ความเดิมต่อจากตอนที่แล้ว เราพาทุกท่านบินลัดฟ้าจากท่าอากาศยานดอนเมือง พร้อมบอกพิกัดร้านอาหารราคาประหยัดในสนามบิน
ลุ้นระทึกกับเที่ยวบินดีเลย์ จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย
ได้เวลาออกสำรวจคันไซกันแล้ว จะสนุกสนานสั่นสะท้านขนาดไหน ไปชมกันเล้ยยยยยย
รับชม Ep.1 ได้ที่นี่ >>>
https://ppantip.com/topic/38555740
---- Day 2: วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ----
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 05.15 น. อาบน้ำแต่งตัว เดินฝ่าความหนาว 2 องศาไปรอรถไฟ วันนี้เราจะไปเที่ยว "เกียวโต" ชม Landmark สำคัญกันค่ะ
จุดหมายแรกคือ "ศาลเจ้าเสาแดง" จากที่พักใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที เราใช้บัตร Suica เช่นเคย (ทริปนี้เราใช้ Suica ทั้งทริปค่ะ จริงๆ อาจจะมี Pass ที่ประหยัดกว่านี้ก็ได้ เราเอาสะดวกเข้าว่า เพราะขี้เกียจคิดเยอะนั่นเอง 555)
ถึงสถานี JR Inari เดินข้ามฝั่งก็เจอศาลเจ้าแล้วค่ะ
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Taisha) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าศาลเจ้าเสาแดง (เข้าชมฟรี / เปิด 24 ชม.) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเกียวโต ถูกสร้างขึ้นก่อนที่เมืองเกียวโตจะสร้าง ช่วงประมาณปี ค.ศ. 794 มีเสาโทริอิที่เรียงตัวกันด้านหลังศาลเจ้าจำนวนมากจนเป็นทางเดินทั่วทั้งภูเขาอินาริ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีเทพอินาริ - ตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ของข้าว รวมทั้งพืชผลไร่นาต่างๆ และมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย
ก่อนเข้าชมวัด ก็ต้องชำระล้างร่างกายซะก่อนตามธรรมเนียมญี่ปุ่น มีป้ายบอกขั้นตอนอย่างละเอียด
เราจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่หน้าประตูทางเข้า ตามจุดต่างๆ ของศาลเจ้า
มาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์กันแล้ว ให้เดินเข้าทางขวาตามป้ายเลยจ้า
เรามาแต่เช้า คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ สามารถหามุมสงบเก็บภาพได้สบายๆ
2 ข้างทางที่เดินเข้าไปจะเป็นป่าเขา ร่มรื่น อากาศดีมากๆ
เราเดินขึ้นไปจนสุดบันไดนี้ และเดินกลับลงมา 555 รู้สึกขาตึงๆ ก้าวไม่ออกยังไงไม่รู้ เสียดายมาก เพราะเคยดูรีวิวที่มีคนขึ้นไปข้างบนวิวสวยมากกกก ใครเคยขึ้นไป ฝากแปะรูปสวยๆ ให้ชมกันหน่อยนะคะ
มีแผนที่ให้ดูด้วยจ้า ระยะทางอีกยาวไกลจริงๆ ><
ชอบธรรมชาติที่นี่จัง
ขากลับออกมา มีพิธีอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ
เดินทางต่อไปยังจุดหมายที่ 2 "สะพานโทเก็ตสึเคียว"
นั่งรถไฟ Hankyu Arashiyama Line ขบวนนี้ มาลงสถานี Arashiyama
จากนั้นเปิดอากู๋ ปักหมุดไปที่ "สะพานโทเก็ตสึเคียว" เดินประมาณ 700 เมตร
เดินชิวๆ ชมวิว 2 ข้างทางเพลินๆ ถ้าเป็นช่วงซากุระบาน คงสวยน่าดู
