สวัสดีค่า ตอนนี้จขกท.เรียนอยู่ปีหนึ่ง คณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยที่ฟิลิปปินส์ค่ะ กระทู้นี้เริ่มจากว่า เมื่อปีที่แล้วตอนตัวเราเองกำลังหาข้อมูลเพื่อที่จะมาสอบเรียนต่อที่นี่ เป็นอะไรที่หาข้อมูลยากกกกมากกกกก อ่านอะไรก็สงสัยไปหมด พอสอบผ่านแล้วเดินทางมาเรียนที่นี่เราก็ติดต่อเอกสารด้วยตัวเองทั้งหมดไม่ได้ผ่านทางเอเจนซี่ซึ่งเหนื่อยมาก555 หลังจากผ่านการลำบากตรากตรำทำเอกสารของตัวเองเรียบร้อยหมดแล้วด้วยความทุลักทุเล พอจะมีเวลาว่าง(บ้าง) เลยลองมาเล่าประสบการณ์ คิดว่ากระทู้น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่สนใจค่ะ
1.หาข้อมูลมหาลัยที่เราอยากเข้าไปเรียนค่ะ
เริ่มจากการหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้าก่อน ว่าสนใจเข้ามหาวิทยาลัยไหน มีการรับรองผ่านทางแพทยสภาไทยหรือไม่ ข้อมูลสามารถหาในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้เลยค่ะ การที่แพทยสถารับรองนั่นหมายความว่าเราสามารถกลับมาสอบใบประกอบที่ไทยได้ ถ้าจบมาจากยูทีไม่ได้รับรอง เราจะไม่มีสิทธิสอบค่ะ เรียนมาตั้งนานกลับมาสอบบ้านเกิดเมืองนอนไม่ได้ มันน่าเศร้านะคะ555 (ก่อนจะเดินทางไปเรียนเราต้องส่งเอกสารแจ้งสภาแพทย์ก่อนด้วยว่ากำลังจะเดินทางไปเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ)
https://www.tmc.or.th/news06_1.php
นี่เป็นเว็บไซต์ของแพทยสภาค่ะ สามารถไปอ่านลายละเอียดต่างๆในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
ที่ให้หาก่อนว่าเราอยากเข้าโรงเรียนแพทย์ของที่ไหนเพราะว่า cut point ที่ใช้รับสมัครนักศึกษาของแต่ละที่ไม่เท่ากันค่ะ บางที่40% 50% 60% เรื่อยๆขึ้นไปไม่เท่ากัน พอเรารู้เราจะได้เตรียมตัวถูกว่าเราต้องทำคะแนนNMATให้ได้กี่%
2.NMATคืออะไร? สมัครยังไง?
ฟิลิปปินส์จะมีการสอบกลางสำหรับคนที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัยแพทย์ที่เรียกว่า “NMAT” อารมณ์เหมือน กสพท. บ้านเรา คะแนนที่ออกมาจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งrequirementของวิทยาลัยแพทย์แต่ละที่จะไม่เท่ากัน อย่างที่บอกไปตอนแรก การจัดสอบจะมีจัดหลายรอบใน 1 ปี
https://www.cem-inc.org.ph/nmat/อันนี้เป็นเว็บไซต์ของNMATค่ะ เค้าจะขึ้นบอกไว้ว่ารอบต่อไปจะมีจัดสอบเมื่อไหร่ ให้เริ่มสมัครได้ตอนไหน สนามสอบมีให้เลือก 3 ที่ ไม่รู้ตอนนี้เพิ่มรึยัง มีที่มนิลา ที่เซบู แล้วก็ที่อเมริกา ที่ไทยไม่มีค่ะ ต้องลงทุนนิดนึงงงง ค่าสมัครสอบอยู่ที่ 1,900เปโซ คิดเป็นเงินไทยประมาณพันกว่าบาท ไม่เกินพันสองค่ะ ขึ้นอยู่กับเรทค่าเงิน พอสมัครในเว็บไซต์เสร็จก็จะมีให้เราเลือกว่าจะชำระเงินค่าสมัครด้วยวิธีไหน เราใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตค่ะง่ายดี มีค่าธรรมเนียมนิดหน่อยไม่แพงค่ะ
