นี่เป็นกระทู้แรก ตั้งขึ้นมาเพื่อขอพื้นที่ระบายความรู้สึก
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านค่ะ จะแนะนำ ให้คำตอบ ให้กำลังใจ หรือจะด่าว่าซ้ำเติมก็แล้วแต่เลยค่ะ
แค่อยากระบายความรู้สึกพวกนี้ให้ใครสักคนรับฟัง
ฉันอายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัท หน้าตาพอใช้ได้ มีผู้ชายและผู้หญิงหลายคนชมว่าสวย และรูปร่างค่อนข้างดี
เรียนจบปริญญาตรี คิดเป็น ทำงานได้ ไม่โง่จนใครสอนอะไรก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ฉลาดโดดเด่น และไม่ได้ฉลาดกว่าผู้ชาย
เป็นคนรักสัตว์ ชอบอ่านหนังสือ ทำอาหารเป็น ใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกายบ้าง
บุคลิกเรียบร้อย ขี้อายแต่ก็เป็นตัวของตัวเอง แต่งตัวเป็น ถูกกาลเทศะ พูดน้อยกับคนที่ไม่รู้จัก แต่ถ้ารู้จักแล้วจะกลายเป็นคนตลกและอบอุ่น
ชอบเดินทางท่องเที่ยว มีสถานที่ในฝันเยอะแยะ อยากทำโน่นทำนี่ มีความฝันความทะเยอทะยานพอประมาณ
ที่บรรยายเกี่ยวกับตัวเองมา ไม่ได้ตั้งใจจะมาพรีเซ้นต์ตัวเองหรืออะไร
แค่จะสื่อว่าฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่คนแบบนี้ทั่วๆ ไปเขาก็มีแฟน มีคนรัก ได้แต่งงานมีครอบครัว
แต่ตั้งแต่ฉันเป็นนักเรียน ไปชอบรุ่นพี่ก็โดนปฏิเสธ อันนั้นเข้าใจได้ ตอนนั้นยังเด็ก มันเป็นแค่รักแบบเด็กๆ (ถึงแม้ตอนนั้นจะจริงจังมากก็เถอะ)
พอตอนอยู่มหาวิทยาลัย ก็ไปชอบรุ่นพี่ในคณะ เขาก็ปฏิเสธอีก พอทำใจได้ เจอคนที่ชอบคนใหม่ ก็โดนปฏิเสธอีก
ต่อมามีโอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศหนึ่งปี ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่น กลายเป็นเพื่อนกัน และสุดท้ายเขาแสดงท่าทางว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อน
จนฉันกลับไทย ทำงานในไทยก็ยังติดต่อกันอยู่ และก็ได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวหาผู้ใหญ่ที่นั่น ก็ได้ออกไปเที่ยวกับเขาอีก เขาบอกว่าเดตวันนี้สนุกมาก
ฉันก็กลับมาคิดทบทวน ว่าครั้งนี้คงไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะผู้ชายเป็นฝ่ายพูดเอง และเขาก็เป็นคนที่เริ่มเข้าหาฉันก่อน ลองคบกับคนที่ชอบเราก็ดีเหมือนกัน
พอคิดได้อย่างนี้ก็ถามเขากลับไปตรงๆ ว่าสรุปเราไปเดตกันแล้วใช่มั้ย เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนใช่มั้ย แต่คำตอบที่ได้มันกลับทำให้ฉันจุกมาก
”ขอโทษนะที่พูดอะไรไม่คิดให้ดีก่อน ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น” !!!
โอเค เอาเป็นว่าฉันคิดไปเองก็ได้ จากนั้นฉันก็ทำตัวมีสปิริตพอ คุยกัน เป็นเพื่อนกันต่อไป แต่เขากลับไม่ใช่อย่างนั้น
ตอนคุยกันน้ำเสียงท่าทางกลายเป็นรำคาญ เดี๋ยวนะ ฉันทำอะไรผิด?
