์ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยทำให้อาหารอร่อยขึ้นและมีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น แต่ผมคงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดโทษอย่างไรหากเรารับประทานสิ่งเหล่านี้มากเกินไป (หรือถึงขั้นเสพติดมัน)
.
กรณีของสื่อโป๊ก็เช่นกัน ในระยะแรกของการใช้สื่อโป๊ มันอาจมีประโยชน์ (กระมัง) และช่วยเร่งอารมณ์รักของเราได้จริง ซึ่งพวกเราทุกคนต่างก็ทราบข้อนี้ดีอยู่แล้ว แต่ในระยะยาว มันจะกลายเป็นโทษกับเราแทน โดยเฉพาะในกรณีที่เราเสพติดมัน  ซึ่งพวกเราก็เสพติดสิ่งนี้ได้ง่ายมาก ๆ เสียด้วย … จริงไหมครับ ?
.
.
.
ก่อนจะบอกถึงเหตุผลว่าทำไมการเสพติดสื่อโป๊ถึงส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศของเราในระยะยาว ก่อนอื่นผมขอให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองทำแบบทดสอบง่าย ๆ นี้ดูก่อน ท่านมีวิธีเช็คตัวเองว่าเป็น Porn-induced ED หรือไม่ ดังนี้ ...
.
1.) ท่านสามารถแข็งตัวและคงสภาพเพื่อการสอดใส่ขณะมีเซ็กส์ได้อย่างง่ายดาย …ใช่หรือไม่ ? 
.
2.) ท่านสามารถแข็งตัวได้ โดยใช้เพียงแค่มือตัวเองปลุกกระตุ้นเบา ๆ และไม่จำเป็นต้องใช้หนังโป๊หรือจินตนาการในการปลุกกระตุ้นเลย … ใช่หรือไม่ ?
.
3.) ท่านไม่สามารถแข็งตัวกับคนรักที่เป็นคนจริง ๆ ได้ แต่ท่านกลับสามารถแข็งตัวได้ระดับหนึ่งตอนเสพสื่อโป๊ … ใช่หรือไม่ ? 
.
4.) ท่านจะสามารถแข็งตัวได้ก็ต่อเมื่อเสพสื่อโป๊และต้องใช้มือในการปลุกกระตุ้นร่วมไปด้วยเท่านั้น หากหยุดมือที่ปลุกกระตุ้นอยู่ลง ส่วนนั้นก็จะอ่อนตัวทันที ถึงแม้ว่าตาจะจ้องที่หน้าจออยู่ก็ตาม … ใช่หรือไม่ ? 
.
5.) สื่อโป๊ softcore หรือฉากร่วมเพศธรรมดา ๆ ไม่สามารถทำให้ท่านเกิดอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องเป็นแนว hardcore หรือซูมเจาะลึก close up เฉพาะส่วน หรือไม่ก็หนังโป๊ฮาร์ดคอร์แนวแปลก ๆ เท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ท่านแข็งตัวได้ (แต่ก็ยังคงต้องใช้มือปลุกกระตุ้นตลอดเวลาด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะอ่อนตัวลง) ใช่หรือไม่ ? .....
.
.
.
ถ้าท่านตอบใช่ ข้อ 1 หรือ 2 : ยินดีด้วยครับ แสดงว่าท่านไม่ได้เป็น Porn-induced ED (แค่ในตอนนี้นะ แต่ในอนาคตไม่รู้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตัวท่านเอง)
.
แต่ถ้าท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงตามปกติ แต่กลับตอบใช่ ข้อ 3 หรือ 4 หรือ 5 : ท่านเป็น Porn-induced ED แน่นอน !
.
พูดง่าย ๆ อีกนัยหนึ่งก็คือ หากท่านมีผลการตรวจร่างกายที่เป็นปกติทุกอย่าง ไม่พบโรคจำพวกความดันเบาหวานโรคหัวใจหรือภาวะเครียดเรื้อรัง แต่ท่านกลับมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ท่านต้องลองย้อนมองพฤติกรรมการเสพสื่อโป๊ของตนเองว่ามีเสพติดมันหรือไม่ ? ถ้าใช่ ... ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า ED ของท่านอาจเป็นรูปแบบ Porn-induced ED
.
แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ท่านเป็นคนที่โชคดีมากๆ เพราะบทความใน ebook เล่มนี้จะให้ความรู้แก่ท่านถึง “สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา” ครับ
.
.
.
เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ ก่อนนะครับ สาเหตุของ Porn-induced ED คือ กลไกบางส่วนในสมองของเราตายด้านนั่นเอง ย้ำว่า “กลไกบางอย่างในสมองตายด้าน” ไม่ใช่เป็นที่อวัยวะส่วนนั้นของเราผิดปกติหรือปัญหาสุขภาพแบบโรคไขมัน ความดัน เบาหวาน
.
ก่อนจะบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร ผมขออธิบายหลักการคร่าว ๆ สักหน่อย
.
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็นสาวเปลือย สมองของเราจะมีการหลั่งสารสื่อประสาทชื่อว่าโดปามีน (dopamine) ออกมา ซึ่งในสมองของเราจะมีตัวรับและวัดปริมาณโดปามีนนี้จากนั้นก็จะส่งสัญญานต่อไปยังสมองส่วนต่าง ๆ  เราเรียกมันว่า “ตัวรับโดปามีน” (dopamine receptor)
.
*** ผมจะสมมติตัวเลขง่าย ๆ แทนปริมาณของโดปามีนที่หลั่งออกมาเพื่อให้ทุกท่านพอเห็นภาพนะครับ เช่น 10 หน่วย20 หน่วย 50 หน่วย เป็นต้น
.
สมมติถ้าตัวรับโดปามีนได้รับโดปามีน 10 หน่วยขึ้นไป ตัวรับโดปามีนก็จะส่งสัญญาณไปที่สมองที่ควบคุมเรื่องการแข็งตัวว่า “เฮ้ ! โดปามีนมากถึง 10 หน่วยแล้วนะ เปิดวาร์วเลือดไปเลี้ยงตรงส่วนนั้นเดี๋ยวนี้เราเจอแม่พันธ์ุชั้นดีเข้าแล้ว ต้องรีบทำการขยายเผ่าพันธ์ุด่วน” 
.
จากนั้นสมองก็จะส่งสัญญาณไปตามระบบประสาทผ่านไปจนถึงอวัยวะเพศ สั่งให้มีการส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงทำให้อวัยวะส่วนนั้นแข็งตัวขึ้นมา  นี่คือกลไกคร่าว ๆ ที่ทำให้อวัยวะเพศของเราแข็งตัว นี่คือกรณีของคนปกตินะครับ และบรรพบุรุษเราก็เป็นเช่นนี้ ซึ่งวิวัฒนาการนั้นก็ส่งมาถึงพวกเราวันนี้
.
วิวัฒนาการแต่โบราณของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ที่ใช้อวัยวะเพศสืบพันธุ์ จะใช้สารสื่อประสาทโดปามีนเป็นกลไกหลัก ๆในการกำหนดพฤติกรรมทางเพศ โดยจะมีสมองและระบบประสาทในการแปลสัญญาณและควบคุมอวัยวะส่วนที่เกี่ยวข้อง
.
ซึ่งวิวัฒนาการนี้มีมาหลายพันหลายหมื่นปีจนมาถึงมนุษย์ปัจจุบันแบบเรา และวิวัฒนาการพื้นฐานนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมเป๊ะ ๆ แทบทุกอย่าง แต่ปัญหาก็คือ สมองของเราไม่เคยเจอภาพเหตุการณ์แบบในสื่อโป๊ยุคปัจจุบันมาก่อน  มันไม่เคยเจอ threesome ไม่เคยเจอ big tits, big ass, orgy, oil, massage, bbc, pussy-close up ฯลฯ
.
พอเราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ปุ๊บ โดปามีนของเราก็สูบฉีดทะลุปรอททันที  จากที่ปกติแล้ว มันถูกหลั่งออกมาแค่ 10, 15, 20 น. แต่พอเจอหนังโป๊ยุคนี้เข้าไป โดปามีนพุ่งไปถึง 50, 70, 80, 100, 200 น. เลยทีเดียว  และนั่นจึงทำให้มังกรเราผงาดแบบสุด ๆ  มันระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรวดเร็วและตื่นขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
.
