Vivo เป็นแบรนด์ที่ลุยตลาดในไทยมาอย่างต่อเนื่องโดนจุดเด่นของแบรนด์นี้ที่ทราบกันคือเรื่องของกล้องที่ถ่ายแล้วหล่อ สวยมากๆๆ และนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทาง Vivo ต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำเทคโนโลยีจากเรือธง Vivo Nex และ ตระกูล APEX ที่เป็นเจ้าแรกๆของโลกที่ทำกล้องหน้าแบบ Popup ที่ช่วยส่งผลให้หน้าจอนั้นแสดงผลได้เต็มตาโดยไม่มีติ่งหรือจุดที่บนหน้าจอเลยนั้นเอง และที่สำคัญที่สุดคือราคาสามารถจับต้องได้ในรุ่น Vivo V15 Pro
VIVO V15 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีการใช้กล้องจากทาง Vivo NEX และก็พัฒนาอะไรหลายๆอย่างเข้ามาในตระกูล V ทั้งเรื่องของการออกแบบ การใช้กล้องต่างๆ หน้าจอมาแบบเต็มๆตาในในอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 พื้นที่ต่อตัวเครื่องมากถึง 91.64 % และ กล้องหน้าป๊อบอัพแบบเลื่อนอัตโนมัติ 32MP พร้อมกล้องหลัง Triple camera ความละเอียดสูงสุด 48 MP ที่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามาด้วยในตัวนี้ ส่วนทางด้านของ CPU ใช้เป็นตัว Snapdragon 675 รุ่นล่าสุดพร้อมกับ Android9 RAM 6GB STORAGE 128GB มาให้ครับ
VIVO V15 Pro มาพร้อม 2 สี Topaz Blue – Coral Red ส่วนทางด้านราคานั้นเปิดมาที่ 14,999 บาทไทย RAM 6GB STORAGE 128 GB เปิดจองวันที่ 1-8 มีนาคมครับ ส่วนราคาในตัว V15 นั้นจะเปิดมาที่ 10,999 บาทครับ ใช้ MTK P70 เปิดจอง 16-27 มีนาคมครับ ตามร้านค้าทั่วไปได้เลย
UNBOX
ตัวกล่องมาพร้อมกับกล่องโทนสีขาว และบอกชื่อรุ่น รูปตัวเครื่องชัดเจน และในมุมขวาบนนั้นจะบอกสเปคว่า RAM เท่าไร และมี Storage เท่าไรครับ ตัวกล่องจริงๆก็คล้ายๆทาง V11 แต่ก็มีรูปข้างหลังเครื่องเพิ่มเข้าในให้ครับ
- ตัวเครื่อง Vivo V15 Pro
- สายชาร์จแบบ Micro USB
- Adaptor ชาร์จไฟ
- หูฟัง 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- เคสใสวัสดุแข็ง พร้อมขอบสีดำ แบบเดียวกับรุ่น X21
มาส่องตัวเคสกันหน่อยสำหรับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงกันครับสำหรับหน้าตาเคสดูดีขึ้นและจะไปคล้ายๆของตระกูล X พวก X21 X23 ที่เป็นวัสดุแบบฝาหลังใสแข็งและขอบเครื่องนั้นเป็นสีดำค่อนข้างดูดีพรีเมี่ยมมากๆครับรวมถึงแข็งแรงและปกป้องตัวเครื่องได้ดี ดีกว่าเคสใสนิ่มแบบแต่ก่อนที่แถมกัน ข้างหลังเป็นพลาสติกแข็งและมีจุดๆป้องกันการติดกับวัสดุฝาหลังครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอก็หุ่มขึ้นมาได้สูงและ เคสแบบนี้จะมีการเว้นช่องเปิดไว้ สำหรับกล้องหน้าเวลาเลื่อนขึ้นลงนั้นเองครับ
DESIGN
การออกแบบรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในตระกูล V อีกรอบที่หน้าจอนั้นไม่มีรอยบาก หรือ ไม่มีอะไรมาเกะกะหน้าจอเลยครับจนคล้ายๆกับทางรุ่นพี่ Nex เลยทีเดียวถือว่าทำได้สวยเลยแหละในส่วนของหน้าขอขอบจอทั้งหมดเนียนสบายและเต็มตา ส่วนในด้านของงานประกอบวัสดุ การออกแบบรวมๆก็มีความแตกต่างและเป็นตัวเองมากขึ้นครับในด้านหลังกล้อง 3 ตัววางตำแหน่งเรียงกันพร้อมกับการออกแบบให้มันเชื่อมต่อกับกล้อง Popup ด้านบน และฝาหลังสีน้ำเงินที่เล่นแสงและวัสดุเงาพร้อมกับมีพื้นผิวข้างในสะท้อนแสงได้สวยเหมือนกัน การออกแบบโอเคเลยนะในรุ่นนี้ไม่เหมือนยี่ห้ออื่นๆเท่าไรและก็มีน้ำหนักขนาดที่กำลังดี สาวๆถือได้ ไม่ใหญ่และไม่หนักเกินไปครับ
ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ultra Fullview ที่มีขนาด 6.39 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่ง ไม่มีจุดอะไรทั้งนั้นจอเป็นแบบ Super AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D ครับถือว่าทำได้สวยเลยแหละเต็มตาแบบไม่มีอะไรมาปิดด้านขอบบน
ขอบด้านล่างทำได้บางกว่าเดิมแต่ก็ยังแตกต่างกว่าด้านอื่นๆอยู่ครับ ส่วนการควบคุมนั้นก็เป็นในหน้าจอทั้งหมด 3 ปุ่มแต่ก็สามารถปรับแต่งหรือใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ในการปัดไปมาครับแล้วแต่เราจะปรับเลย
ขอบด้านบนตัวนี้ทำได้บางมากๆบางเทียบเท่ากับขอบด้านอื่นๆเลยแหละและแน่นอนว่า ลำโพง เซนเซอร์ต่างๆก็ซ่อนตามขอบได้อย่างเนียนๆแบางๆกันไปจะเห็นแถบช่องลำโพงยาวๆ และแน่นอนไฮไลท์อีกจุดคือ กล้องหน้าแบบ Popup โผล่ขึ้นมาเลื่อนโดยอัตโนมัตินั้นเองครับมีความละเอียดสูงถึง 32MP
ด้านขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก รูชาร์จแบบ Micro-USB ซึ่งน่าเสียดายมากๆในปีนี้ยังเจอพอร์ตแบบนี้ครับ และ มีถาดซิมที่รองรับการใส่ซิม Dualsim และ เป็นแบบ Triple Slot สามารถเพิ่มความจุได้ด้วยครับ
ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งนี้ทั้งหมดครับ ส่วนด้านขอบบนนั้นจะเห็นว่าถ้ากล้องหน้าใช้งานมันก็จะโผล่ออกมาประมาณนี้ และกล้องหลังก็จะนูนขึ้นมานิดหน่อยครับเวลาวางคว่ำจะไม่ค่อยเรียบ
ด้านซ้ายกันต่อในด้านนี้เราจะเห็นปุ่มที่หลายๆค่ายนั้นจะใส่เข้ามากันเพิ่มคือปุ่มสำหรับเรียก AI หรือพวกคำสั่งเสียงนั้นเองครับ และก็สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะให้สั่งงานตัวไหนยังไงครับ Google Search หรือ Assistant ครับ ส่วนถาดซิมรุ่นนี้จะเป็น Triple Slot สามารถรองรับใส่ซิม 2 ซิม และก็เพิ่มเม็มได้
ขอบด้านบนนั้นจะเป็น ไมค์ รูหูฟัง 3.5มม. ยังคงอยู่ ไม่ได้ตัดทิ้ง และ ตัวเหลี่ยมๆนั้นคือกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเวลาใช้งานครับกินพื้นที่นิดหน่อยเลยทำให้ส่วนนั้นอาจจะต้องนูนออกมาจากฝาหลังครับ
ด้านหลังในรุ่นนี้มีการออกแบบที่แตกต่างและไม่เหมือนตัวอื่นๆกล้องหลัง 3 ตัววางแนวตั้งพร้อมกับแทรกไฟแฟลชระหว่างเลนส์ และมีการออกแบบให้มันเป็นชิ้นเดียวกันยาวต่อเนื่องไปตรงขอบด้านบนบริเวณกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นไปครับ ส่วนฝาหลังอะไรพวกนี้ก็เล่นสีคาด แนวทแยงน้ำเงิน อ่อนเข้มและฝาหลังมีลวดลาย Spectrum Ripple Design เวลาโดนแสงจะเห็นเป็นริ้วๆนั้นเองครับ ส่วนสแกนนิ้วไม่มี เพราะเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอแทนแล้วครับ
