กำลังจะเลิกกับแฟนเพราะครอบครัวแฟนให้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเขา

คบกับแฟนมาเข้าปีที่ 5 ค่ะ เริ่มคุยเรื่องอนาคตกันจริงๆจังๆ บ้านเรากับแฟนห่างกัน 30 กว่าโล
แฟนเป็นลูกคนสุดท้อง พี่สาวเขามีสามีอยู่ต่างประเทศ
ส่วนเราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องสาวที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะได้ไปบรรจุข้าราชการที่จังหวัดไหน

หลังจากเริ่มคบกันได้ปีกว่า เราก็เริ่มคุยกันไว้ว่าแต่งงานแล้ว เราจะซื้อที่สร้างบ้านด้วยกันหลังเล็กๆ
ระยะทางอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านของเราทั้งคู่เพราะจะได้เดินทางไปดูแลพ่อแม่ของเรา ไปเที่ยวหาทางบ้านได้ง่ายทั้งสองฝั่ง
อาทิตย์นี้ไปนอนบ้านตายาย อาทิตย์ต่อไปไปนอนบ้านปู่ย่า วันธรรมดาเราก็อยู่บ้านของเรา ใกล้รร.ของลูกในอนาคตด้วย
และที่ทำงานของเราทั้งสองสามารถย้ายมาใกล้ๆบ้านในฝันของเราได้ เราเองเริ่มมองเริ่มดูเวลามีคนประกาศขายที่ขายบ้าน
และส่งไปให่แฟนดูด้วยทุกครั้งเขาก็จะช่วยออกความคิดเห็นวาดอนาคตไว้ด้วยกันอย่างที่เคยคุยเรื่อยมา

จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทางบ้านแฟนรับเลี้ยงญาติคนหนึ่งอายุ 18 ปี และต้องรับผิดชอบส่งน้องคนนี้เรียน
ทองคำมูลค่า 10 กว่าบาทที่แฟนหาเก็บไว้บอกว่าจะเอาไว้เป็นสินสอดงานแต่งของเรา หมดไปกับการส่งเสียน้องคนนี้เรียน
และแพลนงานแต่งของเราที่วางไว้หลังจากคบกันได้ 3 ปี ก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะแฟนให้เหตุผลว่าขอส่งน้องคนนี้เรียนจบก่อนได้ไหม
(น้องเรียน 2 ปี อนุปริญญา) เราก็โอเค

และ 1 ปีที่ผ่านมา มีญาติอีกคนนำลูกที่เพิ่งคลอดมาฝากแม่แฟนเลี้ยง
ตั้งแต่เลี้ยงหลานคนนี้เวลาที่เราเคยมีให้กันก็น้อยลงเหมือนอยู่ๆแฟนเราก็มีลูกขึ้นมาซะอย่างนั้น
เบี้ยวนัดเราบ่อย เพราะต้องเลี้ยงหลาน ไม่ได้คุยโทรศัพท์กันทุกคืนเหมือนเมื่อก่อนเพราะหลานไม่สบายต้องเช็ดตัวป้อนยาและไปเฝ้าที่รพ.
ถึงแม้ว่าญาติคนนั้นจะเอาหลานมาฝากแม่แฟนเลี้ยงแต่แฟนเราก็ปล่อยให้แม่เลี้ยงเองไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันอยู่ดี

อีก 2 เดือน น้องที่แฟนต้องรับผิดชอบส่งเรียนจะจบแล้ว เราก็เริ่มคุยกันอีกครั้งเรื่องอนาคต
แต่มาวันนี้ทุกอย่างที่เราเคยคุยกันไว้ มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

"พ่อแม่พี่ อยากให้น้องมาอยู่บ้านของเรา พี่อยากดูแลพ่อกับแม่ด้วย
แม่บอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่แล้วพี่สาวก็ไปอยู่ต่างประเทศน้องก็จบแล้วต้องไปทำงานที่อื่นไม่ได้ย้ายมาบ้านอีกแล้ว
ถ้าพ่อกับแม่หมดบุญบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านร้าง พ่อแม่สงสารบ้าน"

