งานพระราชทานเพลิงศพ ... อาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์

 
 
ประวัติ อาจินต์ ปัญจพรรค์
 
อาจินต์ ปัญจพรรค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรชายของขุนปัญจพรรคพิบูล (พิบูล ปัญจพรรค์) อดีตนายอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และข้าหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และข้าหลวงจังหวัดนครปฐม กับนางกระแส ปัญจพรรค์ (โกมารทัต) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา คือ ชอุ่ม ปัญจพรรค์ พล.ต.ท.ลัดดา ปัญจพรรค์ และวัฒนา ปัญจพรรค์ มารดาเสียชีวิตเมื่ออาจินต์อายุได้ ๕ ขวบ บิดาแต่งงานใหม่กับนางอรุณ อาจินต์จึงมีพี่น้องต่างมารดาอีก ๔ คนคือ เยาวรัตน์ วิสาข์ โชคชัย และสันติภาพ ปัญจพรรค์

อาจินต์เริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม(๒๔๗๔-๒๔๗๙) เรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์(สมัยนั้นอยู่ปากคลองตลาด) กรุงเทพมหานคร (๒๔๘๐-๒๔๘๔) สอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา) (๒๔๘๕ เป็นรุ่นที่ ๕-๒๔๘๖) และเข้าระดับอุดมศึกษาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (๒๔๘๗-๒๔๘๘) เมื่อกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ ๒ เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำให้มหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอน นิสิตต่างพากันกลับบ้านเกิดหนีการทิ้งระเบิดเพื่อทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกรุงเทพมหานคร เมื่อภาวะสงครามสงบ ปี ๒๔๘๙ อาจินต์กลับมาเรียนอีกครั้ง

อาจินต์รักการอ่านหนังสือ และสนใจข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดความสนใจในงานประพันธ์ เริ่มต้นจากเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ ได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับโขนหลวง ที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ส่งไปลงหนังสือ "สุวัณณภูมิ" หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เขาเริ่มเขียนเรื่องง่าย ๆ ลงในหนังสือ “ฉุยฉาย” รายสัปดาห์ และ “ชวนชื่น” รายสัปดาห์ เป็นแนวสมัยนิยม มีเรื่องโฉมฉลวยคบชู้ และบาปของนางพราน
พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดคำขวัญสันติภาพจากองค์การสหประชาชาติด้วยข้อความว่า "สงครามคือบาป สันติภาพคือบุญ" ได้เงินมา ๕๐๐ บาท

เพราะหมกมุ่นในการเขียนมากกว่าการเรียน อาจินต์จึงถูกรีไทร์จากจุฬาฯ เมื่อปี ๒๔๙๐ บิดาจึงส่งไปทำงานเป็นลูกจ้างในโครงการของกระทรวงมหาดไทยในหน่วยเฉพาะกิจสำรวจสำมะโนประชากร ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงไปสอบเข้าเรียนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิชาการธรรมศาสตร์และการเมือง สอบได้ไม่กี่วิชา บิดาเห็นว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย จึงส่งไปทำงานหนักในเหมืองแร่เพื่อดัดนิสัยที่จังหวัดพังงา ซึ่งกลายเป็นชะตาชีวิตที่ถูกทางอย่างยิ่ง เพราะที่นี่กลายเป็นขุมทรัพย์ชีวิตที่อาจินต์ได้เก็บเกี่ยวมาเขียนเป็น เรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ จนมีชื่อเสียงก้องฟ้าเมืองไทย

ความจริงช่วงนั้น อาจินต์เขียนสารคดี "จดหมายจากเมืองใต้" ในนามปากกา “จินตเทพ” ลงในหนังสือ “โฆษณาสาร” รายเดือน ซึ่งพี่สาวคือชอุ่ม ปัญจพรรค์ เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการอยู่

อาจินต์เริ่มทำงานที่เหมืองแร่เรือขุดแร่ดีบุก “กัมมุนติง” (Kammunting Tin Dredging) ในตำแหน่งฝึกงานช่างตีเหล็ก ได้ค่าจ้างวันละ ๖ บาท ในขณะนั้นเขียนเรื่องสั้น "สีชมพูยังไม่จาง" ส่งให้น้องสาว วัฒนา ปัญจพรรค์ (ซึ่งกำลังเรียนที่เภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) นำลงหนังสือ “มหาวิทยาลัย" ฉบับ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ทำงานช่างตีเหล็กได้ไม่ถึงเดือน มีอาการไอเป็นเลือด เกิดจากการทำงานหนัก ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก

