Review ในที่สุดก็หาตรอกราเมงในโตเกียวเจอ Tokyo Ramen Street ที่ Tokyo-Eki Ichiban-gai ที่ๆรวมร้านราเมงดังๆในสถานีโตเกียว

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน เรากลับมารีวิวอีกแล้ว
ใครจำเราได้บ้างเอ่ยยย หากใครจำไม่ได้ ก็ขอแปะกระทู้ก่อนหน้าไว้เลย เนียนมั้ยคะ ฮ่าๆๆ
ครั้งที่แล้วก็มารีวิวสถานที่เดียวกัน แต่ไม่ได้เจอะลึกถึงรายละเอียดราเมง ครั้งนี้เจาะลึกๆๆๆเลยจ้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครั้งนี้มารีวิวต่อจากครั้งที่แล้ว แต่จะเจาะลึกไปที่ Ramen Street ศูนย์รวมร้านราเมงดังๆในโตเกียว
ถ้าใครอยากกินราเมงดังๆในโตเกียว แต่ก็ไม่รู้ว่าร้านไหนดังบ้าง เดินทางไปไม่ถูกบ้าง ขี้เกียจบ้างเพราะมันอยู่ไกลเกินไป (นี่คือความรู้สึกตัวเองเลยจ้าา 55555) มาที่นี่เลยสถานที่รวมขุมทรัพย์ที่ทำให้เราไม่ต้องขี้เกียจอีกต่อไป

คาดว่าทุกคนน่าจะได้ลิ้มลองราเมงของร้าน อิจิรันราเมง (Ichiran Ramen) ไปแล้ว
ซึ่งเป็นร้านราเมงที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ Tonkatsu Ramen
แล้วราเมงประเภทอื่นๆล่ะ มีอะไรบ้าง ร้านไหนขึ้นชื่อกันบ้าง
บอกเลยว่าให้มาที่นี่ Tokyo Ramen Street เพราะเขารวบรวมร้านดังเฉพาะทางในเรื่องของราเมงมาไว้ที่นี่แล้วจ้าาาา

สถานที่ขุมทรัพย์ที่ว่าคือ
หัวใจโตเกียวเอกิ อิจิบังไก (Tokyo-Eki Ichiban-Gai, 東京駅一番街)ในสถานีโตเกียว (Tokyo Station, 東京駅)หัวใจ
 
ที่นี่รวบรวมร้านราเมงดังๆไว้ใน Tokyo Ramen Street
รวบรวมร้านอาหารดังๆทั่วญี่ปุ่นไว้ใน Nippon Gourmet Road
รวมยี่ห้อขนมชื่อดังที่ทุกคนรู้จักไว้ใน Tokyo Okashi Land
และเป็นศูนย์รวมร้านตัวการ์ตูนดังๆใน Tokyo Character Street ละจ้าา
ครั้งนี้ขอมาเน้นที่โซนราเมงนาจา ถ้าอยากอ่านโซนอื่น เข้าลิ้งนี้ไปได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วิธีเดินทาง

โตเกียวเอกิ อิจิบังไก (Tokyo-Eki Ichiban-Gai, 東京駅一番街)  หรือ First Avenue Tokyo Station
อยู่ที่สถานีโตเกียวเลย และเราไม่จำเป็นจะต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปนะคะ มันอยู่ด้านนอกชานชาลาจ้า แอบงงเนอะ ฮ่าๆ
คือ อยู่ในสถานีโตเกียว แต่ว่าเราไม่ต้องซื้อตั๋วรถไฟเข้าไป
แต่ถ้าใครเดินทางมาจากสถานีอื่น ก็ต้องลงรถไฟที่สถานีโตเกียว และออกที่ทางออก Yaesu Underground Central Exit ออกมาปุปเจอปัป
แต่ถ้าใครหาทางออกนี้ไม่เจอ (เพราะสถานีโตเกียวมันใหญ่ได้ใจมากกกกก) จะออกทางไหนก็ได้
แล้วมองหาป้ายที่เขียนว่า 東京駅一番街 (Tokyo-Eki Ichiban-Gai) สถานที่ตั้งคือ ชั้นใต้ดินสถานีโตเกียวเลยค่ะ

