สวัสดีอีกครั้งค่ะ สำหรับบทความ 10 เพลงของ BTS ในครั้งนี้เป็นเนื้อหาเพลงที่มีคนบอกให้เราเขียนมานานแล้ว นั่นก็คือเพลงรักของบังทัน เพราะงั้นครั้งนี้เราเลยมาให้แล้ว สำหรับ BTS หรือวงบอยแบนด์ที่มีหัวใจในการทำเพลง 'เพื่อชีวิต' มาตลอดแบบนี้ ในอัลบั้มของพวกเขาจะมีเพลงรักแบบไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยค่ะ!

 
1. Intro : Skool Luv Affair

สำหรับเพลงแรกในบทความนี้ เราขอยกเพลงนี้มาเลยค่ะ สำหรับเพลง Intro : Skool Luv Affair เป็นเพลงที่แบ่งออกเป็นสามพาร์ท โดยมี ชูก้า เจโฮป และอาร์เอ็ม ร้องตามลำดับ เนื้อหาในเพลงจะแสดงถึงความรักในมุมมองของทั้งสามหนุ่ม ทั้งด้านดนตรี และเนื้อหาของเพลง อย่างพาร์ทของชูก้าคือพาร์ทที่มีความละมุน อบอุ่น เหมือนรักในฤดูหนาวที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็อยู่ได้ถ้ามีเธอ ส่วนของเจโฮปจะแสดงถึงความสดใส ร่าเริง เยาว์วัย ได้กลิ่นอายของการเป็นซัมมอร์เลิฟที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง และสุดท้ายพาร์ทของอาร์เอ็ม พาร์ทที่เป็น 'บังทันสไตล์' ที่แท้จริง อย่างที่เราบอกไปว่า เพลงบังทัน = เพลงเพื่อชีวิต เพราะแบบนั้นในพาร์ทของอาร์เอ็มความรักของมุมมองของเพลง BTS จึงแอบเป็นปรัชญานิด ๆ ตามสไตล์ คือการที่มีทั้งความสุข ความเศร้า ปนๆ กันไป ความรักในชีวิตของคนเรามันก็ประมาณนี้นั้นแหละ อย่างในเนื้อเพลงจะมีท่อนหนึ่งที่บอกว่า 'ผมเป็นคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ แต่คุณกลับเลือกคนที่ทำให้คุณร้องไห้ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละนะ นี่มันเรียกว่าความรักนี่นา' และนอกจากเนื้อหาแล้ว เพลงนี้ยังมีกิมมิคเล็ก ๆ คือการดีเบตกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างสามคนแทรกเข้ามาให้รู้สึกสนุกด้วยค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :
 

---

 
2. Boy in Luv

'บอกรักไปตรงๆ นี่แหละ รักแล้วบอกเลย เราชอบเธอนะเว้ย นักเลงพอ' นิยามของประโยคข้างต้นคือเพลงนี้เลยค่ะ สำหรับเพลง Boy in Luv เป็นเพลงในมินิอัลบั้มที่ชื่อว่า Skool Luv Affair เป็นเพลงรักที่ดุดัน ตามสไตล์ลูกผู้ชายแบบผู้ช้ายผู้ชายจริง ๆ เพลงนี้เนื้อหาของเพลงไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากการบอกรัก บอกว่าอาการกระวนกระวายใจของเราเธอรับรู้มันบ้างไหม ข้างในมันคับอกคับใจไปหมดที่เธอดูไม่แคร์ ไม่รับรักเราเลยสักที อยากเป็นโอปป้าของเธอจะแย่อยู่แล้วนะ! (ฮา) นอกจากสิ่งที่เพลงนี้สื่ออย่างตรงไปตรงมาแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่แฝงอยู่ในเพลงที่พอมาฟังในปัจจุบันตอนนี้เรารู้สึกได้เลยคือช่วงวัยของบังทันตอนนั้นที่ทำเพลงนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ถูกที่ถูกทาง สมกับความเป็น youth ไปหมด ความรักที่เกิดขึ้นในช่วงไฮสคูล กับอายุของหนุ่มๆ ในตอนนั้นพอฟังแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่า 'วัยรุ่นเนี่ย ความรู้สึกชอบใครสักคนมันก็ประมาณนี้แหละนะ' พอย้อนกลับไปฟังดู เพลงมันก็สมกับเป็นบทเพลงรักของวัยรุ่นดีเหลือเกิน เพราะพออายุมากขึ้น หลายๆ อย่าง หลายๆ ปัจจัยอาจไม่สามารถบอกได้แล้วอย่างตรงไปตรงมาเท่าตอนที่อยู่ในวัยนั้นเสียแล้ว บังทันเองในวัยนี้ก็คงทำเพลงรักที่มีเนื้อหาสไตล์ Boy in Luv ไม่ได้อีกแล้ว พอคิดแบบนั้ก็รู้สึกว่าเป็นเพลงรักที่อยู่ได้ถูกที่ถูกทางจริง ๆ เลยค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :
 