พ.ศ. ๒๔๙๒ ทำงานที่เหมืองกระโสม (Krasom Tin Dredging) ช่างเขียนแบบ เงินเดือน ๕๐๐ ต่อเดือน และช่างทำแผนที่ เงินเดือน ๘๐๐ บาท
พ.ศ. ๒๔๙๔ ระหว่างทำงานที่เหมืองกระโสม ชอุ่ม ปัญจพรรค์ พี่สาวเจอนิยายของน้องชายที่ห้อง จึงได้นำไปให้ศักดิ์เกษม หุตาคม เจ้าของนามปากกา “อิงอร” ช่วยพิจารณา และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ "เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก" ส่งไปให้ ประหยัด ศ.นาคะนาท ลงใน “พิมพ์ไทย” วันจันทร์ มีผู้สนใจมาก จึงได้ส่งอีกเรื่อง "ผู้กล้าหาญ" ได้รับการตอบรับไม่ดีเท่า "เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก"

พ.ศ. ๒๔๙๖ เหมืองแร่เลิกกิจการ จึงเดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร และเขียนนวนิยายอย่างจริงจังชื่อ "บ้านแร" หลายตอนจบลงใน “โฆษณาสาร” กับแปลเรื่อง "เฮนรี่ เจ.ไกเซอร์" และ "ค่ายโคบาล" ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ลงพิมพ์ใน “สตรีสาร” เป็นกลอน ไม่ค่อยได้ค่าเรื่อง รวมทั้งเรื่อง "ในเหมืองแร่มีนิยาย" ๔ ตอนจบในนิตยสาร “จ.ส.ช.”

พ.ศ. ๒๔๙๗ เรื่องสั้น "สัญญาต่อหน้าเหล้า" ในนามปากกา “จินตเทพ” ลงพิมพ์ "สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์" ฉบับปฐมฤกษ์ ประหยัด ศ.นาคะนาท เป็นบรรณาธิการ ทำให้มีโอกาสเขียนเรื่องสั้นชุด "เหมืองแร่" ลงพิมพ์ในนิตยสาร “ชาวกรุง”

พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้เข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวี[ช่อง ๔] บางขุนพรหม (จอมพล ป.พิบูลสงคราม เปิดสถานีโทรทัศน์ในวันชาติ ๒๔ มิถุนายน) โดยการชักชวนของจำนง รังสิกุล (หัวหน้าฝ่ายจัดรายการ)ในตำแหน่ง ผู้เขียนบทโทรทัศน์ประจำสถานี เขียนบทละครโทรทัศน์ เขียนบทละครวิทยุ และคุมคณะละครประจำวัน ละมีหน้าที่ประจำคือ ทำแผนผังรายการโทรทัศน์ประจำคืน ทุกคืน ได้เงินเดือนเริ่มต้น ๘๐๐ บาท

พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นบรรณาธิการ นิตยสาร "ไทยโทรทัศน์" รายเดือน ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง ๔

พ.ศ.๒๕๐๐ ทำหน้าหัวหน้าแผนกแผนผังรายการและคำประกาศ เขียนบทละครโทรทัศน์ เซ็นเซอร์และช่วยเกลาคำโฆษณาของบริษัทห้างร้านสปอนเซอร์ ตั้งคณะละครโทรทัศน์ชื่อ สุภาพบุรุษ ตามดำริของหัวหน้าฝ่ายจัดรายการ

พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้รับเลือกให้ไปดูงานด้านโทรทัศน์และชีวิตชาวอเมริกันตามคำเชิญของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา ๔ เดือน

พ.ศ. ๒๕๐๘ ริเริ่มลงทุนตั้งสำนักพิมพ์เพื่อพิมพ์เรื่องสั้นของตนเอง โดยเริ่มระบบเขียนเอง – พิมพ์เอง – ขายเอง ในราคาเล่มละ ๕ บาท โดยตั้งสำนักงานอาจินต์ ปัญจพรรค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า สำนักพิมพ์โอเลี้ยง ๕ แก้ว รวมเรื่องสั้นชุดแรก "ตะลุยเหมืองแร่"