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่สอบที่สำคัญเลยคือ จะต้องกำลังจะจบปริญญาตรีหรือจบแล้ว จะเรียกว่าpremed ซึ่งต้องจบจากpremedสาขาด้านวิทยาศาสตร์ด้านใดก็ได้ พอสมัครในเว็บเสร็จเค้าจะมีใบออกมาให้เราปริ้นท์เพื่อให้ที่คณะที่เราเรียนอยู่เซ็นยืนยันว่าเรากำลังจะจบแล้วจริงๆนะ สามารถเข้าศึกษาทันปีการศึกษาต่อไปที่กำลังจะถึง สำหรับคนที่เรียนจบมาแล้วเค้าจะให้เอาtranscriptมายืนยันค่ะ (premedจะเป็นวิทย์ด้านไหนก็ได้จริงๆค่ะ เพื่อนในรุ่นจบจากวิทยาศาสตร์สุขภาพซะส่วนใหญ่ เช่น พยาบาล เทคนิคการแพทย์ เภสัช กายภาพบำบัด ไม่ใช่สายนี้ก็มีค่ะ จิตวิทยา หรือวิทยาศาสตร์อื่นๆเช่น เคมี ชีวะ พีคสุดคือจบไฟแนนซ์ค่ะ) เรื่องลายละเอียดอื่นๆอ่านในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
ปล.ที่ฟิลิปปินส์เปิดเทอมเดือนสิงหาคมค่ะ ถ้าอยากเข้าเรียนในเทอมถัดมาเลยหลังจากจบ ไม่อยากรอหรือมี gap year ก็ต้องพยายามไปสอบให้ทันรอบต้นปี เพราะว่าต้องมีเผื่อเวลาในการเดินเอกสารอีกค่ะ
พอสมัครเสร็จ เค้าจะมีตัวอย่างข้อสอบให้เราปริ้นท์มาลองทำ ต้องสมัครก่อนถึงจะกดดาวน์โหลดได้ ตอนเห็นว่ามีตัวอย่างข้อสอบคือจขกท.น้ำตาแทบไหล ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าเพราะมืดแปดด้านมาก ไม่รู้ว่าเค้าสอบอะไรกัน555
3.การสอบเป็นยังไง?
เนื้อหาในข้อสอบ จะมีให้สอบ 2 พาร์ทค่ะแบ่งสอบเช้าเย็น รวมทั้งหมด 8 วิชาซึ่งทั้งหมดสอบภายในวันเดียว ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ข้อสอบจะมาแบบชุดเดียวค่ะคือมี4วิชารวมกันอยู่ในนั้นเลย เราจะต้องเป็นคนจัดการเวลาเองว่าเราจะใช้เวลาในแต่ละวิชานานแค่ไหน เพราะเค้าจะไม่เก็บไม่เย็บแมกข้อสอบ ประมาณว่าเอาข้อสอบไปซะ ละไปจัดการตัวเอง
วิชาก็จะมี
1.Verbal คือสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งบอกเลยว่ายากมากกกก จขกท.สื่อสารภาษาอังกฤษ อ่านเขียนได้อยู่ในระดับดี สอบToeic ได้700 – 800 คะแนน เจอข้อสอบภาษาอังกฤษที่นี่เข้าไป เงิบเลยค่ะฮือ ยากเกิ๊นพ่อคุณ
2. Inductive Reasoning
3. Perceptual Acuity 2กับ3จะเป็นประมาณข้อสอบความถนัดทางการแพทย์ค่ะ พวกหมุนรูป หารูปที่ต่างจากเพื่อน ซึ่งในNMATจะง่ายกว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับข้อสอบในไทย เพราะงั้นฝึกเอาจากตัวอย่างข้อสอบความถนัดแพทย์ของกสพทได้เลยค่ะ
4. Quantitative คือวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ ถ้าเคยเรียนคณิตม.ปลายในโรงเรียนไทยอันโหดเหี้ยมมา แล้วเกรดไม่เคยต่ำกว่า3 พาร์ทนี้สบายใจได้เลยค่ะ มันง่ายมากกกกก แต่ก็อย่าประมาทนะคะ ลองปริ้นตัวอย่างข้อสอบมาดูก่อน ถ้าทำได้ ก็สบายใจได้เลยค่ะว่าเราจะไม่ถูกมันทำร้ายในห้องสอบแน่นอน
หลังจากนั้นก็_________________พักเที่ยง_________________แล้วต่อด้วยคาบบ่าย
