Vivo V15 ตัวธรรมดา ได้ทำการเปิดตัวไปแล้วเหมือนกันซึ่งมีอะไรหลายๆอย่างที่แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะหลายๆคนอาจจะมองว่ามันเพิ่มเงินไปตัว Pro เลยดีกว่าแต่ 4 พันสำหรับบางคนมันอาจจะเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แน่นอนว่ารุ่นนี้ได้จุดเด่นหลักๆคือ กล้องหน้าแบบรุ่น Pro หน้าตาไร้ขอบ ดีไซน์อะไรแบบรุ่น Pro กันหมดเลย อีกทั้งยัง RAM 6 GB STORAGE 128 GB เท่ากันอีกด้วย แต่ว่าตัวนี้ในงบ 10990 บาทนั้นจะเป็นยังไงและอุปกรณ์อะไรแตกต่างกับรุ่นพี่มากน้อยแค่ไหนกันซึ่งเอาจริงๆแล้วดีไซน์แถบจะเหมือนกันเลยนั้นเองครับในด้านหน้าและหลัง รวมถึงได้กล้อง PopUp แล้วมันคุ้มราคาไหมกับงบเท่านี้ หรือ เพิ่มไป Pro จะดีกว่าเราต้องมาดูการใช้งานและความต้องการของแต่ละคนกันครับและหวังว่ารีวิวตัวนี้จะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ
Vivo V15 นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่คล้ายๆกับรุ่นพี่แต่มาในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าและ ได้จอใหญ่กว่า แบตเยอะกว่าที่มามากถึง 4000 mAh และใช้ CPU MTK P70 แต่ที่พิเศษคือได้ RAM 6 GB STORAGE 128 GB แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro เป๊ะๆ ถือว่าทำตลาดมาคุ้มมากๆครับ และในราคา 10990 บาทนั้นทำให้มันจับต้องได้ง่ายขึ้นแต่ก็แลกกับการที่ได้สแกนนิ้วแบบด้านหลังมาแทน รวมถึง การใช้ กล้องหลังที่ 24MP มาแทน 48MP ครับ แต่ในกล้องหน้านั้นจัดเต็มแบบเดียวกับรุ่น V15 Pro กันเลยทีเดียว อะไรหลายๆอย่างถือว่าดูคุ้มราคามากๆนะ เมื่อเทียบกับรุ่น Pro แม้จะแตกต่างกันไม่มากแต่ก็ทำให้หลายๆคนนั้นจับต้องได้ง่ายขึ้นและเน้นใช้ทั่วไปทำให้มันน่าสนใจเลยแหละ
สำหรับราคาของทาง Vivo V15 นั้นเปิดมาที่ 10,990 บาทไทยมาพร้อม 2 สีหลักๆคือ สีน้ำเงินแบบในภาพ และ ส่วนของสีแดงครับ จริงๆสวยทั้ง 2 สีเลยนะอันนี้แล้วแต่ชอบเลยแหละ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมาพร้อมการออกแบบที่เหมือนกับรุ่น Pro เลยแหละ และของที่ให้มาทุกอย่างนั้นก็เหมือนกันครับรวมถึงมุมขวาบนมีการเขียนแจ้งไว้ด้วยว่า RAM 6 GB ROM 128GB ครับ เห็นรูปเครื่องทั้งหน้าและหลังชัดเจนรวมถึงสี
- ตัวเครื่อง Vivo V15
- สายชาร์จแบบ Micro USB
- Adaptor ชาร์จไฟ
- หูฟัง 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- เคสใสวัสดุแข็ง พร้อมขอบสีดำ แบบเดียวกับรุ่น V15 Pro
เคสแบบเดียวกับตัว Pro ครับเป็นเคสแถมที่ดูดีกว่าทุกค่ายที่เจอมาในเรทราคานี้เลยนะ ส่วนที่เป็นวัสดุแบบฝาหลังใสแข็งและขอบเครื่องนั้นเป็นสีดำค่อนข้างดูดีพรีเมี่ยมมากๆครับรวมถึงแข็งแรงและปกป้องตัวเครื่องได้ดี ดีกว่าเคสใสนิ่มแบบแต่ก่อนที่แถมกัน ข้างหลังเป็นพลาสติกแข็งและมีจุดๆป้องกันการติดกับวัสดุฝาหลังครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอก็หุ่มขึ้นมาได้สูงและ เคสแบบนี้จะมีการเว้นช่องเปิดไว้ สำหรับกล้องหน้าเวลาเลื่อนขึ้นลงนั้นเองครับ แต่เคสส่วนพลาสติกใสนั้นต้องบอกว่าเป็นรอยได้ง่ายมากๆครับ ส่วนด้านหลังก็ต้องทำใจกันไว้เพราะพลาสติกแข็งแบบนี้ปกติครับ
