Never Ending Wanderlust
ติดตามได้ที่ Facebook :
https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram :
https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
และ Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
เมื่อเราได้สบตากัน คีนาบาลู...ตอน 1
https://ppantip.com/topic/38603125
สวัสดีอีกรอบครับ กลับมาแล้วครับสำหรับตอน 2 ของการผจญภัยพิชิตยอดคีนาบาลู ไม่พูดเยอะครับ ไปกันเล้ยย
17 กุมภาพันธ์ 2562 (วันพิชิต)
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 1 ผลัดกันแต่งตัวในห้องที่มีเรา 4 คน พี่คนนึงที่แพ้ความสูงตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น แต่แกบอกว่าจะลองไปดูก่อน ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว
เสร็จจากนั้นเราเดินลงมาด้านล่างที่พัก จะเป็นบริเวณห้องอาหารรวม ที่มีอาหารบุฟเฟ่คอยให้เราเติมพลังให้เต็มที่ก่อนออกเดินทาง จนเวลาประมาณ 2.30 ไกด์นำทางก็ได้เดินเข้ามาทักทายพวกเราและนัดแนะแผนการเดินทางเช้านี้ โดยเราจะต้องเดินขึ้นยอด ระยะทางประมาณ 2.8 กม. ทางเดินจะเป็นลักษณะบันไดในช่วงแรก หลังจากนั้น เมื่อไต่ระดับขึ้นสูงขึ้นไป ทางเดินจะเปลี่ยนเป็นลานหินลาดเอียง ไม่มีต้นไม้ อากาศจะเบาบางลง หายใจจะลำบากขึ้น เหนื่อยง่าย โดยในช่วงแรกนั้น เพื่อนที่แพ้ความสูงได้กัดฟันไต่ระดับขึ้นมาจนห่างจากที่พักไปได้ไม่นาน อาการแพ้ความสูงยิ่งแรงขึ้นๆ เกิดอาการปวดหัว และอาเจียน จนสุดท้ายไกด์ได้บอกให้เพื่อนผมกลับไปยังที่พักดีกว่า เพราะยิ่งขึ้นสูง ความกดอากาศจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จะไม่ปลอดภัยหากยังฝืนขึ้นไปเรื่อยๆ แกเลยต้องไต่บันไดลงไปคนเดียว ท่ามกลางความมืด กับไฟฉายตัวเดียว
ข้อดีของการมาไต่เขาที่นี่คือ แม้คีนาบาลูจะสูงถึง 4000 เมตร แต่เมื่อเพื่อนผมถึงที่พักด้านล่าง แกได้ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้ว ปลอดภัย ทำให้พวกเราที่เหลือเดินขึ้นยอดอย่างอุ่นใจ สัญญาณโทรศัพท์ถือว่าโอเคมากเมื่อมาปีนเขาที่นี่ โดยผมเปิดใช้บริการของ AIS Sim 2 Fly
พอเดินไปได้สักพัก ลานหินเริ่มชันขึ้นๆ ขาเริ่มอ่อนแรงลงๆ ฮาๆๆ ช่วงนี้ต้องโหนเชือกขึ้นด้วย ไต่ไปตามลานหินเรื่อยๆ มีจุดพักบ้างตามทาง บรรยากาศทั้งสองข้างทางมืดสนิท เราไม่รู้เลยว่าตอนนี้เราขึ้นมาสูงแค่ไหน วิวเป็นยังไง ได้แต่เดินไป รอเพื่อนไป ตอนแรกก็ยังเกาะกลุ่มกันไป แต่พอช่วงหลังๆเริ่มทิ้งห่างกัน จนผมเดินมากับเพื่อนอีกคน
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย เริ่มเห็นยอดคีนาบาลูชัดขึ้น จนโค้งสุดท้ายคือการปีนขึ้นยอดสูงสุดที่มีความชันสูงมาก ลักษณะคล้ายกองหินที่วางสุมๆกัน โดยเราเป็นเหมือนมดตัวเล็กๆที่ไต่ขึ้นไป