ถึงแล้ว "สะพานโทเก็ตสึเคียว" (Togetsukyo Bridge) หรือที่เรียกกันในชื่อ "Moon Crossing Bridge" เป็นสะพานไม้ที่ทอดข้ามแม่น้ำโออิงาวะ ระยะทาง 155 เมตร
เมื่อข้ามฝั่งมาแล้ว เราจะเดินไปยังจุดหมายที่ 3 นั่นคือ "วัดเทนริวจิ" วันที่ไปที่วัดมีจัดงานอะไรสักอย่าง คนเยอะมาก
วัดเทนริวจิ (Tenryuji, 天龍寺) เป็นวัดนิกายเซน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1339 ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเขต Arashiyama และยังถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย (เปิดทุกวัน 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชม 500 เยน)
จุดหมายที่ 3 "ป่าไผ่" ระหว่างทางเห็นคนมุงอะไรกันอยู่ เลยเข้าไปดูซะหน่อย แล้วก็ได้ติดมือออกมา "ไดฟุกุสตรอเบอร์รี่" ในราคา 200 เยน อร่อยมากกกก
เครื่องเริ่มติดจ้า หาอะไรลงพุงต่อดีน๊าาาา จากที่หาข้อมูลมา เกียวโตเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อยของเต้าหู้ ที่นี่เลยมีร้านขายอาหารและขนมที่ทำจากเต้าหู้มากมาย และแล้วก็ได้เจ้านี่มา "โดนัทยูบะ" ทำจากฟองเต้าหู้ เราว่ารสชาติคล้ายซาลาเปาทอด 555 อร่อยดีนะ
ข้ามฝั่งไปปาไผ่กันดีกว่า เอ๊ะ ทำไมรู้สึกไม่เหมือนในรูปที่เคยเห็นในนิตยสารหรือรีวิวสวยๆ หรือเราเดินผิดทางหว่า
เดินงงในดงไผ่อยู่สักพักก็ออกมา เจอเจ้านี่ดักอยู่ปากทาง จัดไปโลดดดดด แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ตัวซอสรสชาติเค็มๆ แป้งนุ่มๆ หนึบๆ อร่อยมากกกกกก อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินดังโงะมาเลย
เอาล่ะ หาร้านกินข้าวจริงๆ จังๆ ซะที ตอนแรกตั้งใจมากินร้าน Taishou Hanana ปรากฏว่าแถวยาวมากกกก รอไม่ไหวจ้า ข้าวเช้ายังไม่ได้กินมาเลย ตัดสินใจเดินไปดูร้านอื่นแถวๆ นั้น แล้วก็มาเจอร้านนี้ (ชื่อร้านอะไร อ่านไม่ออกอ่ะ)
Arashiyama Udon (1,200 เยน) กับ Tempura Udon (800 เยน) อากาศหนาวๆ ได้กินอะไรร้อนๆ บอกเลยว่าฟิน ที่ร้านมีเสิร์ฟชาร้อนมาให้คนละถ้วยด้วย ฟรีจ้า
อิ่มแล้ว ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเจอร้านนี้ น่าร้ากกกกก สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ อะไรๆ ก็ดูน่ากินไปโม้ดดดดด
จุดหมายที่ 4 "ย่านกิออน" (Gion) เดินไปขึ้นรถไฟกันที่สถานี Sagaarashiyama
ใช้เวลาเดินทาง 43 นาที ลงสถานี Gion-Shijo ใช้ทางออก 7 แล้วเดินต่อมายัง Hanamikoji Dori
"ถนนฮานามิโคจิ" หรือ Hanamikoji Dori คือถนนเส้นหนึ่งในย่าน Gion ซึ่งอาคารและบ้านเรือนต่างๆ ในบริเวณนี้จะเป็นอาคารไม้ ถูกรักษาไว้ในแบบดั้งเดิม ทำให้ถนนเส้นนี้สวยงามและมีเสน่ห์ ในยามค่ำคืนจะประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสว่างไสว และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือเรามีโอกาสที่จะได้เจอ "เกอิชา" หรือ "ไมโกะ" ตัวเป็นๆ ได้ที่ถนนเส้นนี้อีกด้วย เนื่องจากบริเวณนี้มีร้านอาหารและร้านน้ำชาที่มีเกอิชาทำงานอยู่นั่นเอง เสียดายเราไม่ได้เจอ ><
