อาทิตย์ก่อนหน้า ได้อ่านเรื่องความสัมพันธ์แบบตัวสำรอง หรือ backup relationship จาก thestandard.co
ขอคัดช็อตเด็ดไฮไลท์มาให้อ่านกันค่ะ
ความสัมพันธ์แบบตัวสำรอง (Backup Relationship) เป็นที่พูดถึงกันในช่วง 4-5 ปีให้หลัง ซึ่งคำว่า Backup ก็แปลได้ตรงๆ ตัวว่า ‘สำรอง’ ที่อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ของคนที่ไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่เป็นเพียงตัวสำรองของใครสักคนหนึ่งเท่านั้น
อีกชื่อที่ไว้ใช้เรียกกลุ่มคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นี้คือ Cookie-Jarring ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีคอนเซปต์คล้ายๆ กันว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน พวกคุณทั้งคู่ดูเข้าขากันดีแต่ไม่มีวี่แววจะได้คบกัน คุณก็เลยเปรียบเสมือนกับคุกกี้ที่ถูกเก็บไว้ในขวดโหล รอว่าสักวันเขาจะมาเปิดโหลกิน
คุณต้องแยกให้ขาดจากไอเดียของ ‘การนอกใจ’ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าคนรักของคุณที่มีตัวสำรองอยู่จะนอกใจคุณ เพียงแต่พวกเขามีใครอีกคนที่คอยหนุนความรู้สึกอยู่ มันเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นคงทางความรู้สึกจากใครคนอื่นที่ไม่ใช่จากคู่รักเท่านั้น
ใครอยากอ่านเต็ม ๆ ... ตามลิ้งค์ไปเลยดีกว่า
https://thestandard.co/backup-relationship/
อ่านแล้วก็อึ้งไปนิด จุกอีกหน่อย แล้วมานั่งคิดย้อนมองปัญหาของเพื่อน ๆ ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้ทั้งนั้น เจ็บน้อยเจ็บมากขึ้นอยู่กับระดับความกระชับแนบแน่นของสถานภาพการคบกัน
เรามักถูกสอนให้คิดถึง safety stock สำหรับสิ่งของเครื่องใช้ ถูกสอนให้มี Plan B ถูกสอนให้สำรองของไว้ยามขาดแคลน เพราะความกลัวขาดหรือเปล่า เพราะความเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า ทำให้เราต้องสำรองกระทั่งความสัมพันธ์ สร้างโลกขึ้นมาหลายใบสำหรับรองรับทุกความต้องการของเรา เช่น ควงกับคนนี้เพราะเปย์ อยู่กับคนนี้เพราะสบายใจ เที่ยวกับคนนี้เพราะสวย จะมีลูกกับคนนี้เพราะตระกูลดี
ส่วนตัว เราคิดว่า ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน การไม่มี commitment ในความสัมพันธ์ ทำให้คนจำนวนมากแทงกั๊ก และเลือกที่จะใช้คำสวย ๆ เคลือบความคลุมเครือนี้ไว้เช่น ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่แฟน เป็นคนพิเศษ คนรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
บ่อยครั้งความคลุมเครือไม่ชัดเจน นำไปสู่การปิดบัง หลอกลวง ไม่พูดความจริง
เราเคยเขียนกระทู้ไว้แล้ว สิ่งที่เป็นครุกรรมของความสัมพันธ์ทุกประเภทคือการโกหก
เพื่อนสนิทเราคนหนึ่ง (จะใช้คำว่าสนิทดีไหมนะ เป็นปีเป็นชาติไม่โทรมา โทร.มาแต่ละที ต้องถามเธอตลอดว่า โทร.มานี่ จะแต่งงาน ? จะคลอดลูก ? หรือ มีอะไรให้ช่วย ? และคำตอบมักเป็นอย่างหลัง 555) ก็ทุกข์ทรมานกับความสัมพันธ์แบบนี้ และอิรุงตุงนังไปกับการคุยแบบคลุมเครือ ทั้งมีคนอื่นเป็นตัวสำรอง และเป็นตัวสำรองของคนอื่น
มันอาจจะแก้เหงาไปได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ลึก ๆ ไม่มีใครมีความสุขที่แท้จริงได้หรอก
คนที่เป็นตัวสำรอง ก็อาจนั่งนับวันรอที่จะได้เป็นตัวจริง และหาเหตุผลมาลบความรู้สึกผิดเชิงจริยธรรม ซึ่งแสนจะเหนื่อยสมอง ทารุณต่อจิตวิญญาณ และวันนั้นอาจไม่มีวันมาถึง
คนที่เก็บคนอื่นไว้เป็นตัวสำรอง หากมีจิตสำนึกดีพอ ก็มักถูกความรู้สึกผิดเฆี่ยนตี และว้าวุ่นไปกับการคิดหาเหตุผลดี ๆ มาสนับสนุนว่า ทำไมถึงไม่ทำอะไรให้ชัดเจนหรือตัดขาดได้สักที
สถานการณ์มัว ๆ มืด ๆ คลุม ๆ เครือ ๆ แบบนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ทุกข์ใจแบบหน่วง ๆ ได้มากที่สุด