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพลงนี้เป็นเพลงที่มีการ 'เต๊าะ' เยอะมากค่ะ เนื้อเพลงของแต่ละท่อนนี่เรียกได้ว่าปรมาจารย์ด้านการเต๊าะหญิง เพลงนี้เหมือนเป็นพวกที่ทำได้แค่พูด ได้แต่ทฤษฎี ส่วนเรื่องการปฏิบัตินี่หญิงไม่แลเลย (ฮา)

ตัวอย่างเช่น :

ฉันโคตรจะจริงจังแต่เธอก็กลับทำให้ฉันกลายเป็นไอ้ขี้แพ้ซะได้

แต่ใครมันจะไปกล้าสู้กับเธอล่ะ

ทำไมฉันถึงต้องแคร์เธอขนาดนี้วะ

เธอทำให้ผู้ชายมาดแมนคนนี้กลายเป็นแค่เจ้าเด็กน้อยแทนแล้วเนี่ย

 
//ประมาณว่า เขาหยิ่งใส่ แต่ทำอะไรไม่ได้ แกล้งเขาก็ไม่ได้ ได้แต่ยอม เธอทำให้จากซังนัมจาเท่ๆ คลูๆ กลายเป็นเด็กน้อย ที่ยอมแต่เธอไปแล้ว 555

...

 

ถ้าเกิดว่าเกี่ยวกับเธอล่ะก็ ฉันจะตามเข้ามหาลัยได้เลย

가나다라마바사아 하쿠나마타타

(คานาดารามาบาซาอา ฮาคูนามาทาทา)

 
//ประมาณว่า แม้เราจะเรียนไม่เก่ง แต่ถ้าเธออยากเข้ามหาลัยไหนล่ะก็ ฉันก็สู้ไม่ถอยหรอก พร้อมท่องประโยคยากๆ ท้าทาย
 

...

 

จับฉันไว้แน่นๆ ก่อนที่มันจะพุ่งไปหาเธอ

ดึงฉันไว้แน่นๆ ก่อนที่ฉันจะไม่สนใจเธอนะ

บอกมาสิ ว่าต้องการอะไร บอกฉันมาสิ

จริงๆ แล้วต้องการอะไร

 
//ประมาณว่าใจฉันมีแต่เธอ มองแต่เธอ ถ้ายังไม่สนใจฉัน ฉันจะเลิกสนใจเธอแล้วนะ! แต่ถึงบอกอย่างนั้นก็เถอะ ใจก็ยังตามใจเธอนะ ต้องการอะไรก็บอกมาละกัน 5555

...

 
และอีกมากมาย เช่น

- ความจริงใจอะเหรอ (ฉันมีนะ) ความอดทนอะ (ฉันก็มี) สิ่งเดียวที่ฉันขาดไปคงเป็น ความสวยของเธอนี่แหละ (เธอโคตรสวยเลย) 

- ฉันไม่รู้หรอกนะว่าต้องทำยังไง แต่ถ้าเธอป่วย ไม่ต้องโทรหา 119 นะ โทรหาฉัน

- ถ้าบอกให้ฉันร้องไห้ ฉันก็จะร้อง ถ้าบอกให้ฉันยิ้ม ฉันก็จะยิ้มให้เธอเอง

 
//เต๊าะเก่ง เก็บทุกเม็ด ยอมใจ 55555

ปล. 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นอกเรื่อง เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ BTS มีสิทธิ์เข้าชิงถ้วยรายการเพลงครั้งแรกอีกด้วยค่ะ แม้ตอนนั้นก็ไม่ชนะได้ที่สามไป แต่ถือว่าเป็นเพลงที่จุดกระแสตัววงได้ดีมากค่ะ ตอนที่แค่ที่สามก็ทางเราแทบร้องไห้แล้ว ตอนนี้เดินทางมาไกลซะเหลือเกิน ปลื้มมมม