DESIGN
การออกแบบจริงๆก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเลยครับเพราะหลักๆจะเป็น CPU ภายในที่แตกต่างกัน แต่อย่างว่าด้านหลังก็มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยถ้าใครมองไม่ออกจริงๆมันคือตรงสแกนนิ้วนั้นเองครับตัวนี้จะไม่มีสแกนนิ้วใต้หน้าจอแล้วแต่เป็นสแกนนิ้วด้านหลังแทน อันนี้แหละคือจุดที่จะแยกกันว่ารุ่นไหนคือตัว Pro ส่วนในด้านของงานประกอบวัสดุ การออกแบบรวมๆก็มีความแตกต่างและเป็นตัวเองมากขึ้นครับในด้านหลังกล้อง 3 ตัววางตำแหน่งเรียงกันพร้อมกับการออกแบบให้มันเชื่อมต่อกับกล้อง Popup ด้านบน และฝาหลังสีน้ำเงินที่เล่นแสงและวัสดุเงาพร้อมกับมีพื้นผิวข้างในสะท้อนแสงได้สวยเหมือนกัน การไล่สีอะไรทั้งหลายคงความสวยงามได้ดีครับ
ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ultra Fullview ที่มีขนาด 6.53 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่ง ขนาดใหญ่กว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D
ขอบด้านบนตัวนี้ทำได้บางมากๆบางเทียบเท่ากับขอบด้านอื่นๆเลยแหละและแน่นอนว่า ลำโพง เซนเซอร์ต่างๆก็ซ่อนตามขอบได้อย่างเนียนๆแบางๆกันไปจะเห็นแถบช่องลำโพงยาวๆ และแน่นอนไฮไลท์อีกจุดคือ กล้องหน้าแบบ Popup โผล่ขึ้นมาเลื่อนโดยอัตโนมัตินั้นเองครับมีความละเอียด 32MP ซึ่งกล้องนั้นมีความละเอียดเท่ากับรุ่น Pro
ขอบด้านล่างทำได้บางกว่าเดิมแต่ก็ยังแตกต่างกว่าด้านอื่นๆอยู่ครับ ส่วนการควบคุมนั้นก็เป็นในหน้าจอทั้งหมด 3 ปุ่มแต่ก็สามารถปรับแต่งหรือใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ในการปัดไปมาครับแล้วแต่เราจะปรับเลย
ขอบด้านบนนั้นจะเป็น ไมค์ และ รูหูฟังนั้นจะไปอยู่ด้านล่างแทนแล้วครับ แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะ และ ตัวเหลี่ยมๆนั้นคือกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเวลาใช้งานครับกินพื้นที่นิดหน่อยเลยทำให้ส่วนนั้นอาจจะต้องนูนออกมา
ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งนี้ทั้งหมดครับ ส่วนด้านขอบบนนั้นจะเห็นว่าถ้ากล้องหน้าใช้งานมันก็จะโผล่ออกมาประมาณนี้ และกล้องหลังก็จะนูนขึ้นมานิดหน่อยครับเวลาวางคว่ำจะไม่ค่อยเรียบ
ด้านซ้าย นี้เราจะเห็นปุ่มที่หลายๆค่ายนั้นจะใส่เข้ามากันเพิ่มคือปุ่มสำหรับเรียก AI หรือพวกคำสั่งเสียงนั้นเองครับ และก็สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะให้สั่งงานตัวไหนยังไงครับ Google Search หรือ Assistant ครับ และเห็นในส่วนถาดซิมรุ่นนี้จะเป็น Triple Slot สามารถรองรับใส่ซิม 2 ซิม และก็เพิ่มเม็มได้ ซึ่งของ Pro จะแยกจากกันครับ
ด้านขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก รูชาร์จแบบ Micro-USB ซึ่งน่าเสียดายมากๆในปีนี้ยังเจอพอร์ตแบบนี้ครับ และ รูหูฟังมาอยู่ด้านล่างแล้วครับ ก็เป็นจุดแตกต่างเล็กๆน้อยสำหรับทั้ง 2 รุ่นทั้งตัว รูหูฟัง ตัวถาดซิมเป็นต้นครับ
