ม่อนเงาะ...ไม่มีเงาะ เปล่าเปลี่ยวแต่ไม่เปลี่ยวใจ

 

เพี้ยนออกทริป ป่ะไปกันดู๊ เพี้ยนลอย เพี้ยนแข็งแรง

สวัสดีครับ เนื่องด้วยอยู่ดีดี ก็อยากเที่ยวเพื่อนไม่ว่างไม่มีใครไปด้วย แต่ทำไงได้ก็อยากไปอ่ะ!!! เช้าวันศุกร์จึงทำการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า และเดินทางไปทำงานเมื่อถึงตอนเย็นจะได้นั่งรถไปเที่ยว แต่ !!!!!!! ประเด็นอยู่ที่ว่า จะไปไหนนี่สิ จึงคิดไปคิดมา ไปเหนือดีกว่า ไปเหนือในหัวคิดว่าไปเชียงใหม่ แล้วจะไปที่ไหน สรุปจึงไปถามน้องที่ทำงาน ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ น้องบอกมาหลายที่ และบอกว่าไปไรชาลุงเดชสิพี่ คิดในใจไรชาเราไปบ่อยแล้วนะที่เชียงราย
จากนั้นผมจึงหาข้อมูลทันที สรุปเจอข้อมูลไร่ชา และมีข้อมูลม่อนเงาะ จากนั้นเริ่มสนใจในม่อนเงาะคือที่ไหนไปอย่างไร สวยไหม สรุปไปม่อนเงาะ รีบจองตั๋วรถไฟทันใด (สถานนีรถไฟใกล้ที่ทำงานง่ายกับการจองซึ่งขณะนั้นเวลา 16.00น. ) ปรากฏว่ามีรถไฟนอนแอร์ชั้น 2 ราคา 700 + ไปถึงเช้าเวลาประมาณ 8.30 น. และมีรถไฟชั้น 3 เที่ยว 22.00 น ถึงเที่ยง ตัดสินใจเลือกชั้น 2 ซึ่งราคาแพงไปหน่อยแต่ไปถึงเร็วก็โอเคร จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการไปเที่ยวม่อนเงาะคนเดียว อีกแล้ววววหัวเราะ

นั่งรถไฟไปไกลจาก กรุงเทพฯ ฉันจึงมุ่งหน้าไปสู่เงาะ *-* เจอกันตอนเช้า ณ เชียงใหม่ ครับ



มาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ เวลา 9.30 น. พอถึงก็ต้องแวะเต็มพลังก่อน ไข่ลวก 2 ใบ พร้อมกาแฟ 1 แก้วหน้าสถานีฯ
>>>จากนั้นจะไปเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อไปเที่ยวกันครับ เนื่องจากการมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ถ้ามีรถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน ก็สามารถไปเที่ยวได้ทั่วเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง<<<<<

พอกินเสร็จหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งผมก็ได้ถามเพื่อนที่มาเที่ยวเชียงใหม่ไว้เบื้องต้นแล้ว ผมไปเช่าแถว ขนส่งเชียงใหม่ ราคา 250 บาท ร้านนี้ไม่ต้องมัดจำ และถ้าเกินเวลาเสียชม.ละ 25 บาท และซื้อตั๋วกลับในวันอาทิตย์ด้วยเลย โดยกลับรถทัวร์ของ บขส.999

เพี้ยนแว๊น และนี่คือรถคู่ใจที่จะพาผมไปเที่ยวในทริปนี้ เวฟ 125 แรงได้ใจไปได้ทุกที่

เส้นทางไปไม่ไกลครับ
การเดินทางก็ง่ายๆ เปิด GPS ไปเลยครับ ไปทางแม่ริน ม่อนเงาะจะอยู่อำเภอแม่แตง ชิลๆ ครับ