ใช้เวลาทำใจสักพัก มีโอกาสเปลี่ยนงาน ย้ายสายงาน ขยับขยายฐานะตามประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ทำงานใจกลางกรุงเทพ ใช้ชีวิตไป ไม่ได้คิดอะไร
ก็เหงา แต่ทนได้ เพราะยังไม่เจอคนที่ชอบ เดินคนเดียว กินข้าวคนเดียว เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ในบริษัททำให้มีเพื่อนได้ยาก แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร
ทำงานไปสักพักเริ่มเหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับบรรยากาศการทำงาน คิดว่าเปลี่ยนทางเดินชีวิตดีมั้ย ไปเป็นแอร์โฮสเตสดีมั้ยนะ เงินเยอะ ได้เดินทางด้วย
ไปทำงานต่างประเทศดีมั้ย หรือแบ็คแพ็คเร่ร่อนสักปีดีมั้ย ความคิดเบื่อหน่ายต่างๆ นานา
จนวันหนึ่ง เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้ ผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาอยู่ในใจ เขาเป็นคนธรรมดา ดูใช้ชีวิตง่ายๆ นิสัยทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ
ฉันเริ่มสังเกตบุคลิกของเขา อาหารการกิน กิจวัตรประจำวัน จนกลายเป็นความชอบ เขาทำให้ฉันรู้จักกับความเรียบง่าย
ฉันเริ่มอยากไปทำงานอีกครั้ง ความทะเยอทะยานที่เคยมีก็หมดไป ความฝันที่อยากเดินทางไปเห็นอะไรใหม่ๆ ก็หายไป ไม่ได้ฝืนหรือหลอกตัวเอง
แต่ฉันพอใจกับชีวิตตอนนั้นจริงๆ ทุกๆ วันได้มาเจอเขา และคิดไปว่าถ้าเราสองคนได้ลองคุยกันได้ลองคบกันก็คงดี จะได้รู้จักกันให้มากขึ้น
จนวันหนึ่งผ่านมาเป็นปี ฉันตัดสินใจว่าไม่ควรเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อายุเข้าวัยที่จะสร้างครอบครัวได้แล้ว
ถ้าไม่เริ่มคบกับใครแล้วจะไปเริ่มตอนไหน?
ด้วยความขี้อายกับคนที่ชอบ ก็อาศัยห้องเรียนพันทิป ดูว่าผู้ชายบุคลิกแบบนี้ชอบหรือไม่ชอบคนแบบไหน หรือผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายไม่อยากยุ่ง
หรือผู้หญิงแบบไหนที่ไม่มีแฟนสักที (ขอโทษเจ้าของกระทู้ดังกล่าวที่ไม่ได้แปะลิงค์ค่ะ จำไม่ได้จริงๆ) ก็ลองเช็คดู โอเค ฉันไม่เข้าข่ายผู้หญิงที่ผู้ชายไม่ชอบ
รวมทั้งผู้ชายหลายๆ คนก็มาคอมเมนท์ว่าผู้หญิงเริ่มจีบผู้ชายก่อนได้ ฉันก็รวบรวมความกล้า กล้าที่จะมองหน้าเขา กล้าสบตาบ้าง แม้จะไม่กล้าคุยก็ตาม
โชคชะตาเล่นตลก เราเจอกันโดยบังเอิญบ่อยๆ แม้บางทีฉันจะตั้งใจให้ดูเหมือนบังเอิญก็ตาม เรามีโอกาสได้เฉียดมาใกล้กันบ่อยๆ เขาดูจำฉันได้
บางครั้งดูเหมือนจะยิ้มมา แต่ด้วยความเขินอายระดับที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ฉันได้แต่หลบตาทั้งๆ ที่อยากจะยิ้มให้และเริ่มทักเขาก่อน
แต่วันเวลาผ่านไป คิดว่าเขาอาจจะสงสัยหรือมองว่าฉันทำตัวแปลกๆ ที่แอบมองเขาบ่อยๆ และเจอกันบ่อยๆ เลยตัดสินใจว่าจะต้องเข้าไปทักให้ได้
แต่พอเจอกันทีไร ขาไม่ยอมขยับ ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป สุดท้ายตัดสินใจเขียนข้อความทักทายสั้นๆ พร้อมกับไลน์ไอดีใส่กระดาษแล้วสะกิดเรียกเขา ส่งให้
แล้วเดินไปที่อื่น เพราะไม่กล้ายืนดูปฏิกิริยาของเขา สุดท้าย... เขาไม่แอดมา พอบังเอิญเจอกันอีกครั้ง สีหน้าเขาดูลำบากใจจริงๆ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันโดนปฏิเสธ
โอเค เขาอาจจะมีแฟนหรือมีครอบครัวอยู่แล้ว และฉันไม่คิดจะยุ่งกับคนแบบนี้ ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าฉันทำอะไรผิดนักหนา ผู้ชายหลายคนที่ฉันสนใจก็ดูสนใจฉัน จริงๆแล้วพวกเขาแค่เฟรนลี่ใช่มั้ย และเป็นฉันเองที่ขี้มโนและซื่อเกินไปใช่มั้ย ทำไมคำแนะนำของผู้ชายหลายๆ คนในพันทิปกลับใช้ไม่ไดผลกับฉัน ทำไมกฎต่างๆ ที่ฉันเรียนรู้มา เรื่องนิสัยคน เรื่องการเปิดใจ เรื่องการจีบผู้ชายก่อนถึงไม่เคยให้ผลดีกับฉัน หรือฉันไม่สมควรมีใคร ฉันถูกสร้างมาให้เป็นโสดใช่มั้ย
หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและฉันจริงจังเกินไป แต่ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่ควรเป็นเรื่องเล่นๆ และฉันไม่ได้ตัดสินใจง่ายๆ
ก่อนที่จะเริ่มต้นฉันสังเกตและคิดทบทวนอยู่นาน
หรือว่าฉันควรเปลี่ยนมาเป็นคนที่ไม่จริงจังคะ ควรลองเปิดใจคุยกับหลายๆ คนรึเปล่า ควรเลิกซื่อ เลิกโลกสวย เลิกมโนใช่มั้ย ต่อให้ใครดูเฟรนลี่ก็ไม่ควรให้ใจก่อนใช่มั้ย
อาจจะดูเหมือนถามเยอะนะคะ แต่อย่างที่บอกไปตอนแรก แค่อ่านจนจบก็รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้วค่ะ แต่ถ้าช่วยตอบ ช่วยแนะนำ ช่วยดึงสติให้ด้วยจะดีมาก
ปล. ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนล่าสุดในเรื่องราวของฉัน อยากบอกว่าไม่ต้องลำบากใจนะคะ เราเป็นแค่คนที่บังเอิญมาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่ง ขอโทษที่เคยทำตัวแปลกๆ ให้คุณสงสัย ถ้าบังเอิญเจอกันอีกฉันจะไม่พยายามมองคุณแล้วแหละ
ทำไมถึงโดนผู้ชายปฏิเสธมาตลอด ฉันทำอะไรพลาดไป?
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าที่เข้ามาอ่านค่ะ จะแนะนำ ให้คำตอบ ให้กำลังใจ หรือจะด่าว่าซ้ำเติมก็แล้วแต่เลยค่ะ
แค่อยากระบายความรู้สึกพวกนี้ให้ใครสักคนรับฟัง
ฉันอายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัท หน้าตาพอใช้ได้ มีผู้ชายและผู้หญิงหลายคนชมว่าสวย และรูปร่างค่อนข้างดี
เรียนจบปริญญาตรี คิดเป็น ทำงานได้ ไม่โง่จนใครสอนอะไรก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ฉลาดโดดเด่น และไม่ได้ฉลาดกว่าผู้ชาย
เป็นคนรักสัตว์ ชอบอ่านหนังสือ ทำอาหารเป็น ใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกายบ้าง
บุคลิกเรียบร้อย ขี้อายแต่ก็เป็นตัวของตัวเอง แต่งตัวเป็น ถูกกาลเทศะ พูดน้อยกับคนที่ไม่รู้จัก แต่ถ้ารู้จักแล้วจะกลายเป็นคนตลกและอบอุ่น
ชอบเดินทางท่องเที่ยว มีสถานที่ในฝันเยอะแยะ อยากทำโน่นทำนี่ มีความฝันความทะเยอทะยานพอประมาณ
ที่บรรยายเกี่ยวกับตัวเองมา ไม่ได้ตั้งใจจะมาพรีเซ้นต์ตัวเองหรืออะไร
แค่จะสื่อว่าฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่คนแบบนี้ทั่วๆ ไปเขาก็มีแฟน มีคนรัก ได้แต่งงานมีครอบครัว
แต่ตั้งแต่ฉันเป็นนักเรียน ไปชอบรุ่นพี่ก็โดนปฏิเสธ อันนั้นเข้าใจได้ ตอนนั้นยังเด็ก มันเป็นแค่รักแบบเด็กๆ (ถึงแม้ตอนนั้นจะจริงจังมากก็เถอะ)
พอตอนอยู่มหาวิทยาลัย ก็ไปชอบรุ่นพี่ในคณะ เขาก็ปฏิเสธอีก พอทำใจได้ เจอคนที่ชอบคนใหม่ ก็โดนปฏิเสธอีก
ต่อมามีโอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศหนึ่งปี ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่น กลายเป็นเพื่อนกัน และสุดท้ายเขาแสดงท่าทางว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อน
จนฉันกลับไทย ทำงานในไทยก็ยังติดต่อกันอยู่ และก็ได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวหาผู้ใหญ่ที่นั่น ก็ได้ออกไปเที่ยวกับเขาอีก เขาบอกว่าเดตวันนี้สนุกมาก
ฉันก็กลับมาคิดทบทวน ว่าครั้งนี้คงไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะผู้ชายเป็นฝ่ายพูดเอง และเขาก็เป็นคนที่เริ่มเข้าหาฉันก่อน ลองคบกับคนที่ชอบเราก็ดีเหมือนกัน
พอคิดได้อย่างนี้ก็ถามเขากลับไปตรงๆ ว่าสรุปเราไปเดตกันแล้วใช่มั้ย เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนใช่มั้ย แต่คำตอบที่ได้มันกลับทำให้ฉันจุกมาก
”ขอโทษนะที่พูดอะไรไม่คิดให้ดีก่อน ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น” !!!
