ชวนเสพงานศิลป์ ... นำชมนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา”

 
 
อัตตาแปลว่าตัวตน ร่างกาย รูปลักษณะ ตัวเอง หรือวิญญาณ ตามทฤษฎีของผู้ถือลัทธิว่าชีวิตเกิดขึ้นด้วยวิญญาณหรืออาตมัน ซึ่งชาวอินเดียทางภาคเหนือได้ยึดถือเช่นนั้น ในคัมภีร์อุปนิษัทอธิบายไว้ว่า อัตตาเป็นตัวตนเล็กๆ รูปร่างเหมือนคน อาศัยอยู่ในหัวใจเวลาปกติ และหนีออกจากร่างกายไปในเวลานอนหลับ…

อัตตาคืออะไร? อัตตาคืออมตะ แต่ศาสนาพุทธบอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นอมตะ แม้แต่นิพพานก็ตาม สัพเพ สังขารา อนิจจา ... อัตตาจึงแปลว่าตัวเอง ซึ่งหมายถึงสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นใดมาปรุงแต่งให้เกิดขึ้น...

อัตตา อาตมัน แปลว่าตัวตน โดยปกติแล้วกล่าวได้ว่า โดยสภาวะธรรมชาติของปุถุชนอันมีมาแต่การเกิดย่อมยึดมั่นมองเห็นชีวิต ซึ่งก็คือขันธ์ ๕ ไม่ว่าขันธ์ใดขันธ์หนึ่งหรือทั้งหมด ว่าอัตตาคือตัวตน หรือเป็นของตัวของตนอย่างแท้จริง...

อัตตาจะดีหรือไม่ดีนั้น เราจำเป็นต้องตระหนักว่าอัตตาเป็นเพียงเครื่องมือ อัตตามีกลไกลการอยู่รอดทางชีวภาพ อัตตายังมีอยู่ เป็นพาหนะสำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณของเรา เพื่อที่เราจะได้ตระหนักถึงความแข็งแรงของเราเอง โดยมีความรักและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นอัตตาที่จะนำพาให้เราสามารถกลับมาสู่ธรรมชาติอันแท้จริงของเราได้…

นั้นคือบางส่วนของความหมายหลายแห่ง อัตตา ซึ่งสามารถอธิบายไปได้ต่างๆ นานา ท่านสามารถเปิดหาอ่านได้ตามตำราในคอมพิวเตอร์ ส่วนนิทรรศการศิลปะนาม “อัตตา” ... ครั้งนี้ เป็นการแสดงออกซึ่งตัวตนของคนทำงานศิลปะ 4 คน เรียงลำดับตามอาวุโสดังนี้ ประทีป คชบัว , ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี , สุรเดช แก้วท่าไม้ และอนุพงษ์ จันทร

 
 
 
สำหรับภาพรวมของงานนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา” ในครั้งนี้ มีความเป็นมาดังนี้

(ในส่วนนี้ผมเรียบเรียงขึ้นมาจากการที่ผมสัมภาษณ์คุณรี่ วนิดา รุจิเกียรติกำจร ผู้จัดงานในครั้งนี้ และบทคำนำของหนังสือ “อัตตา” ประกอบกัน)

คุณรี่ วนิดา รุจิเกียรติกำจร
 
 
 
-เริ่มจากการที่คุณรี่รู้จักริเวอร์ซิตี้มานานแล้ว ที่นี้เคยมีศิลปินมาแสดงงานศิลปะมากมาย แล้วก็ห่างหายกันไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้ทางริเวอร์ซิตี้เขาปรับปรุงตกแต่งสถานที่ภายในใหม่หมดแล้ว ทางริเวอร์ซิตี้ก็พยายามหางานนิทรรศการศิลปะดีๆ มาจัดแสดง ประกอบกับเรามีไอเดียในการจัดงานครั้งนี้ด้วย จึงเกิดเป็นงานนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา” ขึ้นมา

-จริงๆ แล้วทางทีมผู้จัดงานได้เตรียมการกันตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 แล้ว โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดการทำงานอย่างชัดเจนในระยะเวลา 1 ปีกว่า โดยมีเวลาให้ศิลปินสร้างผลงานชิ้นใหม่เพื่อนำมาจัดแสดง และให้ศิลปินคัดเลือกผลงานที่ผ่านมานำมาจัดแสดงด้วย  ดังนั้นจึงต้องถือว่าเป็นงานที่ทางเราตั้งใจทำเป็นอย่างมาก

-วงการศิลปะในบ้านเรามันเติบโตช้ามาก ทั้งๆ ที่ในบ้านเรามีงานศิลปะต่างๆ ให้ชมฟรีโดยตลอด ไม่เหมือนในต่างประเทศละแวกนี้ เช่น สิงคโปร์ , ฮ่องกง , ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ต้องเสียเงินค่าเข้าชม ในบ้านเรามีงานศิลปะดีๆ เปิดให้ชมฟรีแต่ก็คนยังไม่มาดูกันเลย