จนถึงจุดนี้ เพื่อนผมที่เดินทาด้วยกันได้ถอดใจ ไม่ไปจุดสูงสุด เพราะกลัวความสูง เนื่องจากตอนนั้นฟ้าสว่างระดับหนึ่ง เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว บวกกับยอดเขาที่สูงชัน แกเลยพอใจที่จะพิชิตยอดเขาเพียงเท่านี้ ขอรออยู่ที่ลานหินข้างล่างแทน
และแล้ว...ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จก็ได้ถาโถมเข้ามาในความรู้สึก
กรู...ทำ...ได้...แล้ว...ว้อยยยยย อยากจะตะโกนดังๆจริงๆ แต่เขาห้ามส่งเสียงโวยวาย ฮาๆๆ
ภาพที่เห็นมันยิ่งกว่ายอดเขา แต่มันคือความสำเร็จที่เราลงทุนไป บทสนทนากับเพื่อนระหว่างทางเป็นเหมือนสิ่งวิเศษที่เราหาไม่ได้หากเราไปเดินเที่ยวห้างในกรุงเทพฯในวันหยุด มันช่างวิเศษจริงๆ
เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มปอดแล้ว ผมก็เริ่มเดินลง สักพักมีเสียงเรียกมาไกลๆว่าอย่าเพิ่งลงมา รอน้องด้วย ฮาๆๆ
เพื่อนผมอีกคนที่ถูกทิ้งห่างเป็นกิโลได้ตามมาทันพอดี
หลังจากนั้นเราทั้งสามคนก็เดินลงเขาไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปแบบไม่ยั้ง พร้อมกับงงว่า "นี่คือที่เราขึ้นมาเมื่อเช้าเหรอเนี่ย" ฮาๆๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะภาพที่เห็นคือลานหินที่สูงและชันมาก หากสะดุดก้อนหินโง่ๆ เราคงกลิ้งตกเขาไปนานแล้ว เหอๆๆ แต่สวยจริง สวยจัด...ปลัดบอกมาก
ขาลงผมเก็บกล้องลงเป้แล้วเดินตัวปลิวเลย ไม่ถ่ายอะไรแล้ว อารมณ์เหมือนเด็กงอแงมากตอนนั้น ฮาๆๆ
เรามุ่งกลับไปยังที่พัก พร้อมกับไปถามอาการเพื่อนที่แพ้ความสูง โดยยังมีอาการปวดหัวอยู่ เราได้ลงไปกินข้าวเช้าแบบบุฟเฟ่อีกรอบ ก่อนออกเดินทางลงเขา อาบน้ำ แต่งตัว พร้อมออกเดินทาง
ขาลงเราใช้เวลาเร็วกว่าขาขึ้น เดินแบบสบายๆ เพราะอากาศดีด้วย จนในที่สุดเราก็มาถึงด้านล่าง ณ จุดลงทะเบียนและจุดฝากสัมภาระ เรารับสัมภาระคืน จากนั้นไกด์ได้พาเราไปยังห้องอาหารกลางวัน เป็นแบบอาหารจานเดี่ยว เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองโคตา คีนาบาลู
และเนี่ยแหละคือบ่อเกิดของเรื่องราวที่ว่าทำไมผมถึงไม่มีโอกาสไปเที่ยวตัวเมืองเลย เพราะตั้งแต่ผมอยู่ที่ไทย ก่อนมาที่คีนาบาลู ผมมีไข้รุมๆ แต่ยังโอเค จนเดินทางพิชิตยอดคีนาบาลูสำเร็จ และร่างกายก็มาพังตอนถึงพื้นดินด้านล่างพอดี ไข้ขึ้นฉับพลันจนผมลุกแทบไม่ไหว พอถึงที่พักในตัวเมืองผมก็ล้มเลย นอนจมเตียงจนถึงวันเดินทางกลับไทยในวันที่ 19 นอนยาวววไป ฮาๆๆ ผมจึงไม่สามารถรีวิวตัวเมืองโคตา คีนาบาลูได้จริงๆครับ แหะๆ กลับมาเล่นซะไม่มีไขมันส่วนเกินเลย เพราะกินอะไรไม่ได้เลย กินไม่ลง...