โอเค เอาเป็นว่าฉันคิดไปเองก็ได้ จากนั้นฉันก็ทำตัวมีสปิริตพอ คุยกัน เป็นเพื่อนกันต่อไป แต่เขากลับไม่ใช่อย่างนั้น
ตอนคุยกันน้ำเสียงท่าทางกลายเป็นรำคาญ เดี๋ยวนะ ฉันทำอะไรผิด?
ใช้เวลาทำใจสักพัก มีโอกาสเปลี่ยนงาน ย้ายสายงาน ขยับขยายฐานะตามประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ทำงานใจกลางกรุงเทพ ใช้ชีวิตไป ไม่ได้คิดอะไร
ก็เหงา แต่ทนได้ เพราะยังไม่เจอคนที่ชอบ เดินคนเดียว กินข้าวคนเดียว เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ในบริษัททำให้มีเพื่อนได้ยาก แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร
ทำงานไปสักพักเริ่มเหนื่อยกับงาน เหนื่อยกับบรรยากาศการทำงาน คิดว่าเปลี่ยนทางเดินชีวิตดีมั้ย ไปเป็นแอร์โฮสเตสดีมั้ยนะ เงินเยอะ ได้เดินทางด้วย
ไปทำงานต่างประเทศดีมั้ย หรือแบ็คแพ็คเร่ร่อนสักปีดีมั้ย ความคิดเบื่อหน่ายต่างๆ นานา
จนวันหนึ่ง เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้ ผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาอยู่ในใจ เขาเป็นคนธรรมดา ดูใช้ชีวิตง่ายๆ นิสัยทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ
ฉันเริ่มสังเกตบุคลิกของเขา อาหารการกิน กิจวัตรประจำวัน จนกลายเป็นความชอบ เขาทำให้ฉันรู้จักกับความเรียบง่าย
ฉันเริ่มอยากไปทำงานอีกครั้ง ความทะเยอทะยานที่เคยมีก็หมดไป ความฝันที่อยากเดินทางไปเห็นอะไรใหม่ๆ ก็หายไป ไม่ได้ฝืนหรือหลอกตัวเอง
แต่ฉันพอใจกับชีวิตตอนนั้นจริงๆ ทุกๆ วันได้มาเจอเขา และคิดไปว่าถ้าเราสองคนได้ลองคุยกันได้ลองคบกันก็คงดี จะได้รู้จักกันให้มากขึ้น
จนวันหนึ่งผ่านมาเป็นปี ฉันตัดสินใจว่าไม่ควรเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อายุเข้าวัยที่จะสร้างครอบครัวได้แล้ว
ถ้าไม่เริ่มคบกับใครแล้วจะไปเริ่มตอนไหน?