พ.ศ.๒๕๐๘ ได้รับเลือกจากกระทรวงต่างประเทศให้ไปประชุมนักเขียนเรื่องสั้น “เอฟโฟร อาเซียน” F4 Asian ที่ประเทศสหภาพโซเวียต ๑ เดือน เมื่อกลับมากรุงเทพมหานคร ปรากฏว่ารวมเรื่องสั้นชุดแรกได้จำหน่ายหมดแล้ว จึงได้พิมพ์ "ธุรกิจบนขาอ่อน" และเรื่องเกี่ยวกับเหมืองแร่ก็ยังคงทยอยออกมาเป็นระยะคือ "เหมืองน้ำหมึก" "เสียงเรียกจากเหมืองแร่" และ "สวัสดีเหมืองแร่" ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังตั้งคณะละครโทรทัศน์ของตนเองอีกด้วย

นอกจากนี้ยังสนใจในเรื่องการแต่งเพลงเป็นงานอดิเรก เพลงที่ได้รับความนิยม เช่น เพลงประกอบละคร "สวัสดีบางกอก" และ "อย่าเกลียดบางกอก" เนื้อเพลง "มาร์ชลูกหนี้" และ "อาณาจักรผี ๆ" เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "เงิน เงิน เงิน" และ "แม่นาคพระนคร" "จดหมายรักจากเมียเช่า" เนื้อเพลงในชุด "ปริญญาชาวนา" ขับร้องโดย ธานินทร์ อินทรเทพ

พ.ศ. ๒๕๑๒ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าแผนกผังรายการ และหัวหน้าแผนกบริการธุรกิจ เงินเดือน ๒,๘๐๐ บาท และตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสาร "ไทยโทรทัศน์" อีกเดือนละ ๘๐๐ บาท และเข้าหุ้นตั้งโรงพิมพ์อักษรไทย และทำนิตยสาร "ฟ้าเมืองไทย" รายสัปดาห์ ออกฉบับปฐมฤกษ์ วันจักรี ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๒ ในราคาเล่มละ ๓ บาท เป็นที่นิยมมาก

พ.ศ.๒๕๑๙ ออกหนังสือเล่มใหม่"ฟ้าเมืองทอง" รายเดือน โดย สุพล เตชะธาดา แห่งสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เป็นผู้ลงทุน ฉบับปฐมฤกษ์ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๙ ประสบผลสำเร็จ

พ.ศ.๒๕๒๐ วันที่ ๗ พฤษภาคม แต่งงานกับแน่งน้อย พงษ์สามารถ ในปีนี้ออก "ฟ้านารี" รายเดือนให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นอีกหนึ่งฉบับ มีศรีเฉลิม สุขประยูร เป็นบรรณาธิการ พิมพ์ได้ไม่นานก็เลิก ภายหลังหุ้นส่วนฟ้าเมืองไทยขอทำ "ฟ้าอาชีพ" รายเดือน ทำได้ระยะหนึ่งก็หยุดทำ

 
 
พ.ศ.๒๕๓๑ "ฟ้าเมืองไทย"ออกมาได้ ๑๙ ปี ๖ เดือน หุ้นส่วนสั่งบัญชีขาดทุนมาโดยตลอด ๕-๖ ปีหลัง จึงเลิกทำเพื่อมิให้ขาดทุนต่อไป ตกลงสิ้นสุดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ส่วน"ฟ้าเมืองทอง" ประพันธ์สาส์นดำเนินการเองต่อมา และสิ้นสุดในปี ๒๕๓๒

พ.ศ.๒๕๓๒ ลงทุนทำนิตยสาร "ฟ้า" รายเดือน ฉบับปฐมฤกษ์ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ผลิตและจำหน่าย ๓ ปีก็ยุติลง ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ตลอดเวลาได้สร้างนักเขียนรุ่นใหม่ให้โด่งดังเป็นจำนวนมาก

พ.ศ.๒๕๓๔ ตุลาคม เป็นนักเขียนอิสระ วางมือจากงานบรรณาธิการทั้งปวง ที่ทำมาเกือบ ๓๖ ปีนับแต่นิตยสารไทยโทรทัศน์ ปี ๒๔๙๗ เจ้าพ่อเจ้าเมือง ได้รับรางวัลชมเชย ในการประกวดหนังสือดีเด่น ของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี ๒๕๓๔ และปลายปี ได้รับการประกาศเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี ๒๕๓๔