5. Biology
6. Physics
7. Social Science
8. Chemistry
3วิชา เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ของที่นี่ถ้าเทียบกับข้อสอบในไทย ค่อนข้างง่ายกว่ามาก ตัวเนื้อหาจะเป็นเบสิคทฤษฎีพื้นฐานเลย ถ้าอ่านมาจำได้ ก็ทำได้ โจทย์จะไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนคิดแล้วคิดอีกเหมือนข้อสอบของไทย เช่น ข้อสอบฟิสิกส์ถามว่า ปล่อยบอลลูกหนึ่งลงมาจากตึก ลูกบอลจะมีความเร็วเท่าไหร่ คำตอบก็คือสูตรค่าGเลย ซึ่งปกติเค้าจะมีลิสต์รวมหัวข้อของแต่ละวิชาให้ว่าปีนี้วิชานี้ๆจะออกหัวข้ออะไรบ้าง จขกท.เองจำไม่ได้แล้วว่าไปหามาจากไหน คิดว่าถ้าทุกคนลองเสิร์ชน่าจะหาได้ไม่ยากเช่นกัน วิธีอ่านหนังสือก็อ่านเอาจากหนังสือที่ใช้เรียนตอนม.ปลายเลยค่ะ ชีวะเราอ่านจากหนังสือพี่เต็นท์+หนังสือรวมเนื้อหาชีวะเล่มหนาๆ เคมีอ่านจากที่เคยเรียนคอล์สเอนทรานซ์กับอ.อุ๊ ฟิสิกอ่านจากหนังสือรวมเนื้อหาม.ปลายเหมือนกันค่ะ เดินเข้าไปในร้านหนังสือแล้วเลือกที่ดูเนื้อหาครบถ้วนมาซักเล่มนึง ถ้าอ่านแล้วจำได้ เข้าใจ คิดว่าเพียงพอต่อการสอบค่ะ
และท้ายสุดคือ Social Science เป็นวิชาที่จขกทเองไม่เคยเรียนในไทยเหมือนกัน บอกตรงๆว่ามั่วไปเยอะ จะมีเนื้อหาบางส่วนที่จะเป็นพื้นฐานจิตวิทยา เลยทำได้นิดหน่อย (เพราะว่าจขกท.จบพยาบาลมาค่ะ ได้เรียนวิชานี้มาบ้าง) พวกจารีตประเพณีสังคมความรู้รอบตัว มันเป็นจารีตประเพณีของสังคมของที่นี่อะเนอะทำไม่ได้เลยจ้า วัดดวงล้วนๆ พยายามเทียบเคียงกับสังคมไทยเอาเพราะคิดว่าเอเชียเหมือนกันไม่น่าต่างกันมาก
ตอนที่เตรียมสอบได้เข้าไปอ่านบลอคแนะนำของพี่คนนี้มาค่ะ
https://wanderingown.wordpress.com/2016/02/24/techniques-nmat/
ช่วยได้เยอะมากๆ ขอบคุณนะคะ
4.ถึงวันสอบแล้วค่า
จริงๆพึ่งมานึกได้ว่าน่าจะถ่ายรูปบรรยากาศมาฝาก แต่ย้อนกลับไปวันนั้นไม่มีอารมณ์จะหยิบมือถือออกมาแล้วค่ะ เครียดแต่เรื่องทำข้อสอบเลยไม่มีรูปเลย แง้55555 วันสอบจริงคนเยอะมาก ถึงมากที่สุด เพราะทุกคนจะต้องมาสอบพร้อมกันที่ มหาวิทยาลัย UST แต่ตึกที่ใช้เป็นสนามสอบมีไม่กี่ตึก ไม่ต้องกังวลว่าจะเดินหาไม่เจอค่ะ แต่ละตึกไม่ไกลกันมาก วิ่งทัน จขกท.ก็หลงตึก วิ่งหน้าตั้งเลยตอนนั้นแต่ก็ทันค่ะ เวลาเหลือเฟือ
การจราจรแนะนำให้รีบมาเพราะรถติดมากกกกกกก นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงการจราจรในวันรับปริญญาของมหาลัยใหญ่ๆค่ะ อาหารเช้าแนะนำให้ซื้อเตรียมมาเนื่องจากคนเยอะมาก ถ้ามาเองคนเดียวไม่มีผู้ปกครองมาด้วย ซื้อเผื่อตอนกลางวันไว้เลยค่ะ จขกท.โชคดีผู้ปกครองคอยดูแลเรื่องปากท้องให้ แต่ก็กินไม่ค่อยลงหรอก อิ่มข้อสอบเหลือเกิน กินทั้งน้ำตา5555