"การเดินทางเพียงครั้งเดียว สร้างแรงบันดาลใจให้อีกหลายการเดินทาง"
การเดินทางครั้งนี้ได้จบลงแล้วครับ แต่ยังจะมีการเดินทางครั้งใหม่ที่กำลังจะตามมาแน่นอน ฮาๆๆ สำหรับวันนี้ ขอบคุณคร๊าบบ
เมื่อเราได้สบตากัน คีนาบาลู...ตอน 2
ติดตามได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram : https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
และ Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
เมื่อเราได้สบตากัน คีนาบาลู...ตอน 1 https://ppantip.com/topic/38603125
สวัสดีอีกรอบครับ กลับมาแล้วครับสำหรับตอน 2 ของการผจญภัยพิชิตยอดคีนาบาลู ไม่พูดเยอะครับ ไปกันเล้ยย
17 กุมภาพันธ์ 2562 (วันพิชิต)
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 1 ผลัดกันแต่งตัวในห้องที่มีเรา 4 คน พี่คนนึงที่แพ้ความสูงตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น แต่แกบอกว่าจะลองไปดูก่อน ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว
เสร็จจากนั้นเราเดินลงมาด้านล่างที่พัก จะเป็นบริเวณห้องอาหารรวม ที่มีอาหารบุฟเฟ่คอยให้เราเติมพลังให้เต็มที่ก่อนออกเดินทาง จนเวลาประมาณ 2.30 ไกด์นำทางก็ได้เดินเข้ามาทักทายพวกเราและนัดแนะแผนการเดินทางเช้านี้ โดยเราจะต้องเดินขึ้นยอด ระยะทางประมาณ 2.8 กม. ทางเดินจะเป็นลักษณะบันไดในช่วงแรก หลังจากนั้น เมื่อไต่ระดับขึ้นสูงขึ้นไป ทางเดินจะเปลี่ยนเป็นลานหินลาดเอียง ไม่มีต้นไม้ อากาศจะเบาบางลง หายใจจะลำบากขึ้น เหนื่อยง่าย โดยในช่วงแรกนั้น เพื่อนที่แพ้ความสูงได้กัดฟันไต่ระดับขึ้นมาจนห่างจากที่พักไปได้ไม่นาน อาการแพ้ความสูงยิ่งแรงขึ้นๆ เกิดอาการปวดหัว และอาเจียน จนสุดท้ายไกด์ได้บอกให้เพื่อนผมกลับไปยังที่พักดีกว่า เพราะยิ่งขึ้นสูง ความกดอากาศจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จะไม่ปลอดภัยหากยังฝืนขึ้นไปเรื่อยๆ แกเลยต้องไต่บันไดลงไปคนเดียว ท่ามกลางความมืด กับไฟฉายตัวเดียว
ข้อดีของการมาไต่เขาที่นี่คือ แม้คีนาบาลูจะสูงถึง 4000 เมตร แต่เมื่อเพื่อนผมถึงที่พักด้านล่าง แกได้ส่งข้อความมาบอกว่าถึงแล้ว ปลอดภัย ทำให้พวกเราที่เหลือเดินขึ้นยอดอย่างอุ่นใจ สัญญาณโทรศัพท์ถือว่าโอเคมากเมื่อมาปีนเขาที่นี่ โดยผมเปิดใช้บริการของ AIS Sim 2 Fly
พอเดินไปได้สักพัก ลานหินเริ่มชันขึ้นๆ ขาเริ่มอ่อนแรงลงๆ ฮาๆๆ ช่วงนี้ต้องโหนเชือกขึ้นด้วย ไต่ไปตามลานหินเรื่อยๆ มีจุดพักบ้างตามทาง บรรยากาศทั้งสองข้างทางมืดสนิท เราไม่รู้เลยว่าตอนนี้เราขึ้นมาสูงแค่ไหน วิวเป็นยังไง ได้แต่เดินไป รอเพื่อนไป ตอนแรกก็ยังเกาะกลุ่มกันไป แต่พอช่วงหลังๆเริ่มทิ้งห่างกัน จนผมเดินมากับเพื่อนอีกคน
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย เริ่มเห็นยอดคีนาบาลูชัดขึ้น จนโค้งสุดท้ายคือการปีนขึ้นยอดสูงสุดที่มีความชันสูงมาก ลักษณะคล้ายกองหินที่วางสุมๆกัน โดยเราเป็นเหมือนมดตัวเล็กๆที่ไต่ขึ้นไป