ด้านหลังดีไซน์อะไรเหมือนกันไปหมดยกเว้นสแกนนิ้วครับ และ ตัวกล้องก็แตกต่างกันด้วยนะ แม้จะมี 3 กล้องเหมือนกันแต่ตัว Pro นั้นได้ตัวกล้องหลักที่ 48MP แต่ของ V15 นั้นได้มาเป็นตัว 24 MP + 8 MP + 5 MP นะครับเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆเลยแหละสำหรับ 2 รุ่นนี้
เทียบให้ดูกันระหวาง V15 – V15 Pro ที่ขนาดของ V15 นั้นจะใหญ่กว่าด้วยหน้าจอขนาดใหญ่กว่า และ ไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอทำให้ต้องเอาตัวสแกนนิ้วมาไว้ด้านหลังครับ ส่วนการออกแบบ วัสดุสีการใช้สีอะไรต่างๆนั้นเหมือนกันทั้งหมดครับจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแง่การออกแบบ และ สีแดงก็จะสวยไปอีกแบบนึงรวมถึงการเล่นลายต่างๆ
SPEC
- Android 9.0+ Funtouch OS 9.0
- หน้าจอ 6.53 นิ้ว FHD+ (2340×1080)อัตราส่วน 19.5:9
- CPU MediaTek Helio P70
- GPU Mali-G72
- RAM 6 GB
- STORAGE 128 GB + microSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว – 24 ล้านพิกเซล f1.78 + 8 ล้านพิกเซล f2.2 + 5 ล้านพิกเซล f2.4
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f2.0
- 2 ซิม Dual-Stand by
- Wi-Fi, Bluetooth 4.2
- Micro-USB 2.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh Dual-Engine Fast Charging 18W
- ราคา 10,990 บาท
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพกันหน่อยสำหรับ MTK P70 นั้นก็ทำได้ตามระดับของมันจะน้อยกว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ ซึ่งตัวนี้นั้นท Geekbench นั้นทำได้ 1553/5656 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ และ หน่วยความจำเป็น EMMC 5.1 อยู่นะอ่าน 290 นิดๆ ส่วน Antutu ทำคะแนนได้เกือบ 143K น้อยกว่าตัว V15 Pro ประมาณ 4 หมื่นคะแนนครับ แต่ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน ส่วน DRM L3 นะครับในรุ่นนี้ ไม่รองรับ การดูหนัง NETFLIX HD นะครับ แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro นั้นแหละ ถือว่าใช้ได้แรงตามระดับของมันครับในตัวนี้
SYSTEM UI
ทางด้านระบบ Software ตัวนี้มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer
และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ
ในด้านของคียบอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ของทาง Kika คียบอร์ดที่ทำออกมาสำหรับ Vivo ครับ ส่วน RAM 6GB ใช้งานไปครึ่งๆ เหลือประมาณ 2.9 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128GB เหลือให้ใช้ประมาณ 110 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้
JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่ รวมถึงตั้งค่าตัวปุ่มที่เพิ่มเข้ามาด้านซ้ายของตัวเครื่องสำหรับเรียก Google Assistant ครับ ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้
Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ การโคลนแอปหรือใช้งานหน้าต่าง 2 หน้าต่างก็รองรับปกติครับสำหรับทาง Vivo
[SR] รีวิว VIVO V15 กล้องหน้าจัดเต็มแบบ POP-UP พร้อมราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น !