และวันนี้เราจะพาไปดูศูนย์รวมร้านราเมงดังๆในโตเกียว นั้นก็คือ โซน Tokyo Ramen Street ละค้า โซนนี้จะเป็นตรอกซอยเข้าไป อยู่ติดมุมเลยย

Tokyo Ramen Street

เราแอบสังเกตว่าทำไมร้านราเมง ชอบจัดเป็นตรอกซอยตลอดเลย เจอที่ฮอกไกโดก็เป็นซอยเล็กๆเหมือนกัน
เราเลยแอบถามคนญี่ปุ่นไป เขาบอกว่า เพราะคนญี่ปุ่นชอบกินราเมงมากๆ เพราะเป็นอาหารคล้ายฟ้าดฟู้ด
กินได้เร็ว และเมนูไม่เยอะ กินง่ายเลือกง่ายดี ดังนั้นถ้าร้านราเมงมารวมๆกัน จะทำให้เลือกร้านราเมงที่ชอบได้ง่าย
เพราะราเมงต่างกันที่น้ำซุป ใครชอบซุปแบบไหนก็เข้าร้านนั้น (ตามนั้นเด้ออ)
 
ร้านราเมงในสถานีโตเกียวที่ Tokyo Ramen Street นั้น เป็นร้านดังทุกร้านเลยจ้า
ทั้ง 8 ร้านนี่ คือร้านราเมงที่มีชื่อเสียงในหมู่คนญี่ปุ่นเลยเด้อออ ต่างด้าวแบบเราไม่รู้เรื่อง
รู้อย่างเดียวว่าเลือกร้านที่จะเข้าไม่ถูก ร้านนั้นก็อยากเข้าร้านนี้ก็อยากเข้าไปหมด 5555
แต่จุดยืน จุดประสงค์ที่เรามา คือ อยากกินราเมงอร่อยๆ และดังๆ ดังนั้นคงไม่พ้นร้านใดร้านนึงในนี้ล่ะ

อย่างที่บอกว่า ขี้เกียจไปเดินหาไกลๆ เปลืองค่ารถไฟก้ะ หนาวด้วย
ในตรอกราเมงที่นี่ ต้องสั่งอาหารผ่านทางตู้ Ticket Machine ที่ตั้งอยู่หน้าร้านนั้นๆค่ะ
เพราะฉะนั้นปลอดภัยหายห่วงได้เลยว่า (ถ้าเราไม่สั่งอาหารเพิ่ม) เราไม่มีทางที่จะโดนชาร์จค่าอะไรอย่างอื่นอีกแน่นอน
และอาหารที่เราจะได้นั้น ก็ตรงตามรูปที่เราเลือกเป๊ะๆเลยนาจา

ครั้งที่แล้วได้เลือกร้านเบอร์ 8 ikaruga ไปแล้ว
วันนี้เลยมาลองร้านเบอร์ 6 Tsujita Miso no Sho ดู


 
เพี้ยนกินมาม่าNO 6. Tsujita Miso no Sho
 
เพราะในป้ายนั้น มีร้านนี้ร้านเดียวที่น้ำซุปราเมงเป็นซุปมิโสะ และเขาเขียนว่า
เป็นร้านเฉพาะทางในด้านราเมงซุปมิโสะเลย และรสชาติซุปมิโสะของร้านนี้จะเข้มข้น กลมกล่อมนุ่มปาก
แหม่ เขียนมาขนาดนี้ อยากลองเลยจ้า ป่ะะ ลองกันค่ะ