พ.ศ.๒๕๓๕ ได้รับรางวัล “ศรีบูรพา”

พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๔๑ ได้รับเชิญให้เขียนคอลัมน์จากนิตยสารหลายเล่มอาทิ คอลัมน์ “สนใจจะได้ยินไหม”ในนิตยสารกุลสตรี   “วาบความคิด”ในมติชนสุดสัปดาห์ “กดเก็บ” ในจุดประกายวรรณกรรม ของ กรุงเทพธุรกิจ

“อ่าน-เขียน-เรียน-เพลง”ใน วัฏฏะ-โลกวันนี้ “หนังสือคือขุมทรัพย์”ในแนวหน้า “มองทุกมุม”ใน กุลสตรี รายสัปดาห์ และใน “ต่วย’ ตูน รายเดือน “เพลงของอาจินต์”ใน young@heart และงานเขียนอื่น ๆตามที่ได้รับเชิญ

พ.ศ.๒๕๔๑ เข้ารับการรักษา ถุงลมปอดรั่ว ที่โรงพยาบาลศิริราช กับนายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล ประมาณเดือนเศษ

พ.ศ.๒๕๔๒ ร่วมแต่งเพลงภูมิแผ่นดิน นวมินทร์มหาราชา เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ

เข้ารักษาตาที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ไม่ยอมหยุดเขียนหนังสือ

พ.ศ.๒๕๔๕ บริษัท GTH ซื้อลิขสิทธิ์ผลงานชุดเหมืองแร่ไปทำภาพยนตร์ชุด “มหา’ลัยเหมืองแร่

พ.ศ.๒๕๔๗ ออกพ็อกเก็ตบุ๊ค “อาจินต์ ปัญจพรรค์ รายสะดวก”(ร.ส.ด.)แต่ออกเพียงเล่มเดียว เพราะเกิดปัญหาตา

พ.ศ.๒๕๕๐ ร่วมแต่งเพลง “พ่อแห่งแผ่นดิน” เพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา (๕ ธันวาคม ๒๕๕๐) และรับรางวัลนราธิป จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

ผ่าตัดต่อมลูกหมากโตกับนายแพทย์สุชาย สุนทราภา ที่โรงพยาบาลศิริราช

พ.ศ.๒๕๕๓ หยุดเขียนหนังสือถาวร

พ.ศ.๒๕๕๕ ลำไส้ทะลุ ผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช โดย นพ.วรมินทร์ เหรียญสุวรรณ ต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง ครอบครัวจึงพาไปพำนักที่บ้านพักที่กาญจนบุรี

๒๕ ธันวาคม ของปีเดียวกันนี้ มีพิธิเปิดห้องหนังสืออาจินต์ ปัญจพรรค์ โดยกรุงเทพมหานคร ณ ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้   ซอยพระนาง กรุงเทพมหานคร โดยอาจินต์ยกหนังสือในครอบครองจำนวนกว่า ๑๕,๐๐๐ เล่มให้ห้องสมุด

พ.ศ. ๒๕๕๗ รับรางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ เพลงชุดดีเด่นในอดีต ได้แก่ ชุดปริญญาชาวนา ในฐานะนักแต่งเพลงในอดีต จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี ๒๕๕๗

พ.ศ.๒๕๕๘ รับรางวัลนิลวรรณ ปิ่นทอง บรรณาธิการเกียรติยศ จากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย

-รวมเรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ ได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมแห่งชาติ จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

-รับรางวัลนักเขียนอมตะ ของมูลนิธิอมตะ ของ วิกรม กรมดิษฐ์

พ.ศ.๒๕๖๑ เข้ารักษาตัวที่ รพ.ศิริราช และ โรงพยาบาลบางไผ่ ตามลำดับ

๑๗ พ.ย.๒๕๖๑ เสียชีวิตอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลบางไผ่ สิริรวมอายุได้ ๙๑ ปี ๑ เดือน ๖ วัน

พาพันเศร้าพาพันขอบคุณพาพันง่วง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่