-การจัดงานนิทรรศการศิลปะแบบนี้มีข้อดีสำหรับศิลปินอย่างประการหนึ่งคือ ปกติแล้วศิลปินแต่ละท่านจะทำงานกันช้ามาก แต่พอมีเดตไลน์(เส้นตาย)กำหนดเวลาว่าต้องส่งงานเมื่อไหร่? งานจะจัดงานเมื่อไหร่? เป็นการกระตุ้นเตือนเพื่อเร่งให้ศิลปินทำงานให้เสร็จทันกำหนดได้มากขึ้นด้วย

-การทำงานกับศิลปินนั้นเราต้องเข้าใจในความเป็นศิลปินของเขาว่า เขามีความเป็นติสต์สูงมาก ศิลปินบางท่านอยากทำงานก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ บางท่านอยากทำงานให้เสร็จก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ อะไรประมาณนี้  ดังนั้นการทำงานนิทรรศการศิลปะในแต่ละครั้งทางผู้จัดงานต้องมีความพยายามสูงมาก มันไม่ง่ายเลยในการทำงาน งานถึงจะสำเร็จออกมาดีได้

-สำหรับหนังสืออัตตาที่เราทำขึ้นมานั้นไม่ใช่เป็นแค่สูจิบัตร เพราะสูจิบัตรจะลงแค่ประวัติของศิลปินและผลงานที่จัดแสดงในงานเท่านั้น แต่หนังสือที่เราทำเป็นหนังสือภาพที่มีรูปเยอะๆ มีภาพผลงานเก่าของศิลปินทั้ง 4 ท่านที่คนทั่วไปอยากจะเห็นด้วย ทั้งผลงานที่มีจัดแสดงอยูในงานนี้และไม่มีจัดแสดงอยู่ในงานนี้ด้วย

 
 
-สำหรับนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา” นี้ เป็นการรวบรวมเอางานแนวเหนือจริงของประทีป แนวภาพเหมือนคนของศักดิ์วุฒิ แนวภาพเหมือนคนที่มีกลิ่นอายอาร์ตนูโวของสุรเดช และงานแนวส่อเสียดของอนุพงษ์ เอามาจัดแสดงร่วมกัน โดยไม่มีเหตุผลใดสลับซับซ้อน แค่อยากให้นักเรียน นักศึกษา คนที่ชื่นชอบในงานศิลปะ และแฟนพันธุ์แท้พันธ์เทียมของศิลปิน ได้มีโอกาสเห็นงานของศิลปินทั้ง 4 ท่านแบบเน้นๆ แม้จะไม่ใช่การแสดงเดี่ยวก็ตาม

-อีกทั้งเนื้อหาแนวคิดและจำนวนชิ้นงานก็ไม่ได้ระบุจำกัดความคิดใดๆ ปล่อยให้ศิลปินแต่ละท่านทำงานกันไปตามใจ ตามถนัด ตามเห็นควร จะวาดเส้น จะระบายสี หรือจะปั้นหล่อได้หมด เพียงขอแค่ให้งานออกมาเป็นงาน เป็นตัวตนของศิลปินก็พอ

-สำหรับชิ้นผลงานที่จัดแสดงในงานนิทรรศการนี้ จริงๆ แล้วทางเราไม่ได้เน้นจะขายงานเป็นหลัก แต่เน้นที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาเสพสุนทรียะของงานศิลปะ โดยหวังว่าเราจะจัดนิทรรศการศิลปกรรมที่ดีๆ มอบให้แก่วงการศิลปะในบ้านเรา ถึงแม้จะบอกว่าศิลปินก็ต้องการขายงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพก็ตาม แต่จำนวนชิ้นงานที่ศิลปินประสงค์จะขายนั้นมีไม่มากนัก และเชื่อว่าชิ้นงานที่ศิลปินอยากขายน่าจะได้รับการจับจองจากนักสะสมแน่ๆ

-ท้ายสุดนี้ทางเราอยากจะเชิญชวนทุกท่านให้มาชมงานนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา” นี้ให้มากๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ศิลปิน ศิลปินเขาสร้างผลงานแล้วเขาก็อยากให้คนอื่นมาดูผลงานของเขาด้วย ดังนั้นถ้ามีผู้คนสนใจมาเข้าดูงานนิทรรศการนี้กันเยอะๆ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีที่ทำให้ศิลปินสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นในอนาคตอีกแน่

 
 
มาพูดคุยกับทางฝั่งเจ้าของพื้นที่กันบ้างดีกว่า ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณแหม่ม นัทธี นัดกระโทก ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้  แบงค็อก โดยในเบื้องต้นผมขอถามถึงมารยาทในการเข้าชมงานศิลปะก่อน เชื่อว่าในบ้านเราผู้เข้าชมงานยังไม่ค่อยทราบกันมากนัก

