สังคมหนุ่มสาวชาวท่าโฉลงช่างน่าอยู่ยิ่งนัก

ออกตัวก่อนว่า ข้าเป็นพวก(อยากให้)โลกสวย ข้าไม่ได้เป็นผู้ลากมากดีอะไรหรอกก็คนธรรมดาๆนี่แหละ อาจจะค่อนไปทางเด็กไฝ่เรียนก็ว่าได้
ข้าเลยไม่ค่อยพบเจอการทะเลาะตบตีกันในวัยรุ่น แต่เวลาข้าดูละครดูข่าวข้าก็เข้าใจโลกไม่สวย ไม่ใช่ว่าปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องนะ

ละครพีเรียดถ้าไม่นับแนวรักชาติ ก็มักจะมีเรื่องแย่งชิงรักหักสวาท มากผัวมากเมีย คนรัก พี่น้อง ทะเลาะวิวาทกันแทบทุกเรื่อง ยิ่งภาษาที่ใช้ในสมัยโบราณจัดว่าไม่ค่อยสุภาพนักในสมัยนี้ คนเลยชอบดูเพราะฟังแล้วด่าได้แซ่บดี ดูเพื่อความบันเทิงแยกแยะออกถึงบริบทในสมัยนั้นก็คงไม่เป็นไร แต่ข้าก็แอบคิดว่าละครปัจจุบันแนวผัวเมียเนี่ย มันสร้างมาแพทเทิร์นเดียวกันและมักจะเป็นละครฮิตเสียด้วยสิ แต่เมื่อสังคมปัจจุบันไม่ยอมรับผู้ชายมีเมียมากแบบเมื่อก่อน คนดูเลยยิ่งอินกับการรักการเลิกในละครลามมาถึงชีวิตจริง ดังจะได้เห็นคอมเมนต์ในโซเชียลที่มีต่อละครหรือต่อข่าว ในทำนองว่าคนนั้นแย่งคนนี้ บางทีเห็นข่าวคนทำร้ายกันจนตายเพียงแค่เลิกกัน ก็ให้หดหู่นะ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีฉากแบบนี้ในละคร (บางทีก็เลือกดูแล้ว ยังมีอ่ะจ่ะ) ข้าก็มักบอกเด็กๆที่บ้านเสมอว่า
คนนะไม่ใช่สิ่งของ ที่จะมาแย่งกันได้  อย่าไปรักปักใจกับใครมากเกิน ความรักมันจืดจางได้ ขอแค่จริงใจไม่หลอกกัน อยู่กันและเลิกกันด้วยดีพอ

ทีนี้มาดูละครเรื่องทองเอกฯ เปิดตัวครอบครัวแม่ชบา ข้านี่ชอบใจเลย พ่อแม่ชบามีเมียสองคนแบบสมัยก่อน แต่เขาไม่ทะเลาะกันจ๊ะ แถมชอบควงกันไปชอปปิ้งอีกต่างหาก ข้าอยากมีอย่างนี้บ้าง 55 (ปล เป็นความชอบส่วนบุคคล) ลูกๆเขาก็สามัคคีปรองดองกันดี เขาไม่เสี้ยมให้เกลียดกัน

พ่อทองเอก แม่ชบา ทั้งสองเป็นเด็กไฝ่รู้ไฝ่เรียน เขาคบกันแบบเพื่อนที่มีความจริงใจต่อกัน และพบว่ามีความชอบเหมือนๆกัน ยิ่งทำให้สนิทรู้ใจกันมากขึ้นจนพัฒนาเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว ความรักแบบนี้มันให้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักฉาบฉวยที่เกิดจากรูปสัมผัส เอามาสอนเด็กๆได้ว่า ให้ลองคบกันนานๆเป็นเพื่อนกันไป อย่าไปเรียกว่าแฟนถ้ายังไม่มั่นใจ (ดูอย่างทองเอกที่ไม่ประสากับความรัก ไปโชว์แมนออกตัวเป็นคนรักเพื่อช่วยผ่องเพราะสงสาร เนี่ยแหละจะทำให้เสียใจทั้งคู่) ตอนเมื่อคืนเลยยิ่งถูกใจข้าด้วยคำพูดของแม่ชงโค ที่ติงแม่ชบาเรื่องไปรับคำหมั้นของกล้า ว่าทำแบบนี้ชบาจะทำให้ทุกคนเสียใจรวมทั้งชบาเอง นอกเสียจากว่าชบาจะสามารถรักกล้าได้จริงก็จะดีไปแต่ชบาทำได้หรือเปล่าล่ะ นี่ก็เป็นสังคมเพื่อนที่คอยช่วยเหลือ (ยอมปลอมเป็นชบาให้) ให้คำปรึกษา (สอนแต่งหน้า 55) ที่ข้าชอบในละครเรื่องนี้เช่นกัน
ทองเอกเองพอรู้ตัวว่าชอบใครจริงๆ ก็ไม่อยากให้ความหวังผ่องอีกต่อไปด้วยการไปนัดพบอีก และก็เข้าใจชบาที่ทำตัวเหินห่าง ทำได้แค่ไปหาไปคุยเพื่อบอกเป็นนัยๆว่าทองเอกเลือกใคร คิดถึงใคร
แล้วพอรู้ว่า ชบากำลังจะหมั้นกับกล้า แม้จะ เสียใจร้อนรุ่มสุมอกแค่ไหนก็ทำได้แค่ อวยพร ให้เธอกับเขา นั้นจงโชคดี อย่ามีอะไรต้องเสียใจ ส่วนทองเอกนั้นก็ขอแค่ได้มองแม่ชบาให้นานที่สุดก่อนเธอจากไปก็พอ (ซึมๆ น้ำตาอ่ะจ่ะ)
พ่อกล้า ก็น่าชื่นชมไม่น้อย เมื่อคืนมีซีนหนึ่งที่พ่อกล้ามองแม่ชบา ตาหวานซึ้งมาก ดูแล้วก็ให้สงสาร พ่อสายเปย์ พ่อคนชอบดูแล พ่อมารับขวัญเสมอ รักเธอไม่เสื่อมคลาย โมโหหึงทองเอกแค่ไหน ไม่ไปหาเรื่องทะเลาะตีรันฟันแทงเลยจ๊ะ เอามาลงกับการออกกำลังกายแทน เยี่ยมมาก กำไรคนดู 55
ส่วนผ่อง แม้จะตงิดๆกับ เอะอะ กอด เอะอะกอด ก็ถือว่าให้อภัยนะจ๊ะ ก็ไม่เคยเจอใครที่ดีต่อใจอย่างทองเอกนี่นา นี่จริงๆความรู้สึกแบบนี้มันคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาวนะผ่อง ผ่องยังไม่รู้ตัว อ่ะ รอผ่องหน่อยละกัน ไม่ต้องไปหมั่นใส้นางแรง แต่ก็คิดว่าเรื่องผ่องกับทองเอกน่าจะจบด้วยดี คุยกันด้วยเหตุผล

ทั้งหมดที่ว่ามาจึงเป็นเหตุผลที่อยากเห็นสังคมหนุ่มสาวชาวท่าโฉลงเป็นแบบอย่างสังคมหนุ่มสาวในปัจจุบันเสียจริง มันคงจะน่าอยู่ไม่น้อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่