Backup Relationship ไอ่เรามันตัวสำรองคนหนึ่งงงงงงงงง
ขอคัดช็อตเด็ดไฮไลท์มาให้อ่านกันค่ะ
ความสัมพันธ์แบบตัวสำรอง (Backup Relationship) เป็นที่พูดถึงกันในช่วง 4-5 ปีให้หลัง ซึ่งคำว่า Backup ก็แปลได้ตรงๆ ตัวว่า ‘สำรอง’ ที่อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ของคนที่ไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่เป็นเพียงตัวสำรองของใครสักคนหนึ่งเท่านั้น
อีกชื่อที่ไว้ใช้เรียกกลุ่มคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นี้คือ Cookie-Jarring ที่กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีคอนเซปต์คล้ายๆ กันว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน พวกคุณทั้งคู่ดูเข้าขากันดีแต่ไม่มีวี่แววจะได้คบกัน คุณก็เลยเปรียบเสมือนกับคุกกี้ที่ถูกเก็บไว้ในขวดโหล รอว่าสักวันเขาจะมาเปิดโหลกิน
คุณต้องแยกให้ขาดจากไอเดียของ ‘การนอกใจ’ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าคนรักของคุณที่มีตัวสำรองอยู่จะนอกใจคุณ เพียงแต่พวกเขามีใครอีกคนที่คอยหนุนความรู้สึกอยู่ มันเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นคงทางความรู้สึกจากใครคนอื่นที่ไม่ใช่จากคู่รักเท่านั้น
ใครอยากอ่านเต็ม ๆ ... ตามลิ้งค์ไปเลยดีกว่า
https://thestandard.co/backup-relationship/
อ่านแล้วก็อึ้งไปนิด จุกอีกหน่อย แล้วมานั่งคิดย้อนมองปัญหาของเพื่อน ๆ ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้ทั้งนั้น เจ็บน้อยเจ็บมากขึ้นอยู่กับระดับความกระชับแนบแน่นของสถานภาพการคบกัน
เรามักถูกสอนให้คิดถึง safety stock สำหรับสิ่งของเครื่องใช้ ถูกสอนให้มี Plan B ถูกสอนให้สำรองของไว้ยามขาดแคลน เพราะความกลัวขาดหรือเปล่า เพราะความเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า ทำให้เราต้องสำรองกระทั่งความสัมพันธ์ สร้างโลกขึ้นมาหลายใบสำหรับรองรับทุกความต้องการของเรา เช่น ควงกับคนนี้เพราะเปย์ อยู่กับคนนี้เพราะสบายใจ เที่ยวกับคนนี้เพราะสวย จะมีลูกกับคนนี้เพราะตระกูลดี
ส่วนตัว เราคิดว่า ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจน การไม่มี commitment ในความสัมพันธ์ ทำให้คนจำนวนมากแทงกั๊ก และเลือกที่จะใช้คำสวย ๆ เคลือบความคลุมเครือนี้ไว้เช่น ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่แฟน เป็นคนพิเศษ คนรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
บ่อยครั้งความคลุมเครือไม่ชัดเจน นำไปสู่การปิดบัง หลอกลวง ไม่พูดความจริง
เราเคยเขียนกระทู้ไว้แล้ว สิ่งที่เป็นครุกรรมของความสัมพันธ์ทุกประเภทคือการโกหก
เพื่อนสนิทเราคนหนึ่ง (จะใช้คำว่าสนิทดีไหมนะ เป็นปีเป็นชาติไม่โทรมา โทร.มาแต่ละที ต้องถามเธอตลอดว่า โทร.มานี่ จะแต่งงาน ? จะคลอดลูก ? หรือ มีอะไรให้ช่วย ? และคำตอบมักเป็นอย่างหลัง 555) ก็ทุกข์ทรมานกับความสัมพันธ์แบบนี้ และอิรุงตุงนังไปกับการคุยแบบคลุมเครือ ทั้งมีคนอื่นเป็นตัวสำรอง และเป็นตัวสำรองของคนอื่น
มันอาจจะแก้เหงาไปได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า ลึก ๆ ไม่มีใครมีความสุขที่แท้จริงได้หรอก
คนที่เป็นตัวสำรอง ก็อาจนั่งนับวันรอที่จะได้เป็นตัวจริง และหาเหตุผลมาลบความรู้สึกผิดเชิงจริยธรรม ซึ่งแสนจะเหนื่อยสมอง ทารุณต่อจิตวิญญาณ และวันนั้นอาจไม่มีวันมาถึง
คนที่เก็บคนอื่นไว้เป็นตัวสำรอง หากมีจิตสำนึกดีพอ ก็มักถูกความรู้สึกผิดเฆี่ยนตี และว้าวุ่นไปกับการคิดหาเหตุผลดี ๆ มาสนับสนุนว่า ทำไมถึงไม่ทำอะไรให้ชัดเจนหรือตัดขาดได้สักที
สถานการณ์มัว ๆ มืด ๆ คลุม ๆ เครือ ๆ แบบนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ทุกข์ใจแบบหน่วง ๆ ได้มากที่สุด