และเราไม่ยอมค่ะ เราอยากมีชีวิตส่วนตัวสร้างครอบครัวเล็กๆของเรา
ทางบ้านแฟนดีกับเราทุกอย่าง เราไม่เคยรังเกียจ แต่สิ่งที่เราไม่ชอบคือบ้านแฟนชอบสังสรร ชอบสนุกมีคนมาเที่ยวที่บ้านทุกเย็น
เดี๋ยวคนนั้นคนนี้เดินเข้าเดินออกบ้านจนธรรมดาไปแล้วทุกวัน เพราะบ้านแฟนหลังนี้เหมือนเป็นบ้านหลักของญาติ
ญาติคนอื่นก็จะมีคนแวะเวียนมาเรื่อยๆ เราไม่ได้รังเกียจหรือไม่พอใจอะไร เวลาเราไปเที่ยวบ้านเขาเราก็ทำหน้าที่ว่าที่ลูกสะใภ้อย่างดี
ยิ้มแย้มแจ่มใสกับทุกคนแม้บางครั้งเราจะเหนื่อยมาก อยากหนีเข้าห้องนอนเร็วๆ แต่เราก็อดทนค่ะ
เพราะเรารู้ว่ามันจะดูไม่ดีที่เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เราคิดว่าการที่เรามีบ้านเป็นของตัวเอง
และแวะเวียนไปนอนที่บ้านแฟนเพื่อดูแลครอบครัวของแฟนบ่อยๆมันทำให้เราสบายใจกว่า
อย่างน้อยเวลาเราเหนื่อย เราอยากนอนเล่น อยากนอนตื่นสายมันก็ยังมีพื้นที่ของเราบ้าง

และอีกอย่างบ้านแฟนเห็นการดื่มเหล้าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราไม่ชอบ
บางทีแฟนดื่มเหล้าบ้านญาติคนอื่นกลับบ้านมาเกือบเที่ยงคืนเราว่าให้
แม่เค้าก็หัวเราะบอกว่าปกติ ธรรมดา ผู้ชายก็แบบนี้แหละ
ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ใช่ค่ะ ถ้าเราไปอยู่บ้านเค้า เราคงว่าอะไรหรือห้ามปลามอะไรแฟนเราได้ยาก

สำหรับแฟนเรา เค้าเป็นคนใจเย็นคนหนึ่งค่ะ ชอบศึกษาธรรมะเข้าวัดใส่บาตรฟังเทศฟังธรรม เขาเคยบวชเรียนมา
เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยโกรธเราเลยสักครั้ง แต่ตัวเราเองทั้งต่อว่าเขาเวลาเราโกรธเราจะไม่รับโทรศัพท์เป็นวันสองวัน
เขาก็ไม่ยอมแพ้โทรตามไลน์ตามตลอด เขาเป็นผู้ชายที่ใส่ใจระดับหนึ่ง ไปไหนก็จะรายงานตลอด กำลังออกบ้าน แวะตรงนั้นตรงนี้ ถึงบ้านแล้ว
ไปไหนกับใคร คือบอกเราตลอดโทรหาตลอด
เช้ามาก็โทรปลุกเราทุกเช้า ก่อนนอนก็โทรคุยกัน โทรไลน์ออนสายทิ้งไว้จนหลับไปด้วยกัน
ใครสะดุ้งตื่นก่อนก็เป็นคนกดวางให้กัน แบบนี้ตลอดไม่เคยขาดสักวันตั้งแต่คบกันมาเกือบ 5 ปี
(ยกเว้นเวลามีธุระหรือสถานการณ์ไม่เอื้อจริงๆ)

โดยรวมแล้วจากที่คบกันมาเกือบ 5 ปีผู้ชายคนนี้ คือคนที่เรามั่นใจและยอมรับว่าเขาจะดูแลเราอย่างดี
แม้ในวันที่เราอาจจะนอนเป็นผักกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตเราก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทิ้งเราไปไหน

แต่ตอนนี้สิ่งที่เราไม่มั่นใจคืออนาคต และความเป็นผู้นำของเขา
เราคุยกันแล้วและยื่นข้อเสนอสิ่งที่เราต้องการไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาจะตัดสินใจ

พ่อแม่แฟนอายุ 50 กับ 60 ค่ะ
พ่อแม่เรา อายุ 49 กับ 52
ทางฝั่งบ้านเราไม่บังคับว่าจะอยู่ไหน แต่อยากให้ไปสร้างครอบครัวเองมากกว่า

จริงๆแล้วเราไม่ได้อยากเลิก เราอายุ 30 แล้ว แฟน 34 เราก็ไม่อยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกแล้ว
อยากสร้างครอบครัวของตัวเองจริงๆซะทีค่ะ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเราก็รู้สึกไม่ไหว
แต่อีกใจเราก็แอบรู้สึกแย่ หรือว่าเราใจแคบไป ที่ไม่ยอมไปอยู่กับเขา
แต่อีกใจเราก็ไม่อยากฝืนตัวเองตลอดเวลาแบบนั้น
เราสับสนมากเลยค่ะตอนนี้ นอนร้องไห้ทุกวัน ความรู้สึกปนเปกันไปหมด