 
เลือกร้านได้แล้ว ก็หาร้านกัน อยู่ตรงหัวมุมพอดีเลยย และแถวอย่างยาว 5555
แต่เราจะไม่ท้อถอย เพราะทุกคนน่าจะกินกันเร็ว และเป็นอย่างที่คาด ใช้เวลาต่อแถวเพียง 15 นาที เราก็อยู่หน้าร้านละจ้าา
ร้านนี้สั่งอาหารผ่านทางตู้เมื่อเราอยู่หน้าร้านแล้วนะก้ะ หรืออยู่ใกล้ๆคิวแล้วนั้นเอง มีเวลาให้เลือกเมนูได้อยู่
เพราะว่ากว่าพนักงานจะมาเรียกก็ใช้เวลานิดนึง แต่จะโดนกดดันจากคนข้างหลังนี่ล่ะ 5555

 
เข้ามาปุป บรรยากาศแบบญี่ปุ่นมากก ดนตรีก็เร้าใจ เป็นกลองและบทเพลงญี่ปุ่นมาเลย ประทับใจค่ะ อิอิ
พนักงานจะพาไปที่โต๊ะ หลังจากนั้น เราก็ยื่นตั๋วที่กดเมื่อกี้ให้พนักงานไป และก็แค่นั่งรอเขามาเสริฟเท่านั้นเอง
กินเสร็จก็เดินออกไปได้เลย ไม่ต้องรอเก็บตังไรอีก ง่ายและรวดเร็วดีค่ะ
 
 
เราสั่งกันคนละอย่างแต่แบ่งกันชิม อิอิ
มี Miso Ramen ราคา 850yen และ Rich Miso Ramen ราคา 900yen
และมีเพิ่ม Spicy Miso ราคา 100yen อีกนิด เพราะอยากชิมว่าจะเผ็ดขนาดไหน
 
 
Miso Ramen คือราเมงซุปมิโสะปกติ มีรสชาติมิโสะอย่างชัดเจน
ส่วน Rich Miso Ramen นั้นจะเข้มข้นกว่ามากๆ  รสชาติมันกลมกล่อม นัวๆๆดี
เราชอบอันนี้มากกว่า เพราะชอบอะไรที่รสจัดๆหน่อย ทำให้สมกับที่เป็นร้านเฉพาะทาง
 
และเมื่อได้เอา Spicy Miso ลงไปในราเมงนิดนึงแล้ว จะบอกว่าค่อนข้างเผ็ดนะ
ดีที่ใส่นิดเดียว ทำให้น้ำซุปไม่เปลี่ยนรสชาติมาก เพราะอย่างที่บอกว่าเราแอบชอบรสเข้มข้นของน้ำซุปเข้มข้นจัดๆแต่ไม่เผ็ดมากกว่า ฮ่าๆๆ
แต่ถ้าใครชอบแบบเผ็ดๆก็จัดไปเลยค่ะ เพื่อนนี่ใส่เต็มชาม นางซดซุปอย่างมันอะ เอิ้กๆ
 
หลังจากอาหารเที่ยง (บ่ายๆ) ของเราเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินเล่นในสถานีโตเกียวนั้นล่ะ
เพราะข้างนอกมันหนาวววว อยู่ในนี้อุ่นกว่า มีร้านที่อยากช้อปด้วย อิอิ

เดินเล่นแปปเดียว เย็นเลย อาหารกลางวันและขนมที่เดินกินนั้นย่อยหมดแล้ว 555555
มาต่อ อาหารเย็นที่โซนราเมงเหมือนเดิมจ้าาา เพราะมีอีกร้านที่เล็งไว้อยู่ กิกิ
ร้านที่เราจะไปลองต่อคือ ร้านเบอร์ 1 Tokyo Niboshi Ramen Gyoku


 
เพี้ยนกินมาม่าNO.1 Tokyo Niboshi Ramen Gyoku
 
ร้านนี้เขาเขียนไว้ว่า ร้านเขาดังในเรื่องน้ำซุปที่เคี้ยวมาจากกระดูกไก่
หลังจากได้น้ำซุปที่เข้มข้นแล้ว ก็เพิ่มรสชาติโดยการใส่ปลาตากแห้งหลากหลายชนิดลงไป เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของร้านเขาเลยล่ะค่ะ
อ่านแล้วก็น้ำลายไหล ฮ่าๆๆ เลยได้ลองชิมกันจริงจังสักที
 