Vivo V15 ตัวธรรมดา ได้ทำการเปิดตัวไปแล้วเหมือนกันซึ่งมีอะไรหลายๆอย่างที่แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะหลายๆคนอาจจะมองว่ามันเพิ่มเงินไปตัว Pro เลยดีกว่าแต่ 4 พันสำหรับบางคนมันอาจจะเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แน่นอนว่ารุ่นนี้ได้จุดเด่นหลักๆคือ กล้องหน้าแบบรุ่น Pro หน้าตาไร้ขอบ ดีไซน์อะไรแบบรุ่น Pro กันหมดเลย อีกทั้งยัง RAM 6 GB STORAGE 128 GB เท่ากันอีกด้วย แต่ว่าตัวนี้ในงบ 10990 บาทนั้นจะเป็นยังไงและอุปกรณ์อะไรแตกต่างกับรุ่นพี่มากน้อยแค่ไหนกันซึ่งเอาจริงๆแล้วดีไซน์แถบจะเหมือนกันเลยนั้นเองครับในด้านหน้าและหลัง รวมถึงได้กล้อง PopUp แล้วมันคุ้มราคาไหมกับงบเท่านี้ หรือ เพิ่มไป Pro จะดีกว่าเราต้องมาดูการใช้งานและความต้องการของแต่ละคนกันครับและหวังว่ารีวิวตัวนี้จะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ
Vivo V15 นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่คล้ายๆกับรุ่นพี่แต่มาในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าและ ได้จอใหญ่กว่า แบตเยอะกว่าที่มามากถึง 4000 mAh และใช้ CPU MTK P70 แต่ที่พิเศษคือได้ RAM 6 GB STORAGE 128 GB แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro เป๊ะๆ ถือว่าทำตลาดมาคุ้มมากๆครับ และในราคา 10990 บาทนั้นทำให้มันจับต้องได้ง่ายขึ้นแต่ก็แลกกับการที่ได้สแกนนิ้วแบบด้านหลังมาแทน รวมถึง การใช้ กล้องหลังที่ 24MP มาแทน 48MP ครับ แต่ในกล้องหน้านั้นจัดเต็มแบบเดียวกับรุ่น V15 Pro กันเลยทีเดียว อะไรหลายๆอย่างถือว่าดูคุ้มราคามากๆนะ เมื่อเทียบกับรุ่น Pro แม้จะแตกต่างกันไม่มากแต่ก็ทำให้หลายๆคนนั้นจับต้องได้ง่ายขึ้นและเน้นใช้ทั่วไปทำให้มันน่าสนใจเลยแหละ
สำหรับราคาของทาง Vivo V15 นั้นเปิดมาที่ 10,990 บาทไทยมาพร้อม 2 สีหลักๆคือ สีน้ำเงินแบบในภาพ และ ส่วนของสีแดงครับ จริงๆสวยทั้ง 2 สีเลยนะอันนี้แล้วแต่ชอบเลยแหละ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมาพร้อมการออกแบบที่เหมือนกับรุ่น Pro เลยแหละ และของที่ให้มาทุกอย่างนั้นก็เหมือนกันครับรวมถึงมุมขวาบนมีการเขียนแจ้งไว้ด้วยว่า RAM 6 GB ROM 128GB ครับ เห็นรูปเครื่องทั้งหน้าและหลังชัดเจนรวมถึงสี
- ตัวเครื่อง Vivo V15
- สายชาร์จแบบ Micro USB
- Adaptor ชาร์จไฟ
- หูฟัง 3.5 มม.