 
 
ในฐานะที่ทางศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก จัดงานศิลปะบ่อยมากๆ ผมจึงขอทราบถึงข้อควรปฏิบัติที่เป็นมารยาทในการชมงานศิลปะ ดังนี้

1 ห้ามจับหรือสัมผัสชิ้นงานเด็ดขาด

2 ให้ระมัดระวังกระเป๋าเป้ข้างหรือกระเป๋าสะพายหลังของท่าน เวลาเดินชมงานควรระวังไม่ให้โดนชิ้นงาน

3 ห้ามนำอาหารและเครื่องมือทุกชนิดเข้าไปในห้องจัดแสดงงานศิลปะโดยเด็ดขาด

4 ห้ามสูบบุหรี่ในห้องจัดแสดงฯ

5 ห้ามพกพาอาวุธ มีดหรือวัตถุมีคมต่างๆ เข้าไปในห้องจัดแสดงฯ

6 ห้ามวิ่งเล่นภายในห้องจัดแสดง ผู้ปกครองที่นำเด็กเล็กมาชมงานศิลปะควรดูแลบุตรหลานของท่านไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นด้วย

7 ห้ามมานั่งวาดหรือสเก็ตภาพชิ้นงานที่จัดแสดงเด็ดขาด

8 ห้ามนำกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพ(กล้อง DSLR ใหญ่) และห้ามนำขาตั้งกล้องเข้าไปในห้องจัดแสดงฯ ในกรณีที่ต้องการนำเข้าต้องขออนุญาตเจ้าของงาน(ตัวศิลปิน)ให้อนุญาตก่อนทุกครั้ง

-สำหรับงานนิทรรศการศิลปกรรม”อัตตา” นี้ อนุญาตให้ผู้ชมนำกล้องทุกประเภทเข้าไปในห้องจัดแสดงฯ ได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำขาตั้งกล้องเข้าไปเด็ดขาด ท่านใดที่ต้องการถ่ายภาพเชลฟี่ภายในห้องจัดแสดงฯ ท่านสามารถทำได้ แต่ต้องไม่เข้าถ่ายภาพเชลฟี่ใกล้ชิ้นงานโดยเด็ดขาด กรุณาอยู่หลังเส้นสีแดงที่ผู้จัดงานติดไว้บนพื้นห้องจัดแสดงฯ ห้ามล้ำเส้นสีแดงเพื่อเข้าใกล้ชิ้นงานเด็ดขาด

 
 
-คุณแหม่มยังเล่าให้ฟังอีกว่า ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค๊อกได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโฉมภายในใหม่ทั้งหมด โดยทำพื้นที่บริเวณชั้น 2 ให้เป็น Contemporary Art Zone เพื่อเปิดรับการจัดงานนิทรรศการหลากหลายรูปแบบ จึงมีพื้นที่เป็นห้องจัดแสดงหลายขนาด ซึ่งห้องที่ใหญ่ที่สุดคือห้อง RCB GALLERIA ที่กำลังจัดแสดงนิทรรศการศิลปกรรม “อัตตา” อยู่ในขณะนี้

-และมีโซน RCB PHOTOGPHER’S GALLERY สำหรับช่างภาพที่มีความประสงค์จะจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ซึ่งตอนนี้จัดแสดงภาพถ่ายของช่างภาพอังกฤษที่มีความประทับใจต่อย่านเยาวราชในบ้านเรา ชื่อนิทรรศการว่า CHINATOWN PHOTO EXHIBITION By YVAN COHEN

 
-ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้มี Pop Up GALLERY เป็นห้องแกลลอรี่ไว้ให้ศิลปินใช้ทำเป็นสตูดิโอชั่วคราว โดยมีการแบ่งผลประโยชน์รายได้ (profit Sharing) ระหว่างกัน ซึ่งจะมีศิลปินหมุนเปลี่ยนมาจัดสตูดิโอเล็กๆ เพื่อแสดงงานตลอด

-ท่านใดที่รักในงานศิลปะ อยากจะเสพงานศิลป์ อยากมีไลฟ์สไตล์แนวติสต์ ท่านก็มาเดินชมงานศิลปะต่างๆ ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อกสี่พระยาได้เลย โดยจะเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาก็ขึ้นที่ท่าน้ำสี่พระยา ถ้านั่งรถประจำทางสาย 36 หรือ 93 ก็ลงที่ท่ารถเมล์ที่อยู่หน้าศูนย์การค้าฯ ได้เลย สำหรับท่านใดที่ขับรถยนต์ส่วนตัวมา เมื่อท่านชมงานนิทรรศการศิลปะต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว ขอให้ท่านนำบัตรจอดรถมาประทับตราเพื่อจอดรถฟรี 3 ชั่วโมงที่บริเวณเคานเตอร์ประชาสัมพันธ์ ชั้น 1

 
 
พาพันชอบพาพันเคลิ้มพาพันซน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่