[CR] เพื่อนสาวพาเที่ยว ตอน "นมัสการรอยพระพุทธบาท เขาคิชกูฏ จันทบุรี ประจำปี ๒๕๖๒"

เพี้ยนขอใจแลกเบอร์
กราบสวัสดีทุกท่านจ้า ช่วงต้นปีแบบนี้พี่น้องนักแสวงบุญทุกท่านไม่ควรพลาดสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ณ จังหวัดจันทบุรี
 
นั่นก็คือ "เขาคิชกูฏ"
 
ซึ่งปีนี้เปิดให้เข้าสักการะได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ถึง 5 เม.ย. 2562
 
โดยวันสุดท้ายที่ให้ขึ้นคือวันที่ 4 เม.ย 2562 นะจ๊ะ เพราะวันที่ 5 เม.ย. 2562 จะมีพิธีปิดเขาแล้ว
ดังนั้นปีนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ท่านใดที่ต้องการขึ้นไปสักการะ ต้องรีบวางแผนการเดินทางกันได้แล้วนะ !
ถ้าไม่ทันปีนี้ ก็อ่านตรงนี้เก็บข้อมูลไปพลางๆเพื่อรอไปในปีถัดไปก็ได้จ้า ก็ต้องรอดูประกาศอีกทีว่าปีหน้าจะเปิดช่วงไหนนะ
โดยปกติเขาคิชกูฏนั้นจะเปิดให้ขึ้นสักการะแค่ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น
แต่ช่วงหลังด้วยจำนวนคนที่ไปเยอะมากขึ้น จึงมีการขยายเวลาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2 เดือน ดีใจมากๆ สาธุ

นานางงในงงเพราะเหตุใด ต้องขึ้นมาสักการะบนเขาคิชกูฏ?

เพื่อนสาวได้ทำการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไปอ่านเจอใน Thairath online บอกว่า
เขาคิชฌกูฏ มีสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาคือ รอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย
สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
ว่ากันว่าใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏก็เปรียบเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งจะได้รับกุศลอันยิ่งใหญ่ ประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง และเชื่อกันว่าหากได้มาอธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดั่งใจปรารถนา
ซึ่งจากประสบการณ์ของเพื่อนสาวที่เคยไปสักการะรอยพระพุทธบาท ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกประทับใจ มีความเลื่อมใสศรัทธา
มีโชคมีลาภ ชีวิตเจริญก้าวหน้าไปทางที่ดีขึ้น (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณนะจ๊ะ)

ปูเสื่อเอาหล่ะเกริ่นมาพอสมควร เรามาเตรียมความพร้อมกันดีกว่าว่าเพื่อนสาวต้องเตรียมอะไรกันบ้าง

1. หาข้อมูลเรื่องการเดินทาง มีหลายวิธีเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว ซื้อแพกเกจไปกับบขส. หรือ ขสมก.
รวมไปถึงการเหมารถตู้ ซึ่งวันนี้เพื่อนสาวมีแต้มบุญ ไปกับพี่สาวคนสวยอาสาขับรถให้จ้า

2. หาข้อมูลเรื่องที่พัก อันดับแรกต้องดูก่อนว่าจะขึ้นเขาช่วงกลางวันหรือกลางคืน ถ้าซื้อแพกเกจก็ต้องตามโปรแกรมนั้นๆ
แต่เพื่อนสาวคิดว่าควรจะต้องได้นอนอย่างน้อย 1 คืน สามารถหาข้อมูลเลือกที่พักกันได้เลยจ้า
ตามลิงค์นี้เลย https://khunnaiver.blogspot.com/2018/01/khaokhitchakut-hotels.html?m=1

3. เตรียมร่างกายให้พร้อม เนื่องจากการเดินขึ้นเขาคิชกูฏนั้น ลักษณะทางเดินเป็นภูเขาชันเป็นช่วงๆ
ซึ่งก็โหดสำหรับผู้สูงอายุพอสมควร ใครที่มีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ หรือจะพาลูกเด็กเล็กแดงไป ก็ให้ตัดสินใจให้ดี
เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายในการเดินทางนะจ๊ะ

