ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าครับ แต่อาจจะต้องเล่ายาวนิดนึง
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่ผมเล่าอาจจะดูเอียงเอียงไปในทางอคตินิดนึง แต่เชื่อผมเถอะครับ ส่วนไหนที่ผมไม่ได้ระบุว่ามันจากความรุ้สึกของผม มันคือ เรื่องจริง
เจตนาผมจริงๆ อยากจะรู้จักโรคซึมเศร้าให้มากกว่านี้ และเป็นห่วงคนที่ได้รับผลกระทบจากคนที่ได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า
คำถามจะอยู่หลังจากเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นะครับ (ผมจะไม่จะไม่ระบุช่วงปีนะครับ ไม่อยากให้เจ้าตัวรู้)
เรื่องนี้จะมีตัวละครอยู่สองคนหลักๆ คือ ลูกพี่ลูกน้องของผม และ ภรรยาของเค้า
พื้นฐานบ้านลุกพี่ลูกน้องผมเป็นคนจีนที่มีฐานนะดี แต่ไม่ได้ดีมากขนาดไฮโซอะไร มีธุรกิจที่บ้านเป็นของตัวเอง แต่เป็นระบบกงสี หน้าตากลางๆ ไม่ได้เรียกว่าหล่อ
ลุกพี่ลูกน้องคนนี้มีอายุเท่าๆกันครับ เค้าจะเกิดก่อนผมปีนึง แต่เรียนปีการศึกษาเดียวกัน เราได้เรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
ต่อไปนี้จะขอเรียก ลูกพี่ลุกน้องผมว่าเอ และ ภรรยาเค้าขอเรียกว่า บี นะครับ
ผมกับ เอ ก็ใช้ชีวิตมหาลัยไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ปีการศึกษาที่ 2 ช่วงนั้นทางผมเองกับทางเอก็เป็นเด็กกิจกรรมพอควร แต่คนละชมรม
เอใช้ชีวิตตอนนั้นเป็นคนร่าเริงมาก อาจจะพูดมากซะด้วยด้วยซ้ำออกแนวขี้โม้หน่อยๆ ก็เฮฮาตามประสาวัยเรียน
เอจะขับรถมาที่มหาลัยเกือบทุกวัน รถที่ใช้อยุ่ในหลัก หนึ่งล้านกลางๆ บ่งบอกถึงฐานะได้อยู่
ช่วงนั้นก็มีเหตุการณ์ที่ทำ เอ ได้รู้จักน้องคนนึง จากกิจกรรมชมรม โดยที่น้องยังเรียนอยู่ในระดับมัธยม น้องคนนั้นก็คือ บี
บี เป็นเด็กที่หน้าตาที่อยู่ในระดับดี ดูเป็นเด็กคุณหนูหน่อย ฐานะที่บ้านอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดีไม่ได้แย่
ทั้งคู่ก็เหมือนจะคบกันแต่ยังห่างๆ
หลังจากนั้นอีก 1 ปี บีก็ได้เอนทรานซ์ เข้ามาเรียนมหาลัยเดียวกับพวกผม ทีนี้ทั้งคู่ก็เปิดตัวเต็มที่ว่าคบกันเป็นแฟนนะ
ยิ่งด้วยคณะที่พวกผมเรียนมีผู้หญิงน้อยมากในสมัยนั้น และไม่ค่อยมีผู้หญิงหน้าตาดีสักเท่าไหร่
บี ยิ่งดูโดดเด่นในเรื่องหน้าตามากขึ้นไปอีกเมื่ออยู่รายล้อมในหมู่ชายฉกรรจ์และไม่ค่อยมีฐานะ และ ผู้หญิงที่เป็นชนกลุ่มน้อย
ช่วงนั้น เอกับบีจะมาเรียนที่ด้วยกันโดยนั่งรถ เอ มาเรียน เรียกได้ว่าดูเป็นคุ่ที่โดดเด่นในเรื่องฐานะและหน้าตา
ก็ใช้ชีวิตไปจนกระทั่งผมกับเอเรียนจบ ทีนี้เนื่องด้วยเอมีธุรกิจที่บ้านเป็นระบบกงสี ก็ทำงานที่บ้านไป ส่วนผมก็ออกมาหางานทำไป