จะเห็นว่าส่วนกล้องนั้นนูนออกมาพอสมควรและในภาพคือเปิดใช้งานกล้องหน้าจะโผล่ขึ้นมาตำแหน่งเดียวกับกล้องหลังเลยนั้นเองครับก็เป็นการออกแบบให้พวกกล้องทั้งหมดนั้นอยู่ในแถบเดียวกันก็แปลกตาดีในส่วนนี้ เรื่องของความแข็งแรงก็ลองกดๆ ขยับๆดูก็แน่นหนาแข็งแรงดีครับมีความเด้งยืดหยุ่นเวลากดแรงๆหรือกระแทกได้ดีเผื่อเวลาตก
SPEC VIVO V15 PRO
- หน้าจอ FullHD+ ขนาด 6.39 นิ้ว SuperAMOLED อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D
- CPU Snapdragon 675 AIE 2.0 GHz + GPU Adreno 612
- Android 9.0 (Pie) + Funtouch OS 9
- RAM 6 GB
- ROM 128 GB + microSD สูงสุด 256GB
- รองรับสแกนนิ้วใต้หน้าจอ รุ่นที่ 5 ล่าสุด
- กล้องหลัง 3 ตัว กล้องตัวหลักรองรับการถ่ายความละเอียด 48 MP F/1.8 + 8 MP F/2.2 (เลนส์มุมกว้าง) + 5 MP F/2.4 (สำหรับวัดระยะ)
- กล้องหน้า PopUp ความละเอียด 32 MP F/2.0
- USB 2.0, Wi-Fi,Bluetooth 5.0
- รองรับ Dual SIM Triple Slots
- Battery 3700 mAh รองรับ Dual-Engine Fast Charging 22.5W
- Jovi AI
- ขนาด 157.25 มม. x 74.71 มม. x 8.21 มม.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 185 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพกันหน่อยสำหรับ Snap 675 AIE ตัวล่าสุดก็ทำคะแนนได้ดีกว่าเดิม 3D Mark ทำได้ 1082/1164 ส่วน Geekbench นั้นทำได้ 2378/6257 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆไปสูงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆครับและ หน่วยความจำเป็น EMMC 5.1 อยู่นะอ่าน 300 นิดๆ ส่วน Antutu ทำคะแนได้เกือบ 180K ดีกว่าเดิมเยอะเลยและก็ทำได้ดีกว่า MTK P70 อีกด้วยครับ แต่ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน ส่วน DRM L3 นะครับในรุ่นนี้ ไม่รองรับ การดูหนัง NETFLIX HD นะครับ
SOFTWARE UI
ทางด้านระบบ Software ตัวนี้มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer
และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ
ในด้านของคียบอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ของทาง Kika คียบอร์ดที่ทำออกมาสำหรับ Vivo ครับ ส่วน RAM 6GB ใช้งานไปครึ่งๆ เหลือประมาณ 2.9 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128GB เหลือให้ใช้ประมาณ 110 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้
JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่ รวมถึงตั้งค่าตัวปุ่มที่เพิ่มเข้ามาด้านซ้ายของตัวเครื่องสำหรับเรียก Google Assistant ครับ ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้
Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ การโคลนแอปหรือใช้งานหน้าต่าง 2 หน้าต่างก็รองรับปกติครับสำหรับทาง Vivo
[SR] รีวิว Vivo V15 Pro หน้าจอเต็มตา พร้อมกล้องหน้า Popup และ กล้องหลัง 3 ตัว มุมกว้างมากกก !