ด้วยความขี้อายกับคนที่ชอบ ก็อาศัยห้องเรียนพันทิป ดูว่าผู้ชายบุคลิกแบบนี้ชอบหรือไม่ชอบคนแบบไหน หรือผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายไม่อยากยุ่ง
หรือผู้หญิงแบบไหนที่ไม่มีแฟนสักที (ขอโทษเจ้าของกระทู้ดังกล่าวที่ไม่ได้แปะลิงค์ค่ะ จำไม่ได้จริงๆ) ก็ลองเช็คดู โอเค ฉันไม่เข้าข่ายผู้หญิงที่ผู้ชายไม่ชอบ
รวมทั้งผู้ชายหลายๆ คนก็มาคอมเมนท์ว่าผู้หญิงเริ่มจีบผู้ชายก่อนได้ ฉันก็รวบรวมความกล้า กล้าที่จะมองหน้าเขา กล้าสบตาบ้าง แม้จะไม่กล้าคุยก็ตาม
โชคชะตาเล่นตลก เราเจอกันโดยบังเอิญบ่อยๆ แม้บางทีฉันจะตั้งใจให้ดูเหมือนบังเอิญก็ตาม เรามีโอกาสได้เฉียดมาใกล้กันบ่อยๆ เขาดูจำฉันได้
บางครั้งดูเหมือนจะยิ้มมา แต่ด้วยความเขินอายระดับที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ฉันได้แต่หลบตาทั้งๆ ที่อยากจะยิ้มให้และเริ่มทักเขาก่อน
แต่วันเวลาผ่านไป คิดว่าเขาอาจจะสงสัยหรือมองว่าฉันทำตัวแปลกๆ ที่แอบมองเขาบ่อยๆ และเจอกันบ่อยๆ เลยตัดสินใจว่าจะต้องเข้าไปทักให้ได้
แต่พอเจอกันทีไร ขาไม่ยอมขยับ ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป สุดท้ายตัดสินใจเขียนข้อความทักทายสั้นๆ พร้อมกับไลน์ไอดีใส่กระดาษแล้วสะกิดเรียกเขา ส่งให้
แล้วเดินไปที่อื่น เพราะไม่กล้ายืนดูปฏิกิริยาของเขา สุดท้าย... เขาไม่แอดมา พอบังเอิญเจอกันอีกครั้ง สีหน้าเขาดูลำบากใจจริงๆ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฉันโดนปฏิเสธ
โอเค เขาอาจจะมีแฟนหรือมีครอบครัวอยู่แล้ว และฉันไม่คิดจะยุ่งกับคนแบบนี้ ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าฉันทำอะไรผิดนักหนา ผู้ชายหลายคนที่ฉันสนใจก็ดูสนใจฉัน จริงๆแล้วพวกเขาแค่เฟรนลี่ใช่มั้ย และเป็นฉันเองที่ขี้มโนและซื่อเกินไปใช่มั้ย ทำไมคำแนะนำของผู้ชายหลายๆ คนในพันทิปกลับใช้ไม่ไดผลกับฉัน ทำไมกฎต่างๆ ที่ฉันเรียนรู้มา เรื่องนิสัยคน เรื่องการเปิดใจ เรื่องการจีบผู้ชายก่อนถึงไม่เคยให้ผลดีกับฉัน หรือฉันไม่สมควรมีใคร ฉันถูกสร้างมาให้เป็นโสดใช่มั้ย
หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและฉันจริงจังเกินไป แต่ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่ควรเป็นเรื่องเล่นๆ และฉันไม่ได้ตัดสินใจง่ายๆ
ก่อนที่จะเริ่มต้นฉันสังเกตและคิดทบทวนอยู่นาน
หรือว่าฉันควรเปลี่ยนมาเป็นคนที่ไม่จริงจังคะ ควรลองเปิดใจคุยกับหลายๆ คนรึเปล่า ควรเลิกซื่อ เลิกโลกสวย เลิกมโนใช่มั้ย ต่อให้ใครดูเฟรนลี่ก็ไม่ควรให้ใจก่อนใช่มั้ย
อาจจะดูเหมือนถามเยอะนะคะ แต่อย่างที่บอกไปตอนแรก แค่อ่านจนจบก็รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้วค่ะ แต่ถ้าช่วยตอบ ช่วยแนะนำ ช่วยดึงสติให้ด้วยจะดีมาก
ปล. ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนล่าสุดในเรื่องราวของฉัน อยากบอกว่าไม่ต้องลำบากใจนะคะ เราเป็นแค่คนที่บังเอิญมาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่ง ขอโทษที่เคยทำตัวแปลกๆ ให้คุณสงสัย ถ้าบังเอิญเจอกันอีกฉันจะไม่พยายามมองคุณแล้วแหละ