อยากรู้ความคิดเห็นของเพื่อนๆพี่ๆในห้อง มีคำแนะนำหรือแนวคิดอะไรให้พอจะตัดสินใจได้บ้างคะ
เผื่อเราจะได้นำไปปรับปรุงและปรับใช้ในชีวิตของเราบ้าง

ขอบคุณทุกท่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เอาความเห็นเราที่แต่งงานแล้วนะคะ
เราเป็นคนนึงที่เคยมาตั้งกระทู้แบบนี้แล้วมีคนมาตอบเยอะมาก ให้เราแยกครอบครัวออกมาอยู่เอง  แต่งมาสี่ปีมีความสุขที่ได้อยู่บ้านเองทุกวัน ยกเว้นช่วงนี้ที่มีปัญหาภายนอกนิดหน่อย
ต้องขอบคุณคนที่เคยมาตอบมากๆ

1. ที่อยู่หลังแต่งสำคัญมากค่ะ ว่าจะทำให้ชีวิตคู่ยืดยาวมีความสุขแค่ไหน มากคนก็มากความ

2.  เราว่าที่คุณวิเคราะห์ไว้ ใช้ได้ดีเลยนะ แฟนคุณน่าจะฟังคุณบ้าง อาจจะลองพูดในแง่ว่า พ่อแม่เค้าจะอึดอัดนะ ถ้าบางทีเค้าจะสังสรรค์แล้วไม่สะดวก เพราะพวกเราพักผ่อนกัน เอาว่า แยกมาอยู่แล้วค่อยไปหาไปดูแลพวกท่านเวลาพร้อม ดีกว่ามั้ย  บางทีเรื่องความเป็นส่วนตัวของท่านก็สำคัญนะ  
ถ้าบางทีเราทะเลาะกันบ้างพ่อแม่ก็ไม่สบายใจอีก
คนที่เค้ากตัญญู รักพ่อแม่ ก็จะไม่อยากให้พ่อแม่ทุกข์ละ เค้าจะย้ายออกมา

(ตอนเราจะแต่ง เราพูดหลายประโยค ไม่สำเร็จ  เราพูดประโยคนี้ ว่าแม่เค้าจะอึดอัดนะ  เค้านิ่งฟัง แล้วก็ไปจองบ้านเลย  )

เรื่องบ้านเก่าก็เก็บไว้ก่อนค่อยย้ายเข้าไปก็ได้ อีกตั้งนาน พ่อแม่ก็ยังแข็งแรง บ้านไม่เฉาหรอก
อยู่ห่างออกมาก็ไปดูแลพ่อแม่ได้
(ซึ่งทำได้จริงๆ ของเราซื้อบ้านห่างออกมา 10 นาทีก็ถึง สามีไปได้ทุกวันเราไม่เคยห้าม )
อธิบายเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวไปเรื่อยๆค่ะ
ว่าที่สามีของเราต้องมีวิสัยทัศน์ มองเห็นอะไรคล้ายๆกันกับเรา ฟังความเห็นเราบ้าง ระยะยาวถึงจะอยู่กันได้
ถ้าทุกอย่างโอเคค่อยแต่ง

3. เรื่องที่รับภาระมาเลี้ยงเยอะๆโดยไม่พร้อมนี่ จะมีอีกเรื่อยๆไหมคะ ถ้าคุณแต่งไปอยู่บ้านเขา แล้วเค้ารับเลี้ยงใครมาเพิ่มจะกระทบการเงินการธนาคารของทั้งคู่ไหม  จะกระทบการมีลูกในอนาคตของคุณไหม นี่ยิ่งทำให้ต้องแยกครอบครัวออกมารึเปล่า

4. การแต่งงาน หมายถึงอะไร แค่ย้ายเข้าไปอยู่ร่วมกันที่ไหนก็ได้ก็คือจบเหรอ ไม่ใช่ซะหน่อย

การแต่งงานมันคือสร้างครอบครัวใหม่ มีการแชร์อนาคตที่สดใสมั่นคงร่วมกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ตามประสาครอบครัวใหม่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่เข้าใจคำว่าแต่งงาน ยังไม่พร้อมจะเสียสละ ยังไม่เห็นความสำคัญของการสร้างครอบครัว เราว่าอย่าเพิ่งแต่งดีกว่าไหม อาจจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะรักษาครอบครัวไว้ได้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่