ขับมาได้สักพักประมาณเที่ยงท้องมันเริ่มหิว จึงตั้งหน้าตั้งตาหาอาหารแถวนั้นกิน เจอเป็นร้านขายอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวมีทั้งหมูและเนื้อครับ  แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ส่วนไหน ของระหว่างทางที่จะไปครับ
เพี้ยนกินมาม่าผมสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาครับ หน้าตาดีแถมอร่อยมาก
จากนั้นก็ขับตามทางไปเรื่อยๆ ครับ
!!!!!! แต่ทว่า  ผมขับเลย จากทางที่เข้าครับ  แล้วก็ขับไปทางปาย ขับไปมารู้สึกว่าทำไม ทำไม มันไกลจัง ทางขับมันและเพลินดี แต่ก็ต้องเอ๊ะใจ ลองดูแผนที่อีกที อ้าวฉันมาไกลเหลือเกินเพี้ยนลำไย
ผมจึงต้องวนกลับในทันใด

จากนั้นขับผ่านป้ายน้ำตกหมอกฟ้า จึงขอเข้าไปเที่ยวสักหน่อย
อมยิ้ม37และเป็นเรื่องบังเอิญที่เจอเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ  มาเที่ยวกะแฟน จึงแวะทักทายและขอเก็บภาพซะหน่อย ก่อนที่จะแยกย้ายเดินทางกันต่อ

คราวนี้ไม่หลง อิอิ ทางด้านซ้ายไปดอยม่อนเงาะด้านขวาไปไร่ชาลุงเดช ซึ่งจะไปเเวะขากลับครับ
ตัดมาที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะครับ พอถึงผมก็ขึ้นไปถามเส้นทางไปและการเช่าเต็นท์
***ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ก็ใจดีครับ เป็นธุระได้ติดต่อพ่อหลวงด้านบนดอยในการขอเช่าเต๊นท์ และแนะนำให้ซื้อข้าวกล่องจากร้านค้าในหมู่บ้านก่อนที่จะขึ้นไปบนดอยม่อนเงาะครับ เพราะมาครั้งนี้ไม่ได้เตรียมอะไรมากมายอยากมาก็เลยมา***

เพี้ยนลุยระหว่างทางขึ้นถ้าคนที่เคยขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยน่าจะไม่มีปัญหานะครับไม่น่ายาก แต่ความคิดเห็นส่วนตัวและความเคยชิน ผมคิดว่าเป็นรถที่มีเกียร์จะไปง่ายกว่านะครับ

ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆวัด (จำชื่อไม่ได้นะครับ) ข้างๆจะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ ผมซื้อจากที่นี่ครับ ซื้อข้าวกระเพราไข่ดาว และข้าวไข่เจียว เวลาในขณะนั้น ประมาณเกือบ 5 โมงเย็นเเล้ว

เจอเพื่อนชาวโลกต้อนรับอยู่เเวะทักทาย พร้อมกับแบ่งไข่เจียวให้นิดหน่อยให้เยอะไม่ได้นะนาย เดี๋ยวเราไม่อิ่ม 5555
บรรยากาศระหว่างทางขึ้น

เส้นทางลุยนิดๆ ไม่ยากครับ แต่ถ้าเป็นหน้าฝนนี่....จะรำบากนิดนึงครับ

พอขึ้นไปถึงจะมีลานจอดรถครับ และต้องเดินเข้าไปที่ลานกางเต๊นท์ครับ
ลานกางเต๊นท์ ในวันนั้นมีคนพอสมควรครับ
จากนั้นหาจุดกางเต๊นท์  และป้าที่เป็นชาวไทยภูเขาและพ่อหลวงก็นำเต๊นท์ น่าจะเป็นสวัสดิการของชุมชนที่นั่นครับ ป้ากางให้ด้วยดีจัง อมยิ้ม02>>>>และนี่คือ.....โรงแรมของผมในค่ำคืนนี้