เพราะตอนนี้ สมองของเรามันคิดว่ามันได้เจอขุมทรัพย์ทางพันธุกรรมในการขยายเผ่าพันธ์ุเข้าให้แล้ว (Genetic Bonanza) โดปามีนที่ท่วมทะลักสมองของเราในตอนนี้ทำให้เราชอบ มีความสุข พึงพอใจ และอยากได้มากขึ้น ๆ ๆ ๆ ไปอีก และมือของเราก็ทำงานไม่หยุดเพื่อสร้างความสุขความพึงพอใจ
.
สมองของเราช่างรู้สึกว่า “อ่าาา การมีความสุขช่างง่ายดายเหลือเกิน ใช้แค่เพียงตาและมือ”
.
จนถึงจุด ๆ หนึ่ง ตัวรับโดปามีนในสมองของเรามันกลัวร่างกายเราจะทำงานหนักจนตายหรือไม่ก็สมองของเราจะไหม้เกรียมหมดสภาพไปเสียก่อน
.
ร่างกายเราก็จะมีกลไกหนึ่งในการป้องกันตัวเอง นั่นก็คือ ... การลดปริมาณของตัวรับโดปามีนหลาย ๆ ตัวลง เพื่อทำให้เกิดการรับและตอบสนองต่อโดปามีนที่ถูกหลั่งออกมาได้น้อยลง (บางทฤษฎีก็บอกว่า ตัวรับโดปามีนถูกใช้งานหนักเกินไปจนเสื่อมสภาพและลดปริมาณลง)  เราเรียกกระบวนการลดลงของตัวรับโดปามีนนี้ว่า dopamine receptor downregulation
.
พูดอีกความหมายหนึ่งก็คือ “โดปามีนปริมาณเท่าเดิมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว”  เราต้องใช้ปริมาณโดปามีนมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์เท่าเดิม  กระบวนการนี้ทำให้สมองของเรามีความไวต่อโดปามีนลดลง หรือเรียกแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า “ดื้อโดปามีน” นั่นเอง
.
*** ผมขออนุญาตใช้คำว่า “threshold” หรือที่แปลว่า “ปริมาณขั้นต่ำที่สุดที่ทำให้เกิดผล” นะครับ  เพราะนี่น่าจะช่วยให้บางท่านเห็นภาพกระบวนการนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
.
ตอนนี้ threshold ขั้นต่ำที่สุดของตัวรับโดปามีนในสมองเราได้ถูกยกระดับให้สูงขึ้นกว่าเดิม
.
นั่นหมายความว่า จากที่โดปามีนเพียงแค่ 10น. ก็เพียงพอให้เราตื่นตัวได้แล้ว แต่ตอนนี้ตัวรับโดปามีนของเราถูกปรับให้มีค่า threshold ค่าใหม่ให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
.
อย่างน้อย ๆ ต้องมีโดปามีนถึง 30น. บางคน 50น. บางคน 80น. บางคนหนักเลย ต้อง 200-300น. เท่านั้น สมองและต่อมบางส่วนถึงจะเริ่มทำงาน !!! 
.
นั่นหมายความว่า โดยปกติแล้ว ภาพสาวสวยในชุดชั้นใน สมองเราจะให้คะแนนโดปามีนถึง 10น. ซึ่งก็เพียงพอให้แข็งตัวได้แล้ว ยิ่งถ้าหากเราได้มีการสัมผัสของจริงด้วยแล้วล่ะก็ โดปามีนก็จะยิ่งพุ่งไปถึง 15-20น. เลย ซึ่งเราก็จะมีอารมณ์มาก ๆ ..... นี่คือในกรณีของคนปกตินะครับ
.
แต่มันไม่เพียงพอกับ threshold ของตัวรับโดปามีนของพวกเราตอนนี้อีกแล้ว .... เราไม่มีอารมณ์แม้สักนิด เพราะthreshold ขั้นต่ำที่สุดของพวกเราบางคน มันต้องใช้โดปามีนถึง 50 , 80 , 100, 200 น. แล้ว  โดปามีนตามธรรมชาติที่หลั่งออกมาเพียงแค่ 10-20น. มันไม่เพียงพอจะสะกิดให้ตัวรับโดปามีนของเราส่งสัญญาณไปที่สมองอีกต่อไปแล้ว .....
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่