วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท พระนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ร่วมอภิปรายท่ามกลางกระแสสังคมไทยที่มีประเด็นพระพุทธศาสนาแบบร้อนแรงด้านศาสนพิธี ภายใต้หัวข้อ #พระสงฆ์กับการปรับตัวในสังคมปัจจุบันเพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา ณ ศูนย์การฝึกอบรมวัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร โดยมีพระสงฆ์สามเณรอุบาสกอุบาสิกาเข้าร่วมรับฟังจำนวน ๑๒๐ รูป/ท่าน โดยมีผู้ร่วมอภิปรายจำนวน ๕ รูป/คน
เริ่มจากการตั้งคำถาม ๓ ข้อว่า ๑)ทำไมพระสงฆ์จะต้องปรับตัวในสังคมปัจจุบัน ๒) ทำอย่างไรพระพุทธศาสนาจึงจะอยู่รอดและปลอดภัย ๓) ในฐานะพุทธบริษัทจะมีส่วนเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาหรือมีส่วนเป็นผู้ปกป้องรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
เริ่มต้นด้วยคำว่า ดิสรัปชั่น (Disruption) เป็นประโยคที่ทั่วโลกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด หมายความว่า การหยุดชะงัก เป็นกระบวนการแทรกแซงทางธุรกิจรายเดิมที่ไม่มีการปรับตัว โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งผู้แทรกแซงมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า มีรูปแบบที่ดีกว่า สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากกว่า ทำให้สอดรับกับพระสงฆ์ที่ไม่มีการปรับตัวจะทำให้เกิดการทำลายล้าง เช่น รูปแบบการสื่อสารธรรมที่ตอบโจทย์คนในสังคมปัจจุบัน หลักสูตรที่มีตอบสนองความต้องการคนยุคดิจิทัล เป็นต้น แต่ถ้าพระสงฆ์ปรับตัวจึงถือว่าเป็นการสร้างโอกาส ด้วยการรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม เรียกว่า "รู้เท่าเอาไว้ป้องกัน รู้ทันเอาไว้แก้ไข"
แต่ Disruption : การหยุดชะงักของพระสงฆ์ในปัจจุบันมองว่า บทบาทของพระสงฆ์บางอย่างในสังคมกลับเป็นบทบาทของฆราวาส หรือจะมองให้หลากหลายมุมคือการมาช่วยกันก็ได้ พระสงฆ์ยุคใหม่จึงต้อง SWOT ตนเองและ PDCA ตนเอง และยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันที่มี #ความรวดเร็ว #เชื่อมโยง #เครือข่าย อย่างเกิดขึ้นลักษณะวินาทีต่อวินาที ในการอภิปรายจึงมีคำสำคัญ ๕ คำ คือ #พระสงฆ์ #การปรับตัว #สังคมปัจจุบัน #ความอยู่รอด #พระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธศาสนาเป็นทางรอดของสังคมไทย จึงตั้งคำถามว่าอะไรคือความเสี่ยงของพระพุทธศาสนา ? พระพุทธศาสนากำลังเผชิญกับอะไรในสังคมปัจจุบัน
พระสงฆ์ยุคเอไอปรับรับดิสรัปชั่นบุก แนะสติปัฏฐานทางรอดสังคมไทย
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท พระนิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ร่วมอภิปรายท่ามกลางกระแสสังคมไทยที่มีประเด็นพระพุทธศาสนาแบบร้อนแรงด้านศาสนพิธี ภายใต้หัวข้อ #พระสงฆ์กับการปรับตัวในสังคมปัจจุบันเพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา ณ ศูนย์การฝึกอบรมวัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร โดยมีพระสงฆ์สามเณรอุบาสกอุบาสิกาเข้าร่วมรับฟังจำนวน ๑๒๐ รูป/ท่าน โดยมีผู้ร่วมอภิปรายจำนวน ๕ รูป/คน
เริ่มจากการตั้งคำถาม ๓ ข้อว่า ๑)ทำไมพระสงฆ์จะต้องปรับตัวในสังคมปัจจุบัน ๒) ทำอย่างไรพระพุทธศาสนาจึงจะอยู่รอดและปลอดภัย ๓) ในฐานะพุทธบริษัทจะมีส่วนเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาหรือมีส่วนเป็นผู้ปกป้องรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา
เริ่มต้นด้วยคำว่า ดิสรัปชั่น (Disruption) เป็นประโยคที่ทั่วโลกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด หมายความว่า การหยุดชะงัก เป็นกระบวนการแทรกแซงทางธุรกิจรายเดิมที่ไม่มีการปรับตัว โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งผู้แทรกแซงมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า มีรูปแบบที่ดีกว่า สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากกว่า ทำให้สอดรับกับพระสงฆ์ที่ไม่มีการปรับตัวจะทำให้เกิดการทำลายล้าง เช่น รูปแบบการสื่อสารธรรมที่ตอบโจทย์คนในสังคมปัจจุบัน หลักสูตรที่มีตอบสนองความต้องการคนยุคดิจิทัล เป็นต้น แต่ถ้าพระสงฆ์ปรับตัวจึงถือว่าเป็นการสร้างโอกาส ด้วยการรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม เรียกว่า "รู้เท่าเอาไว้ป้องกัน รู้ทันเอาไว้แก้ไข"
แต่ Disruption : การหยุดชะงักของพระสงฆ์ในปัจจุบันมองว่า บทบาทของพระสงฆ์บางอย่างในสังคมกลับเป็นบทบาทของฆราวาส หรือจะมองให้หลากหลายมุมคือการมาช่วยกันก็ได้ พระสงฆ์ยุคใหม่จึงต้อง SWOT ตนเองและ PDCA ตนเอง และยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันที่มี #ความรวดเร็ว #เชื่อมโยง #เครือข่าย อย่างเกิดขึ้นลักษณะวินาทีต่อวินาที ในการอภิปรายจึงมีคำสำคัญ ๕ คำ คือ #พระสงฆ์ #การปรับตัว #สังคมปัจจุบัน #ความอยู่รอด #พระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธศาสนาเป็นทางรอดของสังคมไทย จึงตั้งคำถามว่าอะไรคือความเสี่ยงของพระพุทธศาสนา ? พระพุทธศาสนากำลังเผชิญกับอะไรในสังคมปัจจุบัน