ต่อในคอมเม้นท์นะครับ
ญาติอยู่ในสภาวะเครียด โพสว่าอยากตายบ่อยๆ อยากหาทางช่วยครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่ผมเล่าอาจจะดูเอียงเอียงไปในทางอคตินิดนึง แต่เชื่อผมเถอะครับ ส่วนไหนที่ผมไม่ได้ระบุว่ามันจากความรุ้สึกของผม มันคือ เรื่องจริง
เจตนาผมจริงๆ อยากจะรู้จักโรคซึมเศร้าให้มากกว่านี้ และเป็นห่วงคนที่ได้รับผลกระทบจากคนที่ได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า
คำถามจะอยู่หลังจากเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นะครับ (ผมจะไม่จะไม่ระบุช่วงปีนะครับ ไม่อยากให้เจ้าตัวรู้)
เรื่องนี้จะมีตัวละครอยู่สองคนหลักๆ คือ ลูกพี่ลูกน้องของผม และ ภรรยาของเค้า
พื้นฐานบ้านลุกพี่ลูกน้องผมเป็นคนจีนที่มีฐานนะดี แต่ไม่ได้ดีมากขนาดไฮโซอะไร มีธุรกิจที่บ้านเป็นของตัวเอง แต่เป็นระบบกงสี หน้าตากลางๆ ไม่ได้เรียกว่าหล่อ
ลุกพี่ลูกน้องคนนี้มีอายุเท่าๆกันครับ เค้าจะเกิดก่อนผมปีนึง แต่เรียนปีการศึกษาเดียวกัน เราได้เรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
ต่อไปนี้จะขอเรียก ลูกพี่ลุกน้องผมว่าเอ และ ภรรยาเค้าขอเรียกว่า บี นะครับ
ผมกับ เอ ก็ใช้ชีวิตมหาลัยไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ปีการศึกษาที่ 2 ช่วงนั้นทางผมเองกับทางเอก็เป็นเด็กกิจกรรมพอควร แต่คนละชมรม
เอใช้ชีวิตตอนนั้นเป็นคนร่าเริงมาก อาจจะพูดมากซะด้วยด้วยซ้ำออกแนวขี้โม้หน่อยๆ ก็เฮฮาตามประสาวัยเรียน
เอจะขับรถมาที่มหาลัยเกือบทุกวัน รถที่ใช้อยุ่ในหลัก หนึ่งล้านกลางๆ บ่งบอกถึงฐานะได้อยู่
ช่วงนั้นก็มีเหตุการณ์ที่ทำ เอ ได้รู้จักน้องคนนึง จากกิจกรรมชมรม โดยที่น้องยังเรียนอยู่ในระดับมัธยม น้องคนนั้นก็คือ บี
บี เป็นเด็กที่หน้าตาที่อยู่ในระดับดี ดูเป็นเด็กคุณหนูหน่อย ฐานะที่บ้านอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดีไม่ได้แย่
ทั้งคู่ก็เหมือนจะคบกันแต่ยังห่างๆ
หลังจากนั้นอีก 1 ปี บีก็ได้เอนทรานซ์ เข้ามาเรียนมหาลัยเดียวกับพวกผม ทีนี้ทั้งคู่ก็เปิดตัวเต็มที่ว่าคบกันเป็นแฟนนะ
ยิ่งด้วยคณะที่พวกผมเรียนมีผู้หญิงน้อยมากในสมัยนั้น และไม่ค่อยมีผู้หญิงหน้าตาดีสักเท่าไหร่
บี ยิ่งดูโดดเด่นในเรื่องหน้าตามากขึ้นไปอีกเมื่ออยู่รายล้อมในหมู่ชายฉกรรจ์และไม่ค่อยมีฐานะ และ ผู้หญิงที่เป็นชนกลุ่มน้อย
ช่วงนั้น เอกับบีจะมาเรียนที่ด้วยกันโดยนั่งรถ เอ มาเรียน เรียกได้ว่าดูเป็นคุ่ที่โดดเด่นในเรื่องฐานะและหน้าตา
ก็ใช้ชีวิตไปจนกระทั่งผมกับเอเรียนจบ ทีนี้เนื่องด้วยเอมีธุรกิจที่บ้านเป็นระบบกงสี ก็ทำงานที่บ้านไป ส่วนผมก็ออกมาหางานทำไป
ต่อในคอมเม้นท์นะครับ