พอทำภารกิจเสร็จก็เริ่มหิวครับกินข้าวก่อน ผักกระเพราที่ซื้อมา
เติมพลังเสร็จก็ใกล้จะ 18.00 น. แล้ว  ได้เวลาเดินไปบนยอดดอยม่อนเงาะกันครับ ที่ป้ายเขียนไว้ 200 เมตรครับ แต่เราเดินขึ้นอาจจะดูไกลนิดหน่อยครับ
แต่ไม่ใช่ปัญหา
ระหว่างทางจะมีจุดชมวิวเล็กๆอยู่ครับ
เดินขึ้นไปอีกนิด จะเป็นดอยม่อนเงาะครับ

*** ดอยม่อนเงาะ ***
ยอดดอยม่อนเงาะ มีความสูง 1,425 เมตรจากระดับน้ำทะเล ณ จุดนี้ นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของทิวเขาถนนธงชัยที่สลับซับซ้อนไปมาหลายชั้นหลายแนวเป็นมุมกว้าง 360 องศาได้อย่างสุดลูกหูลูกตา สามารถชมทะเลหมอกได้ในยามเช้า และชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย บนยอดดอยจะมีท่อนไม้เรียงเป็นตัวอักษร “ม่อนเงาะ” เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการพิชิตยอดดอยแห่งนี้ อีกหนึ่งสิ่งเด่นคือ ผาหินปูนที่ชื่อว่า “เงือกผา” เป็นแนวผาหินที่มีลักษณะรูปร่างละม้ายคล้ายนางเงือกที่กำลังเกาะหน้าผาอยู่ อันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและจินตนาการของแต่ละคน สำหรับที่มาของชื่อ “ม่อนเงาะ” เกิดจากหน้าหินที่เรียงกันอยู่สามผา ผาแรกคือ “ผาลูก” ผาตรงกลางที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดคือ “ผาแม่” และผาสุดท้ายคือ “ผาพ่อ” ดังนั้นคำว่า "ม่อนเงาะ" จึงเพี้ยนมาจากคำว่า "โม่งโง๊ะ" เป็นภาษาม้งที่แปลว่า “แม่” นั่นเอง  : ที่มา : https://sites.google.com/a/sanpayang.ac.th/yxd-dxy-mxn-ngeaa/prawati-khwam-pen-ma-khxng-yxd-dxy-mxn-ngeaa

สวยงามเวลาพระอาทิตย์ตกพอดี อมยิ้ม38

 
จากนั้นก็ลงมาเตรียมตัวอาบน้ำ ที่ม่อนเงาะ มีสถานที่อาบน้ำให้นะครับ ซึ่งในคืนหนาวที่เดียวดายวันนั้น ลมแรงและหนาวมากๆๆ ต้องแข็งใจนิดหน่อยในการอาบน้ำ
ข้างบนไม่มีไฟฟ้า ผมไม่มีไฟฉาย รีบอาบรีบนอน ---ก่อนนอนจิบ น้ำชา 1 แบน -0- อมยิ้ม05พอได้ที่ก็นอน เพี้ยนฝันดี
 
ลมแรงมากคิดว่าอยู่ริมทะเล 555
 
 
 
เพี้ยนดีออกมอออออนิ่งงงงงงงงง
ช่วงเช้าหน้าลานกางเต๊นท์ เสียดายที่ไม่มีหมอก แต่ไม่เป็นไรครับ พระอาทิตย์ขึ้นก็สวยครับ อยากให้มากันครับ 
 
 
สายนิดนึงก็แปลงฟันล้างหน้า (ไม่อาบน้ำ ไม่ไหววว)   กินข้าวไข่เจียวเมื่อวานข้าวแข็งและเย็นนิดหน่อยอมยิ้ม08  และเตรียมตัวลงไปไรชาลุงเดชครับ
เก็บของเตรียมลง และบอกลาพ่อหลวงข้างบนครับ บ๊ายบาย
ระหว่างทางลงตอนนั้นเวลาประมาณ 9.00 น. อากาศยังดีอยู่ครับ มือและนิ้วแข็งมากเย็นจัด 
ท่ามกลางความเย็นก็ยังมี ความสวยงามระหว่างทางที่ไม่ต้องตัดแต่งภาพจากแสงธรรมชาติ
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่