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- เคสใสวัสดุแข็ง พร้อมขอบสีดำ แบบเดียวกับรุ่น V15 Pro
เคสแบบเดียวกับตัว Pro ครับเป็นเคสแถมที่ดูดีกว่าทุกค่ายที่เจอมาในเรทราคานี้เลยนะ ส่วนที่เป็นวัสดุแบบฝาหลังใสแข็งและขอบเครื่องนั้นเป็นสีดำค่อนข้างดูดีพรีเมี่ยมมากๆครับรวมถึงแข็งแรงและปกป้องตัวเครื่องได้ดี ดีกว่าเคสใสนิ่มแบบแต่ก่อนที่แถมกัน ข้างหลังเป็นพลาสติกแข็งและมีจุดๆป้องกันการติดกับวัสดุฝาหลังครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอก็หุ่มขึ้นมาได้สูงและ เคสแบบนี้จะมีการเว้นช่องเปิดไว้ สำหรับกล้องหน้าเวลาเลื่อนขึ้นลงนั้นเองครับ แต่เคสส่วนพลาสติกใสนั้นต้องบอกว่าเป็นรอยได้ง่ายมากๆครับ ส่วนด้านหลังก็ต้องทำใจกันไว้เพราะพลาสติกแข็งแบบนี้ปกติครับ
DESIGN
การออกแบบจริงๆก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเลยครับเพราะหลักๆจะเป็น CPU ภายในที่แตกต่างกัน แต่อย่างว่าด้านหลังก็มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยถ้าใครมองไม่ออกจริงๆมันคือตรงสแกนนิ้วนั้นเองครับตัวนี้จะไม่มีสแกนนิ้วใต้หน้าจอแล้วแต่เป็นสแกนนิ้วด้านหลังแทน อันนี้แหละคือจุดที่จะแยกกันว่ารุ่นไหนคือตัว Pro ส่วนในด้านของงานประกอบวัสดุ การออกแบบรวมๆก็มีความแตกต่างและเป็นตัวเองมากขึ้นครับในด้านหลังกล้อง 3 ตัววางตำแหน่งเรียงกันพร้อมกับการออกแบบให้มันเชื่อมต่อกับกล้อง Popup ด้านบน และฝาหลังสีน้ำเงินที่เล่นแสงและวัสดุเงาพร้อมกับมีพื้นผิวข้างในสะท้อนแสงได้สวยเหมือนกัน การไล่สีอะไรทั้งหลายคงความสวยงามได้ดีครับ
ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอแบบ Ultra Fullview ที่มีขนาด 6.53 นิ้ว ไม่มีรอยบาก ไม่มีติ่ง ขนาดใหญ่กว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080×2340 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก 2.5D
ขอบด้านบนตัวนี้ทำได้บางมากๆบางเทียบเท่ากับขอบด้านอื่นๆเลยแหละและแน่นอนว่า ลำโพง เซนเซอร์ต่างๆก็ซ่อนตามขอบได้อย่างเนียนๆแบางๆกันไปจะเห็นแถบช่องลำโพงยาวๆ และแน่นอนไฮไลท์อีกจุดคือ กล้องหน้าแบบ Popup โผล่ขึ้นมาเลื่อนโดยอัตโนมัตินั้นเองครับมีความละเอียด 32MP ซึ่งกล้องนั้นมีความละเอียดเท่ากับรุ่น Pro
ขอบด้านล่างทำได้บางกว่าเดิมแต่ก็ยังแตกต่างกว่าด้านอื่นๆอยู่ครับ ส่วนการควบคุมนั้นก็เป็นในหน้าจอทั้งหมด 3 ปุ่มแต่ก็สามารถปรับแต่งหรือใช้งานแบบเต็มหน้าจอได้ในการปัดไปมาครับแล้วแต่เราจะปรับเลย