Vivo เป็นแบรนด์ที่ลุยตลาดในไทยมาอย่างต่อเนื่องโดนจุดเด่นของแบรนด์นี้ที่ทราบกันคือเรื่องของกล้องที่ถ่ายแล้วหล่อ สวยมากๆๆ และนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทาง Vivo ต่อยอดความสำเร็จด้วยการนำเทคโนโลยีจากเรือธง Vivo Nex และ ตระกูล APEX ที่เป็นเจ้าแรกๆของโลกที่ทำกล้องหน้าแบบ Popup ที่ช่วยส่งผลให้หน้าจอนั้นแสดงผลได้เต็มตาโดยไม่มีติ่งหรือจุดที่บนหน้าจอเลยนั้นเอง และที่สำคัญที่สุดคือราคาสามารถจับต้องได้ในรุ่น Vivo V15 Pro
VIVO V15 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีการใช้กล้องจากทาง Vivo NEX และก็พัฒนาอะไรหลายๆอย่างเข้ามาในตระกูล V ทั้งเรื่องของการออกแบบ การใช้กล้องต่างๆ หน้าจอมาแบบเต็มๆตาในในอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 พื้นที่ต่อตัวเครื่องมากถึง 91.64 % และ กล้องหน้าป๊อบอัพแบบเลื่อนอัตโนมัติ 32MP พร้อมกล้องหลัง Triple camera ความละเอียดสูงสุด 48 MP ที่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามาด้วยในตัวนี้ ส่วนทางด้านของ CPU ใช้เป็นตัว Snapdragon 675 รุ่นล่าสุดพร้อมกับ Android9 RAM 6GB STORAGE 128GB มาให้ครับ
VIVO V15 Pro มาพร้อม 2 สี Topaz Blue – Coral Red ส่วนทางด้านราคานั้นเปิดมาที่ 14,999 บาทไทย RAM 6GB STORAGE 128 GB เปิดจองวันที่ 1-8 มีนาคมครับ ส่วนราคาในตัว V15 นั้นจะเปิดมาที่ 10,999 บาทครับ ใช้ MTK P70 เปิดจอง 16-27 มีนาคมครับ ตามร้านค้าทั่วไปได้เลย
UNBOX
ตัวกล่องมาพร้อมกับกล่องโทนสีขาว และบอกชื่อรุ่น รูปตัวเครื่องชัดเจน และในมุมขวาบนนั้นจะบอกสเปคว่า RAM เท่าไร และมี Storage เท่าไรครับ ตัวกล่องจริงๆก็คล้ายๆทาง V11 แต่ก็มีรูปข้างหลังเครื่องเพิ่มเข้าในให้ครับ
- ตัวเครื่อง Vivo V15 Pro
- สายชาร์จแบบ Micro USB
- Adaptor ชาร์จไฟ
- หูฟัง 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- เคสใสวัสดุแข็ง พร้อมขอบสีดำ แบบเดียวกับรุ่น X21
มาส่องตัวเคสกันหน่อยสำหรับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงกันครับสำหรับหน้าตาเคสดูดีขึ้นและจะไปคล้ายๆของตระกูล X พวก X21 X23 ที่เป็นวัสดุแบบฝาหลังใสแข็งและขอบเครื่องนั้นเป็นสีดำค่อนข้างดูดีพรีเมี่ยมมากๆครับรวมถึงแข็งแรงและปกป้องตัวเครื่องได้ดี ดีกว่าเคสใสนิ่มแบบแต่ก่อนที่แถมกัน ข้างหลังเป็นพลาสติกแข็งและมีจุดๆป้องกันการติดกับวัสดุฝาหลังครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอก็หุ่มขึ้นมาได้สูงและ เคสแบบนี้จะมีการเว้นช่องเปิดไว้ สำหรับกล้องหน้าเวลาเลื่อนขึ้นลงนั้นเองครับ
DESIGN
การออกแบบรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในตระกูล V อีกรอบที่หน้าจอนั้นไม่มีรอยบาก หรือ ไม่มีอะไรมาเกะกะหน้าจอเลยครับจนคล้ายๆกับทางรุ่นพี่ Nex เลยทีเดียวถือว่าทำได้สวยเลยแหละในส่วนของหน้าขอขอบจอทั้งหมดเนียนสบายและเต็มตา ส่วนในด้านของงานประกอบวัสดุ การออกแบบรวมๆก็มีความแตกต่างและเป็นตัวเองมากขึ้นครับในด้านหลังกล้อง 3 ตัววางตำแหน่งเรียงกันพร้อมกับการออกแบบให้มันเชื่อมต่อกับกล้อง Popup ด้านบน และฝาหลังสีน้ำเงินที่เล่นแสงและวัสดุเงาพร้อมกับมีพื้นผิวข้างในสะท้อนแสงได้สวยเหมือนกัน การออกแบบโอเคเลยนะในรุ่นนี้ไม่เหมือนยี่ห้ออื่นๆเท่าไรและก็มีน้ำหนักขนาดที่กำลังดี สาวๆถือได้ ไม่ใหญ่และไม่หนักเกินไปครับ
ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ultra Fullview ที่มีขนาด 6.39 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่ง ไม่มีจุดอะไรทั้งนั้นจอเป็นแบบ Super AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D ครับถือว่าทำได้สวยเลยแหละเต็มตาแบบไม่มีอะไรมาปิดด้านขอบบน
ขอบด้านล่างทำได้บางกว่าเดิมแต่ก็ยังแตกต่างกว่าด้านอื่นๆอยู่ครับ ส่วนการควบคุมนั้นก็เป็นในหน้าจอทั้งหมด 3 ปุ่มแต่ก็สามารถปรับแต่งหรือใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ในการปัดไปมาครับแล้วแต่เราจะปรับเลย
ขอบด้านบนตัวนี้ทำได้บางมากๆบางเทียบเท่ากับขอบด้านอื่นๆเลยแหละและแน่นอนว่า ลำโพง เซนเซอร์ต่างๆก็ซ่อนตามขอบได้อย่างเนียนๆแบางๆกันไปจะเห็นแถบช่องลำโพงยาวๆ และแน่นอนไฮไลท์อีกจุดคือ กล้องหน้าแบบ Popup โผล่ขึ้นมาเลื่อนโดยอัตโนมัตินั้นเองครับมีความละเอียดสูงถึง 32MP
ด้านขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก รูชาร์จแบบ Micro-USB ซึ่งน่าเสียดายมากๆในปีนี้ยังเจอพอร์ตแบบนี้ครับ และ มีถาดซิมที่รองรับการใส่ซิม Dualsim และ เป็นแบบ Triple Slot สามารถเพิ่มความจุได้ด้วยครับ
ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งนี้ทั้งหมดครับ ส่วนด้านขอบบนนั้นจะเห็นว่าถ้ากล้องหน้าใช้งานมันก็จะโผล่ออกมาประมาณนี้ และกล้องหลังก็จะนูนขึ้นมานิดหน่อยครับเวลาวางคว่ำจะไม่ค่อยเรียบ
ด้านซ้ายกันต่อในด้านนี้เราจะเห็นปุ่มที่หลายๆค่ายนั้นจะใส่เข้ามากันเพิ่มคือปุ่มสำหรับเรียก AI หรือพวกคำสั่งเสียงนั้นเองครับ และก็สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะให้สั่งงานตัวไหนยังไงครับ Google Search หรือ Assistant ครับ ส่วนถาดซิมรุ่นนี้จะเป็น Triple Slot สามารถรองรับใส่ซิม 2 ซิม และก็เพิ่มเม็มได้
ขอบด้านบนนั้นจะเป็น ไมค์ รูหูฟัง 3.5มม. ยังคงอยู่ ไม่ได้ตัดทิ้ง และ ตัวเหลี่ยมๆนั้นคือกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเวลาใช้งานครับกินพื้นที่นิดหน่อยเลยทำให้ส่วนนั้นอาจจะต้องนูนออกมาจากฝาหลังครับ
ด้านหลังในรุ่นนี้มีการออกแบบที่แตกต่างและไม่เหมือนตัวอื่นๆกล้องหลัง 3 ตัววางแนวตั้งพร้อมกับแทรกไฟแฟลชระหว่างเลนส์ และมีการออกแบบให้มันเป็นชิ้นเดียวกันยาวต่อเนื่องไปตรงขอบด้านบนบริเวณกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นไปครับ ส่วนฝาหลังอะไรพวกนี้ก็เล่นสีคาด แนวทแยงน้ำเงิน อ่อนเข้มและฝาหลังมีลวดลาย Spectrum Ripple Design เวลาโดนแสงจะเห็นเป็นริ้วๆนั้นเองครับ ส่วนสแกนนิ้วไม่มี เพราะเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอแทนแล้วครับ