---

 
3. Just One Day

หนีจากซังนัมจาสไตล์มาเป็นผู้ชายนุ่ม ๆ อบอุ่นของเธอกันบ้าง สำหรับเพลง Just One Day เป็นเพลงจังหวะช้า ๆ นุ่ม ๆ เนื้อหาในเพลงก็ตามชื่อเพลงเลย คือ Just One Day ขอแค่วันเดียวก็ได้ที่ฉันได้อยู่กับเธอ ได้จับมือเธอเอาไว้ แค่วันดียวก็ยังดี เนื้อหาในเพลงก็คือการเต๊าะสาวอีกแบบหนึ่ง คือถ้าเพลง Boy in luv คือหนุ่มแบดบอยที่กล้าบอกรักสาวอย่างตรงไปตรงมาพร้อมเป็นพ่อบ้านใจกล้าของเธอในอนาคตแล้วล่ะก็ เพลง Just One Day ก็เหมือนเพลงในโลกคู่ขนานของหนุ่มเนิร์ดที่ได้แต่จินตนาการถึงเธอ ไม่ค่อยกล้าเข้าไปจีบ คิดเอาเองว่าได้ไปปาร์ตี้ด้วยกัน ดูหนังด้วยกันคงดี ไหนจะมอนิ่งคิสที่คิดไปเองถ้าหากคบกันอีก และคำพูดมากมายที่อยากบอกให้ฟัง ถ้ามีแค่วันเดียวที่ได้บอกออกไปก็คงดี นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :

---

 
4. Miss Right

ยังคงอยู่ในมินิอัลบั้ม Skool luv affair อีกครั้ง (ฮา) สมกับชื่ออัลบั้มนั่นแหละค่ะ เพลงรักเยอะสุดแล้ว (ฮา) สำหรับเพลง Miss Right เพลงนี้คงเป็นเพลงที่อยู่ในใจใครหลายๆ คน ถ้าพูดถึงเพลงรักของ BTS แล้ว เพลงนี้จะขาดไปไม่ได้เลย เพลง Miss Right เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกสบาย ๆ เนื้อหาเพลงไม่ได้เป็นเพลงรักที่บอกรักเธอจนใจจะขาด ไม่ได้เป็นเพลงรักที่อึดอัดเกินไปหรือหลวมเกินไป เป็นความพอดี ๆ ที่เกิดขึ้น เป็น Miss Right ที่เป็น Miss Right จริง ๆ เนื้อเพลงเรียบ ๆ แต่มีพลัง มีความ philosophy ในเนื้อเพลงเล็ก ๆ ตามสไตล์ BTS อย่างเช่น 'คุณก็เหมือนกับทะเลในฤดูหนาวที่ผมอยากจะเดินเคียงข้างอยู่เรื่อยไป' หรือ 'ผมวาดถึงอนาคตไว้ มีรองเท้าเด็กเล็กที่อยู่ระหว่างรองเท้าคู่ของเรา' และเราคิดว่าเพลงนี้สื่อให้เห็นสิ่งที่เรียกว่าความรักได้เป็นอย่างดี คือในเนื้อเพลงบอกว่าแม้เธอจะแต่งตัวแบบไหน แต่งหน้าหรือเปล่า มีลูกติดด้วยไหม ถ้ามันคือความรักก็คือความรัก ฉันรักเธอก็คือฉันรักเธอ ไม่ต้องเพอร์เฟ็คขาดไหนหรอก ก็เหมือนจิ๊กซอที่แต่ละคนแต่ละคู่ต้องหาความพอดีของกันให้เจอ เราคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความรักได้ดีมาก ๆ อีกเพลงหนึ่งเลยแหละค่ะ

เนื้อเพลงบางส่วน :