4. เตรียมจิตและตั้งใจอันเป็นกุศลให้พร้อม เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ หากเรามีความตั้งใจที่จะไปขอพร
ก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ให้มั่น ขอพรที่ปรารถนาที่สุดเพียง 1 ข้อ โดยเป็นพรที่มีความเป็นไปได้ ไม่โอเวอร์จนเกินไป
ตามแต่บุญและวาสนาของแต่ละบุคคล ในขณะเดินขึ้นก็ให้สำรวมกาย วาจา ใจ รักษาความสะอาด และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ก็จะได้บุญกุศลสูงสุดร่วมกันนะจ๊ะ

เพี้ยนไม่อยากจะเล่า
เอาหล่ะ เก็บข้อมูลกันมาพอสมควร เรามาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่า จากที่ดูในรีวิวต่างๆ แนะนำให้ขึ้นในช่วงวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี
เพราะว่าช่วงศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ คนจะเยอะมาก แต่ด้วยเพื่อนสาวไม่ว่างวันดังกล่าว จึงวางแผนเดินทางเพื่อขึ้นเขาในคืนวันศุกร์
เราออกเดินทางออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายสองโมงเพื่อไปเช็คอินที่พักที่เราจอง นั่นก็คือ "บ้านธารน้ำใสโฮมสเตย์"