ขอบด้านบนนั้นจะเป็น ไมค์ และ รูหูฟังนั้นจะไปอยู่ด้านล่างแทนแล้วครับ แตกต่างกับตัว Pro อยู่นะ และ ตัวเหลี่ยมๆนั้นคือกล้องหน้าที่จะเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเวลาใช้งานครับกินพื้นที่นิดหน่อยเลยทำให้ส่วนนั้นอาจจะต้องนูนออกมา
ด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ฝั่งนี้ทั้งหมดครับ ส่วนด้านขอบบนนั้นจะเห็นว่าถ้ากล้องหน้าใช้งานมันก็จะโผล่ออกมาประมาณนี้ และกล้องหลังก็จะนูนขึ้นมานิดหน่อยครับเวลาวางคว่ำจะไม่ค่อยเรียบ
ด้านซ้าย นี้เราจะเห็นปุ่มที่หลายๆค่ายนั้นจะใส่เข้ามากันเพิ่มคือปุ่มสำหรับเรียก AI หรือพวกคำสั่งเสียงนั้นเองครับ และก็สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะให้สั่งงานตัวไหนยังไงครับ Google Search หรือ Assistant ครับ และเห็นในส่วนถาดซิมรุ่นนี้จะเป็น Triple Slot สามารถรองรับใส่ซิม 2 ซิม และก็เพิ่มเม็มได้ ซึ่งของ Pro จะแยกจากกันครับ
ด้านขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพงหลัก รูชาร์จแบบ Micro-USB ซึ่งน่าเสียดายมากๆในปีนี้ยังเจอพอร์ตแบบนี้ครับ และ รูหูฟังมาอยู่ด้านล่างแล้วครับ ก็เป็นจุดแตกต่างเล็กๆน้อยสำหรับทั้ง 2 รุ่นทั้งตัว รูหูฟัง ตัวถาดซิมเป็นต้นครับ
ด้านหลังดีไซน์อะไรเหมือนกันไปหมดยกเว้นสแกนนิ้วครับ และ ตัวกล้องก็แตกต่างกันด้วยนะ แม้จะมี 3 กล้องเหมือนกันแต่ตัว Pro นั้นได้ตัวกล้องหลักที่ 48MP แต่ของ V15 นั้นได้มาเป็นตัว 24 MP + 8 MP + 5 MP นะครับเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆเลยแหละสำหรับ 2 รุ่นนี้
เทียบให้ดูกันระหวาง V15 – V15 Pro ที่ขนาดของ V15 นั้นจะใหญ่กว่าด้วยหน้าจอขนาดใหญ่กว่า และ ไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอทำให้ต้องเอาตัวสแกนนิ้วมาไว้ด้านหลังครับ ส่วนการออกแบบ วัสดุสีการใช้สีอะไรต่างๆนั้นเหมือนกันทั้งหมดครับจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแง่การออกแบบ และ สีแดงก็จะสวยไปอีกแบบนึงรวมถึงการเล่นลายต่างๆ
SPEC
- Android 9.0+ Funtouch OS 9.0
- หน้าจอ 6.53 นิ้ว FHD+ (2340×1080)อัตราส่วน 19.5:9
- CPU MediaTek Helio P70
- GPU Mali-G72
- RAM 6 GB
- STORAGE 128 GB + microSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว – 24 ล้านพิกเซล f1.78 + 8 ล้านพิกเซล f2.2 + 5 ล้านพิกเซล f2.4
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f2.0
- 2 ซิม Dual-Stand by
- Wi-Fi, Bluetooth 4.2
- Micro-USB 2.0
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh Dual-Engine Fast Charging 18W
- ราคา 10,990 บาท