ในใบสมัครสอบจะเขียนว่าให้เราไปเข้าห้องสอบ 8 โมงเช้า แล้วจบพาร์ทแรกตอนเที่ยง ตอนเห็นเวลาครั้งแรกก็เข้าใจว่า ให้เริ่มสอบตอน8โมง แต่เปล่าจ้า เรียกเข้าไปนั่งเฉยๆเด้อ ให้ทำข้อสอบตอน9โมงค่ะ โอ้โห ไฟไหม้สิคะ เตรียมตัวทำข้อสอบมาแบบ4วิชา4ชั่วโมง โดนลดเหลือ3ชั่วโมง ไม่เป็นไรถือว่าเราหาข้อมูลมาไม่ดีพอเอง เลยมาเตือนคนที่กำลังจะไปสอบไว้ก่อนนะคะว่าพาร์ทเช้าให้แค่3ชม. พาร์ทบ่ายลืมไปแล้วอ่าว่าต้องไปนั่งรอก่อนมั้ย ระลึกได้มากสุดคิดว่าไม่นะคะ ให้สอบเลย ขอโทษด้วยมันผ่านมานานแล้ว
แต่ที่พีคสุดยังไม่ใช่เรื่องโดนลดเวลาค่ะ แต่เป็นเรื่องนาฬิกา เพราะเค้าไม่อนุญาตให้ใส่นาฬิกาเข้าไปค่ะ(อ.คุมห้องสอบบางท่านให้ใส่ได้ค่ะแต่เป็นแบบเข็ม ห้ามดิจิตอล) ของเราอ.ที่คุมไม่ให้ใส่ค่ะ แล้วในห้องสอบก็ไม่มีนาฬิกาให้ค่ะ นั่นแปลว่าเราไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนแล้ว ทำได้แค่ทำข้อสอบให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มั่นใจก็ต้องตัดสินใจเลย เพราะไม่มีเวลากลับมาทวนแน่นอน สุดท้ายจขกท.ก็ทำไม่ทันค่ะ เหลือประมาณ20ข้อได้ ดิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ5555
พอสอบเสร็จแล้ว ก็กลับมารอผลสอบที่บ้านค่ะ ผลสอบจะประกาศในเว็บไซต์ตามวันเวลาที่ทางNMATได้ประกาศไว้ แต่บางทีก็เลทค่ะ ตอนนั้นผลสอบเราก็เลทไปหลายวันเหมือนกันกว่าจะเปิดให้เข้าไปดูได้ ส่วนเอกสารผลสอบแบบเป็นทางการ จะส่งมาให้ทีหลังทางไปรษณีย์ค่ะ ของเราก็เขียนที่อยู่ให้ส่งมาให้ที่บ้านที่ไทยเหมือนกัน เอกสารนี้เราจะใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่อๆไปค่ะ
ถ้ามีคำถามสงสัยถามคอมเมนท์ได้เลยนะคะ คนอื่นๆที่อาจจะสงสัยเหมือนกันจะได้สามารถเห็นได้ด้วย แต่ถ้าอยากติดต่อมาแบบเป็นส่วนตัวหรือกำลังเรียนอยู่ที่นี่แล้วอยากมาทักมาคุยกันขอเป็นทางไอจีนะคะ Ig: ampkets และccharlleneค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สะดวกให้ติดต่อทางfacebook พวกเรา2คนยินดีตอบคำถามให้ค่ะ แต่อาจจะไม่ค่อยว่างนะคะ เพราะเรียนค่อนข้างหนักบางวันอาจจะไม่ได้เชคมือถือเลยทั้งวันก็มี ถ้าเห็นก็จะรีบตอบทันทีค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังพยายามอ่านหนังสืออยู่นะคะ ตัวเราเองตอนนี้มาเล่าแบบไม่เครียดได้เพราะมันผ่านมาแล้ว แต่บอกเลยว่าตอนนั้นเครียดมาก เพราะเราเองก็สอบตอนที่ยังเรียนไม่จบเหมือนกันเป็นช่วงปี4เทอมสุดท้าย เรียนที่ไทยก็ต้องเรียน อ่านหนังสือเตรียมสอบที่ฟิลิปปินส์ก็ต้องอ่าน ไหนจะลาเรียนเพื่อที่จะบินไปสอบอีก เป็นช่วงที่เหนื่อยมากจริงๆแต่พอผ่านมาได้มันก็สบายใจ55555 ยังไงก็เต็มที่นะคะ ครั้งต่อไปจะเล่าเรื่องของการทำเอกสารต่างๆนะคะ ซึ่งเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่มากๆ ต้องใช้เวลานิดนึง จะพยายามเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อน้องๆสูงที่สุดนะคะ
เรียนแพทย์ฟิลิปปินส์ ต้องทำยังไงบ้าง?