 
เหมือนเดิมเลย ต่อแถวเข้าร้าน แล้วก็สั่งอาหารผ่านทางตู้ Ticket Machine ที่ตั้งอยู่หน้าร้าน
 
สั่งอาหารไป 3 อย่าง คือ
Soy-Sauce and Niboshi (Anchovy) Ramen หรือเมนู Sarari Soba
Rich Niboshi (Anchovy) Ramen หรือเมนู Torori Soba
Dried Fish Flakes Rice หรือเมนู Torokeru Katsuobushi Gohan
 
 
แปลกใจมั้ยคะว่า ทำไมเป็นร้านราเมงแท้ๆ แต่ชื่อเมนูในภาษาญี่ปุ่นถึงเขียนว่าเป็นโซบะ
เราค่อนข้างแปลกใจมากเลย เลยไปถามคนญี่ปุ่นดูอีก 5555

เขาบอกว่า แต่ก่อนเมื่อนานๆมาแล้วคนญี่ปุ่นไม่มีคำศัพท์คำว่า “ราเมง” ล่ะค่ะ
คนญี่ปุ่นเรียกราเมงว่า “Chuka Soba” เอาคำศัพท์นี้มาจากประเทศจีน ซึ่งแปลประมาณว่า เส้นโซบะแบบจีน
คนญี่ปุ่นใช้คำนี้กันเรื่อยมา จนวันนีง Nissin ได้สร้างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า Chicken Ramen คำว่าราเมงเลยได้ถือกำเนิดมาตั้งแต่ตอนนั้น
และเมื่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดังขึ้นเรื่อยๆ คำว่าราเมงได้ติดปากผู้คนไป จึงได้เปลี่ยนการเรียกราเมงจาก “Chuka Soba” เป็น “ราเมง” ล่ะค่ะ

ดังนั้นร้านนี้จึงเล่นคำเอาคำดั้งเดิมมาใช้นั้นเอง และคนญี่ปุ่นก็รู้กันด้วยนะว่า มันคือ ราเมง ไม่ใช่ โซบะ นาจา

 
อาหารมาเสริฟอย่างไวเลย น่ากินมากกกก
Dried Fish Flakes Rice (หรือ Torokeru Katsuobushi Gohan) ดูหยุบหยิบมากอะ
แบบปลาแห้งเหมือนมีชีวิตอยู่ เพราะมันเคลื่อนไหวไปตามลมเลยยย
แล้ววิธีการกินก็คือกินกับไข่ดิบค่ะ เอาเฉพาะไข่แดง เพราะมันจะทำให้ข้าวไม่แฉะจนเกินไป
แต่ถ้าหากว่าใครชอบแบบมีไข่ขาวด้วย ตอกไปทั้งฟองเลยก็ได้เด้อ
ตอกเสร็จก็ใส่โชยุลงไปนิดๆให้มันเค็มหน่อยๆ แล้วคนๆให้เข้ากันกับข้าวและปลาแห้ง
แค่นั้นเองค่ะ แล้วก็ลองชิมโล้ดดดด ไม่ต้องกลัวพยาธินะคะ เพราะ ไข่ดิบญี่ปุ่นเขากินได้
 
 
ส่วนเรื่องตัวราเมง ขอบอกเลยว่าเด็ดมากกกกกก
น้ำซุปเขานี่พอชิมปุป ได้รสชาติของปลาตากแห้งเลยย อร่อยมากๆๆค่ะ
Rich Niboshi (Anchovy) Ramen (หรือเมนู Torori Soba) จะมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า
ดูที่น้ำซุปสิคะ มีใส่ปลาแห้งไว้อยู่ด้วย เลือกกินไม่ถูกเลยค่ะ ชอบทั้ง 2 ชามเลยจริงๆ
 
 
ขอจบรีวิวราเมงเพียงเท่านี้ เพราะหิวแล้วจ้า ฮ่าๆๆ ใครอยากดูโซนอื่นต่อข้างล่างนิดนึงนะคะ
 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่