เนื่องจากขับรถกันมาชิวๆ รู้ตัวอีกที อ้าวมืดแล้ว บรรยากาศก็จะน่ากลัวอยู่หน่อยๆ เพราะที่พักเราอยู่ในป่าสวนธรรมชาติ
ได้ตื่นเต้นอยู่แปปนึงก็มาถึงที่พักละจ้า
มีที่จอดรถด้านหน้าที่พักเลย
เห็นที่พักแล้วโอเคมากๆ มีเตาปิ้งย่างทำอาหารทะเลให้ด้วย บรรยากาศดี
มีน้ำแข็งให้ฟรีด้วยจ้า ที่ระเบียงมีตู้เย็นให้ด้วยนะเหมาะมาพักแบบปาร์ตี้กับเพื่อนหรือครอบครัวได้เลย
อันนี้ป้ายระเบียบต่างๆ มีสั่งอาหารทะเลได้ด้วย
มาดูในส่วนของเตียงนอน ได้ 4 ที่ สามารถจองเตียงเสริมเพิ่มได้ เราจองที่พักแบบบ้านเหมาทั้งหลัง ราคาหลังละ 2,500 บาท/คืน
มีอาหารเย็นและอาหารเช้าให้ด้วย ดีงามมากจ้า (นี่แอบโฆษณาให้แบบไม่ได้ค่าจ้าง เพราะชอบจริงๆจ้า)
พูดถึงอาหารก็หิวเลย พนักงานเอามาเสิร์ฟรอตั้งแต่ก่อนเราเดินทางไปถึงเลย อาหารรสชาติดีเลยหล่ะ
อิ่มแล้วเราก็เดินทางไปยังจุดต่อรถเพื่อขึ้นเขาคิชกูฏ เท่าที่ทราบหลักๆก็จะมี วัดพลวงกับวัดกระทิง ปีนี้เพื่อนสาวเลือกวัดพลวงเนื่องจากอยู่ใกล้ที่สุด
มีที่จอดรถกว้างขวาง
เดินผ่านองค์พระพิฆเนศไม้แกะสลักด้วย สาธุ
มีศาลเจ้าแม่ตะเคียนคำและเจ้าแม่นางหอมด้วย
บริเวณรอบๆวัดก็จะมีร้านค้ามากมาย สามารถซื้อของกินของใช้บริเวณนี้ได้ แนะนำว่า
ควรพกกระเป๋าเล็กๆ เตรียมน้ำดื่ม ลูกอมกันน้ำตาลต่ำ ยาดมต่างๆไว้เลยก็ดีจ้า
การเดินทางขึ้นเขาคิชกูฏนั้น มี 2 วิธี คือการเดินเท้าจากวัดพลวง ระยะทางประมาณ 8 กม. กับอีกวิธีคือนั่งรถกระบะโดยสาร
ซึ่งจะไปส่งที่ลานพระสีวลี และต้องเดินเท้าต่อไปอีกระยะทางประมาณ 1.2 กม.
นี่คือจุดซื้อตั๋วของเราจ้า ค่ารถเที่ยวละ 100 บาท/คน ซื้อเสร็จปุ๊บ ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามจะมีโรงรถจอดรออยู่จ้า
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็ซื้อดอกไม้ธูปเทียนแผ่นทองกันก่อน
มีเป็นชุดๆแบบนี้เลย
นอกจากนี้ก็มีพลอยประจำปีเกิดและวันเกิด ก็สามารถเอาไปโปรยอธิษฐานบนรอยพระพุทธบาทได้จ้า อันนี้แล้วแต่ความเชื่อนะ จะโปรยหรือไม่โปรยก็ได้
เซทนี้เราซื้อมาในราคาชุดละ 120 บาท ครบเลย แต่ว่าไม่รู้ว่ามีเจ้าอื่นที่ถูกกว่ามั้ย เพราะมีหลายร้านมากจ้า
เมื่อพร้อมแล่วก็ลุยกันเลยจ้า นั่งท้ายกระบะหลัง จับราวเหล็กให้มั่น แล้วสวดมนต์ว่าลูกต้องรอด! เป็นการขึ้นเขาที่ตื่นเต้นมาก
เพราะเป็นการนั่งรถขึ้นเขาที่มีความชันมาก ไม่แปลกใจที่ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้น ถ่ายให้ชมได้แค่ภาพนี้ เพราะต้องเก็บกล้อง
เอามือจับราวเพื่อความปลอดภัยจ้า
นั่งมาซักแปป ก็จะถึงทางเข้าอุทยาน ต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาทจ้า
หลังจากนั่งรถผาดโผนมาได้สักครู่ ก็มาถึงจุดแรก นั่นก็คือลานพระสีวลีจ้า ขณะนั้นเวลาประมาณสี่ทุ่ม บรรยากาศเริ่มมีหมอกหนา แต่ไม่ถึงกับหนาวมากนะ
ขั้นตอนที่ 1 ก็ต้องเริ่มไหว้จากจุดนี้ก่อนจ้า
ใช้ธูป เทียน และดอกไม้ แนะนำให้ถวายดอกไม้ในบริเวณลานนี้ให้หมด เนื่องจากทางอุทยานไม่อนุญาตให้นำขึ้นไปด้านบน
อาจจะเนื่องด้วยในเรื่องของการดูแลความสะอาด รวมไปถึงกลัวจะมีสัตว์ป่ามากิน
เพราะเคยได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้นักแสวงบุญทั้งหลาย จะโปรยดอกไม้กันตามรายทาง ยังไงก็ขอความร่วมมือจากทุกท่านด้วยนะจ๊ะ
ขั้นตอนถัดมา ก็คือกราบสักการะพระแม่ธรณีจ้า
ขั้นตอนนี้ใช้ผ้าสามสีผูกได้เลย สาธุ
นอกจากนี้ก็สามารถทำบุญแผ่นทองได้อีกด้วย สาธุ
ทำบุญกันไปบางส่วนแล้ว ก็พร้อมจะเดินขึ้นกันต่อแล้วจ้า จะมีจุดให้เรายืมไม้เท้า ให้ฟีลแบบ trekking ก็ลองกันดูได้จ้า ใช้เสร็จ เอาลงมาคืนด้วยเนอะ
ส่วนท่านใดที่มีปัญหาสุขภาพ แม้แต่ trekking ก็ไม่ไหว ก็มีบริการหามแบบเก๋ๆได้จ้า แต่เราไม่แน่ใจเรื่องราคานะ ต้องลองมาติดต่อกันดู
เอาหล่ะจ้า เดินขึ้นกันเลย
มีจุดให้ทำบุญเป็นระยะๆ มีพระ stanby ทั้งคืนจ้า ไม่ต้องกังวล
บรรยากาศหนาวมาก แต่ไม่หนาวเพราะเหนื่อย 5555+
เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอกับป้ายนี้จ้า แสดงว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว
บันไดนี่บอกได้เลยว่ารับน้อง มีหอบได้เหมือนกัน
ไม่ไหวก็มีจุดนั่งพักเป็นระยะๆจ้า
มีจุดให้ไหว้พระได้ตลอด
งานตีระฆังก็มา
ทางเดินโอเคเลยนะ ไม่ถึงกับทรหดมาก เดินได้เรื่อยๆจ้า
ยาวไปจ้า...ยาวไป
จุดนี้คือดีจริง โยนเหรียญให้เข้าบาตรพระ สาธุ
ขึ้นเรื่อยๆจ้า
จุดนี้ไปรอยเสือใหญ่ ไม่ได้ไปนะ ใครที่มีโอกาสไปมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ
ใกล้แล้วจ้า แต่ขอพักก่อนนะ
ชื่อสินค้า:   เขาคิชกูฏ จันทบุรี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่