1.หาข้อมูลมหาลัยที่เราอยากเข้าไปเรียนค่ะ
เริ่มจากการหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้าก่อน ว่าสนใจเข้ามหาวิทยาลัยไหน มีการรับรองผ่านทางแพทยสภาไทยหรือไม่ ข้อมูลสามารถหาในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้เลยค่ะ การที่แพทยสถารับรองนั่นหมายความว่าเราสามารถกลับมาสอบใบประกอบที่ไทยได้ ถ้าจบมาจากยูทีไม่ได้รับรอง เราจะไม่มีสิทธิสอบค่ะ เรียนมาตั้งนานกลับมาสอบบ้านเกิดเมืองนอนไม่ได้ มันน่าเศร้านะคะ555 (ก่อนจะเดินทางไปเรียนเราต้องส่งเอกสารแจ้งสภาแพทย์ก่อนด้วยว่ากำลังจะเดินทางไปเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ)
https://www.tmc.or.th/news06_1.php
นี่เป็นเว็บไซต์ของแพทยสภาค่ะ สามารถไปอ่านลายละเอียดต่างๆในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
ที่ให้หาก่อนว่าเราอยากเข้าโรงเรียนแพทย์ของที่ไหนเพราะว่า cut point ที่ใช้รับสมัครนักศึกษาของแต่ละที่ไม่เท่ากันค่ะ บางที่40% 50% 60% เรื่อยๆขึ้นไปไม่เท่ากัน พอเรารู้เราจะได้เตรียมตัวถูกว่าเราต้องทำคะแนนNMATให้ได้กี่%
2.NMATคืออะไร? สมัครยังไง?
ฟิลิปปินส์จะมีการสอบกลางสำหรับคนที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัยแพทย์ที่เรียกว่า “NMAT” อารมณ์เหมือน กสพท. บ้านเรา คะแนนที่ออกมาจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งrequirementของวิทยาลัยแพทย์แต่ละที่จะไม่เท่ากัน อย่างที่บอกไปตอนแรก การจัดสอบจะมีจัดหลายรอบใน 1 ปี
https://www.cem-inc.org.ph/nmat/อันนี้เป็นเว็บไซต์ของNMATค่ะ เค้าจะขึ้นบอกไว้ว่ารอบต่อไปจะมีจัดสอบเมื่อไหร่ ให้เริ่มสมัครได้ตอนไหน สนามสอบมีให้เลือก 3 ที่ ไม่รู้ตอนนี้เพิ่มรึยัง มีที่มนิลา ที่เซบู แล้วก็ที่อเมริกา ที่ไทยไม่มีค่ะ ต้องลงทุนนิดนึงงงง ค่าสมัครสอบอยู่ที่ 1,900เปโซ คิดเป็นเงินไทยประมาณพันกว่าบาท ไม่เกินพันสองค่ะ ขึ้นอยู่กับเรทค่าเงิน พอสมัครในเว็บไซต์เสร็จก็จะมีให้เราเลือกว่าจะชำระเงินค่าสมัครด้วยวิธีไหน เราใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตค่ะง่ายดี มีค่าธรรมเนียมนิดหน่อยไม่แพงค่ะ
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่สอบที่สำคัญเลยคือ จะต้องกำลังจะจบปริญญาตรีหรือจบแล้ว จะเรียกว่าpremed ซึ่งต้องจบจากpremedสาขาด้านวิทยาศาสตร์ด้านใดก็ได้ พอสมัครในเว็บเสร็จเค้าจะมีใบออกมาให้เราปริ้นท์เพื่อให้ที่คณะที่เราเรียนอยู่เซ็นยืนยันว่าเรากำลังจะจบแล้วจริงๆนะ สามารถเข้าศึกษาทันปีการศึกษาต่อไปที่กำลังจะถึง สำหรับคนที่เรียนจบมาแล้วเค้าจะให้เอาtranscriptมายืนยันค่ะ (premedจะเป็นวิทย์ด้านไหนก็ได้จริงๆค่ะ เพื่อนในรุ่นจบจากวิทยาศาสตร์สุขภาพซะส่วนใหญ่ เช่น พยาบาล เทคนิคการแพทย์ เภสัช กายภาพบำบัด ไม่ใช่สายนี้ก็มีค่ะ จิตวิทยา หรือวิทยาศาสตร์อื่นๆเช่น เคมี ชีวะ พีคสุดคือจบไฟแนนซ์ค่ะ) เรื่องลายละเอียดอื่นๆอ่านในเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
