ปี 2018 ที่ผ่านมาดูเหมือนจะเป็นปีที่สดใสและหมองหม่นพอสมควรสำหรับเจ้าแม่สายเรโทรเข้าเส้นเลือดอย่าง  SUNMI  จากที่ประสบความสำเร็จไปแล้วอย่าง Heroine และ Siren จนสามารถทำสถิติชาร์ต Perfect All-Kill เพลงแรกนับตั้งแต่เดบิวท์มา 12 ปี

 

                    การกลับมาครั้งนี้ในระยะเวลา 6 เดือนจากมินิอัลบั้ม WARNING ก็ได้สร้างความประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับคัมแบ็คตัวใหม่ที่จู่ๆก็ส่งทีเซอร์ออกมาอย่างดื้อๆและเป็นการปล่อยที่ค่อนข้างสับสนงุนงงพอควรเพราะปกติซอนมีจะต้องส่งคลิปเสียงคอรัสออกมายั่วน้ำลายให้ได้ติดตามกันก่อน แต่รอบนี้ดันปล่อยออกมาแบบแปลกๆแถมดูรีบๆไปหน่อยแต่ก็เข้าใจเพราะหลังจากจบคอนเสิร์ตที่เกาหลีแล้วต้องไปต่อ world tour ที่ต่างประเทศทันทีเลยดูเป็นงานที่เผาพอสมควร รวมถึงเพลงใหม่อย่าง  누아르 (Noir)  ที่เป็นดิจิตอลซิงเกิ้ลตัวใหม่เช่นกัน

 

 

เพลง : Noir มาในสไตล์ Retro/Disco-pop 80's ที่ใส่จังหวะ Trap สมัยใหม่ไว้ในช่วงพรีฮุคช่วงที่สองของเพลงโดยรอบนี้ก็ยังคง writing lyrics & composing ด้วยตัวเองและยังได้อดีตไอดอลอย่าง จางกีจอง(EL CAPITXN) จากวง HISTORY ที่เคย feat. ให้ไอยูในเพลง Friday จนประสบความสำเร็จและผันตัวเองมาเป็นโปรดิวเซอร์เต็มตัวมาช่วยเติมสีสันให้เพลงในผลงานชิ้นนี้ ตัวเพลงพูดถึงความสัมพันธ์ที่ดูจะมืดมัวไปซะทุกสิ่ง ด้วยความที่มันเป็นสไตล์ทุนเดิมของนางด้วยเนอะทุกอย่างมันเลยดูลงตัวไม่รู้สึกว่าหนักหรือเบาไป ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเพลงที่ผ่านมาแต่ในเรื่องความหมายยังคงซึ่งแรงและแส่บเหมือนเดิม

 

 

เอ็มวี (Music Video) : ในคราวนี้ก็ยังได้โปรดิวเซอร์ฝีมือเทพคนสนิทอย่าง ชเว ยงซอก(Lumpens)  มาเติมเต็มใส่สีสันในส่วนของมิวสิตวิดีโอให้เช่นเคย พูดถึงตัว art direct เป็นฟีลลิ่งที่หวนให้กลับไปคิดถึงเอ็มวีของ Wonder Girls ช่วง Re-band (ก็โปรดักชั่นเดียวกัน) แต่ในเรื่องของ visual mv ยังไงก็ต้องยอมทีมนี้จริงๆ ออกมาสวยและดีงามหมดเช่นเคย ในส่วน story mv ดูเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายมากกว่า Siren เพราะไม่ใช่เนื้อหาที่แฝงไปด้วยความรักแต่กลับขายความตลกแทนและในความขายตลกของนางก็เป็นเรื่องที่ไม่ตลกแม้แต่น้อย มันเป็นการสื่อและเสียดสีเกี่ยวกับประเด็นการใช้ Social Media ในยุคปัจจุบันล้วนๆ ซึ่งทำออกมาได้เรียลและค่อนข้างโหดพอสมควรและมันไม่ควรอยู่ในเรท 15 เลย ถือเป็นการตีโจทย์สังคมโซเชียลในปัจจุบันออกมาได้ดีมากแถมเนียนๆขายไอจีตัวเองเก่ง

 

 

                    การกลับมาคราวนี้ถ้าให้จัดในหมวดหมู่เนื้อชาบูก็คือชาบูจริงๆ ถามว่าทำไมถึงเรียกว่าเนื้อชาบู? ดูจากการปล่อยทีเซอร์ที่จู่ๆก็มาแบบงงๆ ทุกอย่างดูงงไปหมดมันเลยจัดอยู่ในประเภทงานแบบนี้แต่เป็นเนื้อชาบูที่ไม่ลวกจิ้มสามวิเป็นเนื้อหมกแล้วเอาเข้าปากทันที ค่อยๆปล่อยให้มันสุกจนกว่าจะกินได้ในระยะเวลาอันน้อยนิด ซอนมีเป็นศิลปินอีกหนึ่งคนที่พักหลังมานี้ดูใส่ในการงานเพลงมากขึ้น รายละเอียดต่างๆค่อยๆเก็บมันจนไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกว่าเป็นข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว(คงเข็ดจากการจ้างเท็ดดี้แล้วเกิดปัญหา) การตั้งใจทำงานเพลงชิ้นนี้ถึงจะไม่ได้โปรโมทเลยสักนิดก็เชื่อว่าคนที่เป็นแฟนเพลงและแฟนคลับก็ต้องเลือกเนื้อชิ้นนี้อยู่ดี เพราะคำว่าคุณภาพมันเป็นคำที่ติดตัวไปกับซอนมีตลอด

.

.

.

.

 

เป็นการเสิร์ฟชาบูชุดเล็กมากินขำๆระหว่างรอชุดใหญ่ แต่เอ็มวีกลับไม่ขำตามด้วย