จะเห็นว่าส่วนกล้องนั้นนูนออกมาพอสมควรและในภาพคือเปิดใช้งานกล้องหน้าจะโผล่ขึ้นมาตำแหน่งเดียวกับกล้องหลังเลยนั้นเองครับก็เป็นการออกแบบให้พวกกล้องทั้งหมดนั้นอยู่ในแถบเดียวกันก็แปลกตาดีในส่วนนี้ เรื่องของความแข็งแรงก็ลองกดๆ ขยับๆดูก็แน่นหนาแข็งแรงดีครับมีความเด้งยืดหยุ่นเวลากดแรงๆหรือกระแทกได้ดีเผื่อเวลาตก
SPEC VIVO V15 PRO
- หน้าจอ FullHD+ ขนาด 6.39 นิ้ว SuperAMOLED อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D
- CPU Snapdragon 675 AIE 2.0 GHz + GPU Adreno 612
- Android 9.0 (Pie) + Funtouch OS 9
- RAM 6 GB
- ROM 128 GB + microSD สูงสุด 256GB
- รองรับสแกนนิ้วใต้หน้าจอ รุ่นที่ 5 ล่าสุด
- กล้องหลัง 3 ตัว กล้องตัวหลักรองรับการถ่ายความละเอียด 48 MP F/1.8 + 8 MP F/2.2 (เลนส์มุมกว้าง) + 5 MP F/2.4 (สำหรับวัดระยะ)
- กล้องหน้า PopUp ความละเอียด 32 MP F/2.0
- USB 2.0, Wi-Fi,Bluetooth 5.0
- รองรับ Dual SIM Triple Slots
- Battery 3700 mAh รองรับ Dual-Engine Fast Charging 22.5W
- Jovi AI
- ขนาด 157.25 มม. x 74.71 มม. x 8.21 มม.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 185 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพกันหน่อยสำหรับ Snap 675 AIE ตัวล่าสุดก็ทำคะแนนได้ดีกว่าเดิม 3D Mark ทำได้ 1082/1164 ส่วน Geekbench นั้นทำได้ 2378/6257 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆไปสูงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆครับและ หน่วยความจำเป็น EMMC 5.1 อยู่นะอ่าน 300 นิดๆ ส่วน Antutu ทำคะแนได้เกือบ 180K ดีกว่าเดิมเยอะเลยและก็ทำได้ดีกว่า MTK P70 อีกด้วยครับ แต่ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน ส่วน DRM L3 นะครับในรุ่นนี้ ไม่รองรับ การดูหนัง NETFLIX HD นะครับ
SOFTWARE UI
ทางด้านระบบ Software ตัวนี้มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer
และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ
ในด้านของคียบอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ของทาง Kika คียบอร์ดที่ทำออกมาสำหรับ Vivo ครับ ส่วน RAM 6GB ใช้งานไปครึ่งๆ เหลือประมาณ 2.9 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128GB เหลือให้ใช้ประมาณ 110 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้
JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่ รวมถึงตั้งค่าตัวปุ่มที่เพิ่มเข้ามาด้านซ้ายของตัวเครื่องสำหรับเรียก Google Assistant ครับ ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้
Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ การโคลนแอปหรือใช้งานหน้าต่าง 2 หน้าต่างก็รองรับปกติครับสำหรับทาง Vivo
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้