ปล.ที่ฟิลิปปินส์เปิดเทอมเดือนสิงหาคมค่ะ ถ้าอยากเข้าเรียนในเทอมถัดมาเลยหลังจากจบ ไม่อยากรอหรือมี gap year ก็ต้องพยายามไปสอบให้ทันรอบต้นปี เพราะว่าต้องมีเผื่อเวลาในการเดินเอกสารอีกค่ะ
พอสมัครเสร็จ เค้าจะมีตัวอย่างข้อสอบให้เราปริ้นท์มาลองทำ ต้องสมัครก่อนถึงจะกดดาวน์โหลดได้ ตอนเห็นว่ามีตัวอย่างข้อสอบคือจขกท.น้ำตาแทบไหล ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าเพราะมืดแปดด้านมาก ไม่รู้ว่าเค้าสอบอะไรกัน555
3.การสอบเป็นยังไง?
เนื้อหาในข้อสอบ จะมีให้สอบ 2 พาร์ทค่ะแบ่งสอบเช้าเย็น รวมทั้งหมด 8 วิชาซึ่งทั้งหมดสอบภายในวันเดียว ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ข้อสอบจะมาแบบชุดเดียวค่ะคือมี4วิชารวมกันอยู่ในนั้นเลย เราจะต้องเป็นคนจัดการเวลาเองว่าเราจะใช้เวลาในแต่ละวิชานานแค่ไหน เพราะเค้าจะไม่เก็บไม่เย็บแมกข้อสอบ ประมาณว่าเอาข้อสอบไปซะ ละไปจัดการตัวเอง
วิชาก็จะมี
1.Verbal คือสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งบอกเลยว่ายากมากกกก จขกท.สื่อสารภาษาอังกฤษ อ่านเขียนได้อยู่ในระดับดี สอบToeic ได้700 – 800 คะแนน เจอข้อสอบภาษาอังกฤษที่นี่เข้าไป เงิบเลยค่ะฮือ ยากเกิ๊นพ่อคุณ
2. Inductive Reasoning
3. Perceptual Acuity 2กับ3จะเป็นประมาณข้อสอบความถนัดทางการแพทย์ค่ะ พวกหมุนรูป หารูปที่ต่างจากเพื่อน ซึ่งในNMATจะง่ายกว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับข้อสอบในไทย เพราะงั้นฝึกเอาจากตัวอย่างข้อสอบความถนัดแพทย์ของกสพทได้เลยค่ะ
4. Quantitative คือวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ ถ้าเคยเรียนคณิตม.ปลายในโรงเรียนไทยอันโหดเหี้ยมมา แล้วเกรดไม่เคยต่ำกว่า3 พาร์ทนี้สบายใจได้เลยค่ะ มันง่ายมากกกกก แต่ก็อย่าประมาทนะคะ ลองปริ้นตัวอย่างข้อสอบมาดูก่อน ถ้าทำได้ ก็สบายใจได้เลยค่ะว่าเราจะไม่ถูกมันทำร้ายในห้องสอบแน่นอน
หลังจากนั้นก็_________________พักเที่ยง_________________แล้วต่อด้วยคาบบ่าย
5. Biology
6. Physics
7. Social Science
8. Chemistry
