ตัดความสัมพันธ์จากแม่ที่มีอาการประสาท คุณคิดว่าผิดไหมครับ

เริ่มต้น
ผมเป็นลูกคนเดียว ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ เพราะ...มีพ่อเลี้ยงเป็นชาวต่างชาติครับ เงินส่วนมากทั้งหมดได้มาจากพ่อเลี้ยง
ส่วนแม่ผมเป็นคนหัวโบราณ และค่อนข้างจะไม่ฟังใคร ชอบเข้าวัดทำบุญ เวลามีงานบุญก็จะไปตลอดไม่ว่าจะไกล้ ไกล หรือเทศกาลไหนไม่เคยหยุดพัก เพราะคิดว่าชาติหน้าตนนั้นรอไม่ได้ กลัวเกิดมาจนอีก กลัวจะไม่ทันได้รับบุญ กลัวทุกสิ่งอย่างที่จะทำให้ชาติหน้าไม่ลำบาก
สรุปผลคือ เงินที่ทำบุญส่วนมากแทนที่จะคอยแบ่งปันช่วยเหลือครอบครัว และญาติพี่น้อง กลับเหลือเพียงไม่ถึง 10%
และก็โทษว่าก็เงินฉันๆ ทำมาใครทำใครก็รับ ไม่สนใจหร่อกว่าใครจะเดือดร้อนหรือเป็นตายอย่างไร แต่ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ

มาในเรื่องของครอบครัวและญาติพี่น้อง แม่ผมเป็นคนที่ ว่าคนเขาไปทั่วไม่เฉพาะแต่ผม และญาติพี่น้อง กับยายที่เป็นแม่ของแม่ ผมเอง ก็ยังโดนว่าด้วยวาจาที่ค่อนข้างรุนแรง และที่ผมโคตรอายเลย...เวลาไปบ้านไหนก็ว่าเขาไปหมดโดยเฉพาะญาติที่เคยเลี้ยงดูผม ทำให้ญาติๆพลอย เกลียดครอบครัว และตัวผมไปด้วย จากที่ควรจะรักครอบครัวตัวเอง แม่กลับไปยกย่องสรรค์เสริญคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตครอบครัวเรา เช่นเพื่อนร่วมบุญ เพื่อนที่ควรทำดีเข้าไว้จะได้ไม่อายขายขี้หน้า แต่...กับครอบครัวตนเอง ด่าทอ สาปแช่ง ต่างๆนานา หลายครั้งที่ยายแอบเสียใจร้องไห้ หลายครั้งที่ญาติที่เคยมีบุญคุณเคยเลี้ยงดูแม่มาตั้งแต่เด็กถูกแบ่งแยกชนชั้นเพราะอำนาจของเงิน และหลายครั้งที่ผมเหนื่อยและคิดอยากหนีออกจากบ้านไปโดยไม่บอกท่านสักคำ แต่ด้วยความเป็นประเพณี และวัฒนธรรมแล้ว ลูกต้องอยู่กับพ่อกับแม่ จนกว่าจะเรียนจบมาคอยเลี้ยงดูพ่อแม่ได้

แต่ทุกวันนี้ ทุกอย่างมันเริ่มหนักข้อขึ้นทุกวัน ยิ่งวันที่ผมไกล้เรียนจบ ปวส. แม่เริ่มให้เงินน้อยลง ซัพพอร์ทเรื่องเรียนน้อยลง อดมื้อกินมื้อบ้าง จริงๆผมจะออกไปหางาน Part-time ข้างนอกทำก็ได้ครับ แต่เห็นแก่พ่อและแม่ ที่พนักงานของท่านมักจะลาออกจากงานบ่อยๆ จนผมต้องมาช่วยงานที่บ้านช่วงหลังเลิกเรียน และปิดเทอม บางวันต้องโกหกอาจารย์ขอกลับก่อนเพื่อกลับบ้านมาช่วยงานพ่อแม่ เรื่องรายได้ไม่ต้องห่วงครับได้เฉพาะวันที่มีงานเยอะ วันไหนที่มีงานน้อยก็ไม่ได้ แต่ผมก็อดทนเพื่อรอแค่วันที่จะเรียนจบ และออกไปหางานทำตามสายอาชีพที่ผมถนัด อีกอย่างถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ผมคงจะมีกินมีใช้มากกว่าที่เป็นอยู่ครับ .