จนถึงจุดนี้ เพื่อนผมที่เดินทาด้วยกันได้ถอดใจ ไม่ไปจุดสูงสุด เพราะกลัวความสูง เนื่องจากตอนนั้นฟ้าสว่างระดับหนึ่ง เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว บวกกับยอดเขาที่สูงชัน แกเลยพอใจที่จะพิชิตยอดเขาเพียงเท่านี้ ขอรออยู่ที่ลานหินข้างล่างแทน
และแล้ว...ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จก็ได้ถาโถมเข้ามาในความรู้สึก
กรู...ทำ...ได้...แล้ว...ว้อยยยยย อยากจะตะโกนดังๆจริงๆ แต่เขาห้ามส่งเสียงโวยวาย ฮาๆๆ
ภาพที่เห็นมันยิ่งกว่ายอดเขา แต่มันคือความสำเร็จที่เราลงทุนไป บทสนทนากับเพื่อนระหว่างทางเป็นเหมือนสิ่งวิเศษที่เราหาไม่ได้หากเราไปเดินเที่ยวห้างในกรุงเทพฯในวันหยุด มันช่างวิเศษจริงๆ
เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มปอดแล้ว ผมก็เริ่มเดินลง สักพักมีเสียงเรียกมาไกลๆว่าอย่าเพิ่งลงมา รอน้องด้วย ฮาๆๆ
เพื่อนผมอีกคนที่ถูกทิ้งห่างเป็นกิโลได้ตามมาทันพอดี
หลังจากนั้นเราทั้งสามคนก็เดินลงเขาไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปแบบไม่ยั้ง พร้อมกับงงว่า "นี่คือที่เราขึ้นมาเมื่อเช้าเหรอเนี่ย" ฮาๆๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะภาพที่เห็นคือลานหินที่สูงและชันมาก หากสะดุดก้อนหินโง่ๆ เราคงกลิ้งตกเขาไปนานแล้ว เหอๆๆ แต่สวยจริง สวยจัด...ปลัดบอกมาก
ขาลงผมเก็บกล้องลงเป้แล้วเดินตัวปลิวเลย ไม่ถ่ายอะไรแล้ว อารมณ์เหมือนเด็กงอแงมากตอนนั้น ฮาๆๆ
เรามุ่งกลับไปยังที่พัก พร้อมกับไปถามอาการเพื่อนที่แพ้ความสูง โดยยังมีอาการปวดหัวอยู่ เราได้ลงไปกินข้าวเช้าแบบบุฟเฟ่อีกรอบ ก่อนออกเดินทางลงเขา อาบน้ำ แต่งตัว พร้อมออกเดินทาง
ขาลงเราใช้เวลาเร็วกว่าขาขึ้น เดินแบบสบายๆ เพราะอากาศดีด้วย จนในที่สุดเราก็มาถึงด้านล่าง ณ จุดลงทะเบียนและจุดฝากสัมภาระ เรารับสัมภาระคืน จากนั้นไกด์ได้พาเราไปยังห้องอาหารกลางวัน เป็นแบบอาหารจานเดี่ยว เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองโคตา คีนาบาลู
และเนี่ยแหละคือบ่อเกิดของเรื่องราวที่ว่าทำไมผมถึงไม่มีโอกาสไปเที่ยวตัวเมืองเลย เพราะตั้งแต่ผมอยู่ที่ไทย ก่อนมาที่คีนาบาลู ผมมีไข้รุมๆ แต่ยังโอเค จนเดินทางพิชิตยอดคีนาบาลูสำเร็จ และร่างกายก็มาพังตอนถึงพื้นดินด้านล่างพอดี ไข้ขึ้นฉับพลันจนผมลุกแทบไม่ไหว พอถึงที่พักในตัวเมืองผมก็ล้มเลย นอนจมเตียงจนถึงวันเดินทางกลับไทยในวันที่ 19 นอนยาวววไป ฮาๆๆ ผมจึงไม่สามารถรีวิวตัวเมืองโคตา คีนาบาลูได้จริงๆครับ แหะๆ กลับมาเล่นซะไม่มีไขมันส่วนเกินเลย เพราะกินอะไรไม่ได้เลย กินไม่ลง...
"การเดินทางเพียงครั้งเดียว สร้างแรงบันดาลใจให้อีกหลายการเดินทาง"
การเดินทางครั้งนี้ได้จบลงแล้วครับ แต่ยังจะมีการเดินทางครั้งใหม่ที่กำลังจะตามมาแน่นอน ฮาๆๆ สำหรับวันนี้ ขอบคุณคร๊าบบ