3วิชา เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ของที่นี่ถ้าเทียบกับข้อสอบในไทย ค่อนข้างง่ายกว่ามาก ตัวเนื้อหาจะเป็นเบสิคทฤษฎีพื้นฐานเลย ถ้าอ่านมาจำได้ ก็ทำได้ โจทย์จะไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนคิดแล้วคิดอีกเหมือนข้อสอบของไทย เช่น ข้อสอบฟิสิกส์ถามว่า ปล่อยบอลลูกหนึ่งลงมาจากตึก ลูกบอลจะมีความเร็วเท่าไหร่ คำตอบก็คือสูตรค่าGเลย ซึ่งปกติเค้าจะมีลิสต์รวมหัวข้อของแต่ละวิชาให้ว่าปีนี้วิชานี้ๆจะออกหัวข้ออะไรบ้าง จขกท.เองจำไม่ได้แล้วว่าไปหามาจากไหน คิดว่าถ้าทุกคนลองเสิร์ชน่าจะหาได้ไม่ยากเช่นกัน วิธีอ่านหนังสือก็อ่านเอาจากหนังสือที่ใช้เรียนตอนม.ปลายเลยค่ะ ชีวะเราอ่านจากหนังสือพี่เต็นท์+หนังสือรวมเนื้อหาชีวะเล่มหนาๆ เคมีอ่านจากที่เคยเรียนคอล์สเอนทรานซ์กับอ.อุ๊ ฟิสิกอ่านจากหนังสือรวมเนื้อหาม.ปลายเหมือนกันค่ะ เดินเข้าไปในร้านหนังสือแล้วเลือกที่ดูเนื้อหาครบถ้วนมาซักเล่มนึง ถ้าอ่านแล้วจำได้ เข้าใจ คิดว่าเพียงพอต่อการสอบค่ะ
และท้ายสุดคือ Social Science เป็นวิชาที่จขกทเองไม่เคยเรียนในไทยเหมือนกัน บอกตรงๆว่ามั่วไปเยอะ จะมีเนื้อหาบางส่วนที่จะเป็นพื้นฐานจิตวิทยา เลยทำได้นิดหน่อย (เพราะว่าจขกท.จบพยาบาลมาค่ะ ได้เรียนวิชานี้มาบ้าง) พวกจารีตประเพณีสังคมความรู้รอบตัว มันเป็นจารีตประเพณีของสังคมของที่นี่อะเนอะทำไม่ได้เลยจ้า วัดดวงล้วนๆ พยายามเทียบเคียงกับสังคมไทยเอาเพราะคิดว่าเอเชียเหมือนกันไม่น่าต่างกันมาก
ตอนที่เตรียมสอบได้เข้าไปอ่านบลอคแนะนำของพี่คนนี้มาค่ะ https://wanderingown.wordpress.com/2016/02/24/techniques-nmat/
ช่วยได้เยอะมากๆ ขอบคุณนะคะ
4.ถึงวันสอบแล้วค่า
จริงๆพึ่งมานึกได้ว่าน่าจะถ่ายรูปบรรยากาศมาฝาก แต่ย้อนกลับไปวันนั้นไม่มีอารมณ์จะหยิบมือถือออกมาแล้วค่ะ เครียดแต่เรื่องทำข้อสอบเลยไม่มีรูปเลย แง้55555 วันสอบจริงคนเยอะมาก ถึงมากที่สุด เพราะทุกคนจะต้องมาสอบพร้อมกันที่ มหาวิทยาลัย UST แต่ตึกที่ใช้เป็นสนามสอบมีไม่กี่ตึก ไม่ต้องกังวลว่าจะเดินหาไม่เจอค่ะ แต่ละตึกไม่ไกลกันมาก วิ่งทัน จขกท.ก็หลงตึก วิ่งหน้าตั้งเลยตอนนั้นแต่ก็ทันค่ะ เวลาเหลือเฟือ
การจราจรแนะนำให้รีบมาเพราะรถติดมากกกกกกก นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงการจราจรในวันรับปริญญาของมหาลัยใหญ่ๆค่ะ อาหารเช้าแนะนำให้ซื้อเตรียมมาเนื่องจากคนเยอะมาก ถ้ามาเองคนเดียวไม่มีผู้ปกครองมาด้วย ซื้อเผื่อตอนกลางวันไว้เลยค่ะ จขกท.โชคดีผู้ปกครองคอยดูแลเรื่องปากท้องให้ แต่ก็กินไม่ค่อยลงหรอก อิ่มข้อสอบเหลือเกิน กินทั้งน้ำตา5555