และผมอยากรู้ คนอื่นจะคิดเห็นยังไง ถ้าผมเรียนจบ ปวส. แล้วออกไปหางานทำไปด้วยเรียนไปด้วย โดยไม่กลับมาอาศัยที่อยู่ หรือเงินพ่อแม่สักบาท แชร์ๆกันได้ครับ ยิ่งตรง และชัดเจนยิ่งดี ถือว่าเป็นการช่วยผมให้คลายความทุกข์ใจนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่าน และตอบผมครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ปัญหาแบบนี้ตอบให้ถูกใจลำบากมากค่ะ ... แต่ตอบให้ถูกต้องน่ะ ง่ายนิดเดียว

เราขอแยกประเด็นให้คุณเห็นชัดๆนะคะ

๑. พ่อ และ แม่เลี้ยงคุณมา จนกระทั่งคุณเกือบจะจบ ปวส. แล้ว

ลองนึกถึงใจเขาใจเราค่ะ ... ความดีน่ะ ไม่ต้องรอโลกหน้า
ความกตัญญูก็ไม่ต้องรอผลข้ามชาติค่ะ .. ถ้าตั้งมั่นว่าจะเป็นคน กตเวทิตาซะอย่าง คุณจะเห็นทางออกชัด
ซึ่งนั่นก็คือ การแบ่งเบาภาระพวกท่าน ตอบแทนพวกท่าน

ซึ่งถ้าการไม่มีคุณแล้วพวกท่านลำบาก ...  แล้วคุณยังไม่อยู่กับท่าน
จิตสำนึกคุณเองนั่นแหละค่ะ ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณ
ด้วยความรู้สึกผิด  อาจจะไม่ใช่โดยฉับพลัน แต่มันจะย้อนกลับมาหาคุณแน่นอนค่ะ

๒. ถ้ากรณีไม่ไหวจริงๆ .. อยู่ด้วยแล้วทุกข์หนักหนาสาหัส ( คือ พ่อแม่บางคน ก็คือปุถุชน ที่สามารถทำผิดและทำร้ายลูกได้)

ตรงนี้คุณต้องชั่งใจนะคะ  เราไม่ได้บอกว่าคุณต้องอดทน จนจิตหดหู่ซึมเศร้า หรือเก็บกด
ถ้าการที่คุณแยกออกมา และกลับไปดูแลท่านบ้างเป็นบางครั้ง จะทำให้ดีกับทุกฝ่ายมากกว่า
ก็เลือกทางนี้เถิดค่ะ

ขอเพียงตั้งใจไว้ และตอบกับตัวเองให้ได้ ว่าคุณไม่ได้ทอดทิ้งหรือ หนีหายไปไหน

แค่จากไปตั้งหลัก / ทำงาน เก็บเงิน และให้เวลาเยียวยาทุกสิ่ง

ขอเพียงตั้งใจว่า หากมีโอกาสเมื่อไหร่ จะยื่นมือเข้าช่วยเสมอ

ขอเพียงตั้งใจว่า ที่ห่างออกมา ก็เพื่อบ่มเพาะหัวใจตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น ต้านทานโทสะได้มากขึ้น และปล่อยวางได้มากขึ้น

เหล่านี้ จะบรรเทา ความรู้สึกผิดในใจคุณได้ค่ะ

ลองเลือกทางนะคะ
ทางใดก็ได้ ที่ทำร้ายความดีในใจคุณ และอนาคตของคุณน้อยที่สุดค่ะ
เทียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่