เราพยายามเข้าใจสังคมไทยนะ แต่บางครั้งมันก็เหลืออด ทำไมชอบละเมิดสิทธิกัน

เราอยู่ย่านบางกะปิ ลาดพร้าว ถัดไปสามซอยคือซอยที่มีมัสยิด และทุกย่ำรุ่ง สายๆ ตกเย็น จะเอาละเสียงอ่านคัมภีร์จากมัสยิด

พอย้ายมาอยู่คอนโดแถววัดศรีบุญเรือง บ่ายๆเย็นเอาละ โรงเรียนนำสวดมนตร์  พอวันสำคัญทางพุทธศาสนา เอาละเทศน์กันยันเที่ยง กระจายเสียงลำโพงแตกๆไปทั่ว

ไม่นับรวมงานวัด ที่มักมีคอนเสิรตกันยันเที่ยงคืน

และข้างบ้านเราที่เป็นบ้านเช่าวัยรุ่นนอนดึกอีก ทำงานเปิดเพลงกันยันตีสามตีสี่

เพลงที่เค้าเปิดเราก็ชอบนะ แต่มาให้ฟังตอนตีสอง มันไม่ไหวอ่ะ คนจะนอนนน!!!

ถ้าพยายามทำความเข้าใจสังคมไทยนี้ก็คือ เราเป็นสังคม ที่มีอะไรก็แบ่งปันกัน นิสัยชอบเผื่อแผ่เจือจาน
และชอบเรื่องร้องรำทำเพลงประกอบการทำงานมาตั้งแต่ยุคเกี่ยวข้าวลงแขก

แต่ปัจจุบัน การกระจายเสียงเผื่อแผ่ไปยังชาวบ้านชาวช่องที่อยู่ไกลออกไป มันก็ไม่ใช่ไง  เข้าใจนะว่าเครื่องเสียงคุณดังดี คงแพงแต่ไม่ได้ฟังแล้วไพเราะทุกเวลา!!! โปรดเข้าใจ...

บางทีแม่เราก็บ่นเบื่อเสียงมัยิด เพราะทนฟังมา 43 ปีละ ถ้าเราอารมณ์ดี เราก็จะบอกว่าให้คิดซะว่าเป็นเเสียงระฆังแห่งสติ  พอได้ยินก็กลับมากำหนดลมหายใจกับตัวเอง แต่ก็นะ เราก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เวลาเรานอนซมเพราะพิษไข้แล้วต้องมาทนกับมลพิษทางเสียงแบบนี้ก็เล่นเราเอาปวดหัวจี้ดไปไม่เป็นเหมือนกัน

เราเลยสงสัยว่า เรามีเรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพทางเสียง  ในรัฐธรรมนูญมั้ยคะ มันควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราทุกคนควรมี มิใช่หรือ

ปล. ไหนๆก็ไหนๆละ ขอเอ่ยถึงป้ายหาเสียงไปด้วยเลย ก็อยากจะถามว่าคุณได้สิทธิอะไร ??!!!
มารุกล้ำพื้นที่ทางเท้า บังการจราจรคนใช้รถใช้ถนนอ่ะ
ถ้าอาสามาแก้ปัญหาจริงแต่เริ่มต้นด้วยการสร้างปัญหา แบบนี้มันก็ไม่สร้างความชอบธรรมตั้งแต่เริ่มต้นละ
นี่เราต้องกลายเป็นคนส่วนใหญ่ที่โดนคนส่วนน้อยย่ำยีไปถึงเมื่อไหร่หนอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่