ในใบสมัครสอบจะเขียนว่าให้เราไปเข้าห้องสอบ 8 โมงเช้า แล้วจบพาร์ทแรกตอนเที่ยง ตอนเห็นเวลาครั้งแรกก็เข้าใจว่า ให้เริ่มสอบตอน8โมง แต่เปล่าจ้า เรียกเข้าไปนั่งเฉยๆเด้อ ให้ทำข้อสอบตอน9โมงค่ะ โอ้โห ไฟไหม้สิคะ เตรียมตัวทำข้อสอบมาแบบ4วิชา4ชั่วโมง โดนลดเหลือ3ชั่วโมง ไม่เป็นไรถือว่าเราหาข้อมูลมาไม่ดีพอเอง เลยมาเตือนคนที่กำลังจะไปสอบไว้ก่อนนะคะว่าพาร์ทเช้าให้แค่3ชม. พาร์ทบ่ายลืมไปแล้วอ่าว่าต้องไปนั่งรอก่อนมั้ย ระลึกได้มากสุดคิดว่าไม่นะคะ ให้สอบเลย ขอโทษด้วยมันผ่านมานานแล้ว
แต่ที่พีคสุดยังไม่ใช่เรื่องโดนลดเวลาค่ะ แต่เป็นเรื่องนาฬิกา เพราะเค้าไม่อนุญาตให้ใส่นาฬิกาเข้าไปค่ะ(อ.คุมห้องสอบบางท่านให้ใส่ได้ค่ะแต่เป็นแบบเข็ม ห้ามดิจิตอล) ของเราอ.ที่คุมไม่ให้ใส่ค่ะ แล้วในห้องสอบก็ไม่มีนาฬิกาให้ค่ะ นั่นแปลว่าเราไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนแล้ว ทำได้แค่ทำข้อสอบให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มั่นใจก็ต้องตัดสินใจเลย เพราะไม่มีเวลากลับมาทวนแน่นอน สุดท้ายจขกท.ก็ทำไม่ทันค่ะ เหลือประมาณ20ข้อได้ ดิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ5555
พอสอบเสร็จแล้ว ก็กลับมารอผลสอบที่บ้านค่ะ ผลสอบจะประกาศในเว็บไซต์ตามวันเวลาที่ทางNMATได้ประกาศไว้ แต่บางทีก็เลทค่ะ ตอนนั้นผลสอบเราก็เลทไปหลายวันเหมือนกันกว่าจะเปิดให้เข้าไปดูได้ ส่วนเอกสารผลสอบแบบเป็นทางการ จะส่งมาให้ทีหลังทางไปรษณีย์ค่ะ ของเราก็เขียนที่อยู่ให้ส่งมาให้ที่บ้านที่ไทยเหมือนกัน เอกสารนี้เราจะใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่อๆไปค่ะ
ถ้ามีคำถามสงสัยถามคอมเมนท์ได้เลยนะคะ คนอื่นๆที่อาจจะสงสัยเหมือนกันจะได้สามารถเห็นได้ด้วย แต่ถ้าอยากติดต่อมาแบบเป็นส่วนตัวหรือกำลังเรียนอยู่ที่นี่แล้วอยากมาทักมาคุยกันขอเป็นทางไอจีนะคะ Ig: ampkets และccharlleneค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สะดวกให้ติดต่อทางfacebook พวกเรา2คนยินดีตอบคำถามให้ค่ะ แต่อาจจะไม่ค่อยว่างนะคะ เพราะเรียนค่อนข้างหนักบางวันอาจจะไม่ได้เชคมือถือเลยทั้งวันก็มี ถ้าเห็นก็จะรีบตอบทันทีค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังพยายามอ่านหนังสืออยู่นะคะ ตัวเราเองตอนนี้มาเล่าแบบไม่เครียดได้เพราะมันผ่านมาแล้ว แต่บอกเลยว่าตอนนั้นเครียดมาก เพราะเราเองก็สอบตอนที่ยังเรียนไม่จบเหมือนกันเป็นช่วงปี4เทอมสุดท้าย เรียนที่ไทยก็ต้องเรียน อ่านหนังสือเตรียมสอบที่ฟิลิปปินส์ก็ต้องอ่าน ไหนจะลาเรียนเพื่อที่จะบินไปสอบอีก เป็นช่วงที่เหนื่อยมากจริงๆแต่พอผ่านมาได้มันก็สบายใจ55555 ยังไงก็เต็มที่นะคะ ครั้งต่อไปจะเล่าเรื่องของการทำเอกสารต่างๆนะคะ ซึ่งเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่มากๆ ต้องใช้เวลานิดนึง จะพยายามเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อน้องๆสูงที่สุดนะคะ