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพกันหน่อยสำหรับ MTK P70 นั้นก็ทำได้ตามระดับของมันจะน้อยกว่าตัว V15 Pro นิดหน่อยครับ ซึ่งตัวนี้นั้นท Geekbench นั้นทำได้ 1553/5656 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ และ หน่วยความจำเป็น EMMC 5.1 อยู่นะอ่าน 290 นิดๆ ส่วน Antutu ทำคะแนนได้เกือบ 143K น้อยกว่าตัว V15 Pro ประมาณ 4 หมื่นคะแนนครับ แต่ในด้านการใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงก็ต้องรอดูกัน ส่วน DRM L3 นะครับในรุ่นนี้ ไม่รองรับ การดูหนัง NETFLIX HD นะครับ แบบเดียวกับรุ่นพี่ V15 Pro นั้นแหละ ถือว่าใช้ได้แรงตามระดับของมันครับในตัวนี้
SYSTEM UI
ทางด้านระบบ Software ตัวนี้มาพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดที่ครอบทับด้วยหน้าตา Funtouch 9 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นอาจจะไม่ค่อยได้แตกต่างกว่าเดิมเท่าไรแต่ความลื่นไหล ความนิ่งนั้นดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแบบรู้สึกได้ครับ หน้าจอล็อคก็สามารถสแกนนิ้วไปตำแหน่งที่มันขึ้นมาให้ได้เลย และรวมถึงสแกนหน้ากล้องก็จะโผล่ออกมาครับ ส่วนหน้าตาการใช้งานอื่นๆก็คล้ายเดิม แจ้งเตือนเด้งดี มีตัวเลขให้ครับ และไม่มี Appdrawer
และยังคงความเป็น Vivo ในด้านของการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นแยกกัน เพราะเลื่อนจากด้านบนลงมาจะเป็น แจ้งเตือน แต่ถ้าปัดจากขอบล่างขึ้นไปจะเป็นตั้งค่า QuickSetting ส่วนการแยกแอพก็สามารถทำงานได้ปกติ
ในด้านของคียบอร์ดตัวนี้หน้าตาเรียบง่ายใช้ของทาง Kika คียบอร์ดที่ทำออกมาสำหรับ Vivo ครับ ส่วน RAM 6GB ใช้งานไปครึ่งๆ เหลือประมาณ 2.9 GB ครับ และในเรื่องความจุ 128GB เหลือให้ใช้ประมาณ 110 GB ถ้าไม่ลงแอพอื่นๆนะ ก็ถือว่าปกติครับสำหรับในด้านของความจำ และ RAM ที่จะใช้งานประมาณนี้
JOVI ตัวช่วย อัจฉริยะที่สามารถตั้งค่าต่างๆได้ทั้งในการถ่ายภาพ รูปภาพต่างๆ หรือปรับตั้งค่าตามสถานที่ รวมถึงตั้งค่าตัวปุ่มที่เพิ่มเข้ามาด้านซ้ายของตัวเครื่องสำหรับเรียก Google Assistant ครับ ส่วนตัว Game Cube ก็มีมาให้และ ตัวปุ่มนำทางก็สามารถใช้งานได้ปรับตำแหน่งปุ่มได้ ซ่อนปุ่มรวมถึงใช้งานแบบเต็มหน้าจอก็สามารถใช้งานได้
Gesture ต่างๆนั้นก็สามารถใช้ได้เช่นการเคาะหน้าจอ ยกให้ติด หรือ เคาะ2ครั้งเพื่อปิดหน้าจอครับ และ การใช้งานอื่นๆทั้งการวาดตัวอักษร ต่างๆขณะที่หน้าจอกับก็สามารถสั่งงานเข้าแอพได้ครับ และ การรับสายต่างๆก็มีมาให้ครบ การโคลนแอปหรือใช้งานหน้าต่าง 2 หน้าต่างก็รองรับปกติครับสำหรับทาง Vivo
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้