ตามตรอกซอกซอย ดูเงียบสงบ และสะอาดมากกกกก
ฝาท่อสวยๆ ของย่านนี้
ที่นี่มีร้านไอศกรีมชื่อดังซ่อนตัวอยู่ แน่นอนเราไม่พลาดที่จะลอง ร้านมีชื่อว่า Kyo-Kinana หรือ Search ใน Google ว่า "Gion Kinana" (เปิดทุกวัน 11.00-19.00 น.) ภายนอกอาจดูเงียบ แต่ข้างในคนเพียบนะจ๊ะ เข้ามาแล้วให้ขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ ส่วนด้านล่างจะเป็นแคชเชียร์ และร้านจำหน่ายของฝาก
ไอศกรีมขึ้นชื่อของร้านนี้คืออันนี้เลย .... อ๊ะๆ อย่าเพิ่งตกใจว่าเราพามากินไข่ต้มนะจ๊ะ เราเรียกมันว่า "ไอศกรีมไข่คู่" แต่ไม่ได้ทำมาจากไข่ เมนูนี้มีชื่อว่า “Dekitate” (เดคิตาเตะ) เจ้าไอศกรีมนี้ทำมาจาก "ผงคินาโกะ" ซึ่งเป็นผงที่ทำมาจากถั่วเหลือง นิยมนำมาใส่ในของหวานญี่ปุ่น ตัวไอศกรีมเนื้อเนียนมากกกกก และรสชาติละมุนสุดๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ต้องมาลองเองจ้า ราคา 500 เยนกว่าๆ เสิร์ฟพร้อมชาร้อน 1 กา เข้ากั๊นเข้ากัน
ร้านนี้มีกฎให้สั่งคนละ 1 อย่าง เราเลยเลือกสั่งแก้วนี้มา ไม่รู้เรียกว่าอะไร เป็นน้ำอุ่นใส่ส้มยูซุและน้ำผึ้ง ดื่มแล้วชื่นจายยยยยย ราคา 600 เยน นอกจากนี้ที่ร้านยังมีไอศกรีมพาร์เฟ่ต์ (parfait) หลากหลายชนิดให้ได้เลือก ถือเป็นคาเฟ่สไตล์เกียวโตที่อยากแนะนำจริงๆ ค่ะ (กระซิบว่าพนักงานเสิร์ฟหล่อมากจ้าาาาาา)
ออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ 5 "ศาลเจ้ายาซากะ" (八坂神社, Yasaka Jinja) หรือที่รู้จักทั่วไปกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ศาลเจ้ากิออน” ตั้งอยู่ในระหว่างย่านกิออนและย่านฮิกาชิยาม่าของเมืองเกียวโต (เปิดทุกวัน 24 ชม. / เข้าชมฟรี)
ภายในวัดมีพิธีอะไรสักอย่าง คนมุงดูกันเยอะเลย
เดินออกมาทางหลังวัด มุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ 6 ซึ่งเป็นจุดหมายสำคัญของเราในวันนี้ นั่นคือจุดถ่ายรูปที่มักจะเห็นในนิตยสารหรือเว็บไซต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเอง (ขอยืมภาพจากอากู๋มาประกอบจ้า)
ง่ายๆ เลยคือเปิดอากู๋แล้ว Search คำว่า "Yasaka Kamimachi" ปักหมุดแล้วเดินตามไปเลย เจอแน่นอน
เห็น Yasaka Pagoda แล้ว ข้ามถนนไปกันเลย ฝนเริ่มตกลงมา แต่ยังไม่หนักเท่าไหร่ ลุยกันต่อจ้า
ในที่สุดความฝันของเราก็บรรลุเป้าหมาย ได้มาอยู่ในจุดที่ตั้งใจไว้ว่าสักวันต้องมาเก็บภาพตรงนี้ให้ได้ น้ำตาไหลปลื้มปริ่มกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เราใช้เวลาดื่มด่ำกับจุดนี้อยู่นานพอสมควร และตั้งใจว่าจะกลับมาเก็บภาพมุมนี้อีกครั้งยามค่ำคืน
----- เนื่องจากเกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตลงต่อในช่องความเห็นนะคะ -----
[CR] รีวิวเที่ยวคันไซกุมภา 2019 ไม่เจอหิมะขาวๆ แต่เจอฝน!! ตะลุยเกียวโต-USJ-Dotonbori-ปราสาทโอซาก้า-นาระ-ตลาดคุโรมง (Ep.2)
ลุ้นระทึกกับเที่ยวบินดีเลย์ จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย
ได้เวลาออกสำรวจคันไซกันแล้ว จะสนุกสนานสั่นสะท้านขนาดไหน ไปชมกันเล้ยยยยยย
รับชม Ep.1 ได้ที่นี่ >>> https://ppantip.com/topic/38555740
---- Day 2: วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ----
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 05.15 น. อาบน้ำแต่งตัว เดินฝ่าความหนาว 2 องศาไปรอรถไฟ วันนี้เราจะไปเที่ยว "เกียวโต" ชม Landmark สำคัญกันค่ะ
จุดหมายแรกคือ "ศาลเจ้าเสาแดง" จากที่พักใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที เราใช้บัตร Suica เช่นเคย (ทริปนี้เราใช้ Suica ทั้งทริปค่ะ จริงๆ อาจจะมี Pass ที่ประหยัดกว่านี้ก็ได้ เราเอาสะดวกเข้าว่า เพราะขี้เกียจคิดเยอะนั่นเอง 555)
ถึงสถานี JR Inari เดินข้ามฝั่งก็เจอศาลเจ้าแล้วค่ะ
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Taisha) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าศาลเจ้าเสาแดง (เข้าชมฟรี / เปิด 24 ชม.) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเกียวโต ถูกสร้างขึ้นก่อนที่เมืองเกียวโตจะสร้าง ช่วงประมาณปี ค.ศ. 794 มีเสาโทริอิที่เรียงตัวกันด้านหลังศาลเจ้าจำนวนมากจนเป็นทางเดินทั่วทั้งภูเขาอินาริ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีเทพอินาริ - ตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ของข้าว รวมทั้งพืชผลไร่นาต่างๆ และมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย
ก่อนเข้าชมวัด ก็ต้องชำระล้างร่างกายซะก่อนตามธรรมเนียมญี่ปุ่น มีป้ายบอกขั้นตอนอย่างละเอียด
เราจะพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่หน้าประตูทางเข้า ตามจุดต่างๆ ของศาลเจ้า
มาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์กันแล้ว ให้เดินเข้าทางขวาตามป้ายเลยจ้า
เรามาแต่เช้า คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ สามารถหามุมสงบเก็บภาพได้สบายๆ
2 ข้างทางที่เดินเข้าไปจะเป็นป่าเขา ร่มรื่น อากาศดีมากๆ
เราเดินขึ้นไปจนสุดบันไดนี้ และเดินกลับลงมา 555 รู้สึกขาตึงๆ ก้าวไม่ออกยังไงไม่รู้ เสียดายมาก เพราะเคยดูรีวิวที่มีคนขึ้นไปข้างบนวิวสวยมากกกก ใครเคยขึ้นไป ฝากแปะรูปสวยๆ ให้ชมกันหน่อยนะคะ
มีแผนที่ให้ดูด้วยจ้า ระยะทางอีกยาวไกลจริงๆ ><
ชอบธรรมชาติที่นี่จัง
ขากลับออกมา มีพิธีอะไรสักอย่างไม่แน่ใจ
เดินทางต่อไปยังจุดหมายที่ 2 "สะพานโทเก็ตสึเคียว"
นั่งรถไฟ Hankyu Arashiyama Line ขบวนนี้ มาลงสถานี Arashiyama
จากนั้นเปิดอากู๋ ปักหมุดไปที่ "สะพานโทเก็ตสึเคียว" เดินประมาณ 700 เมตร
เดินชิวๆ ชมวิว 2 ข้างทางเพลินๆ ถ้าเป็นช่วงซากุระบาน คงสวยน่าดู
ถึงแล้ว "สะพานโทเก็ตสึเคียว" (Togetsukyo Bridge) หรือที่เรียกกันในชื่อ "Moon Crossing Bridge" เป็นสะพานไม้ที่ทอดข้ามแม่น้ำโออิงาวะ ระยะทาง 155 เมตร
เมื่อข้ามฝั่งมาแล้ว เราจะเดินไปยังจุดหมายที่ 3 นั่นคือ "วัดเทนริวจิ" วันที่ไปที่วัดมีจัดงานอะไรสักอย่าง คนเยอะมาก
วัดเทนริวจิ (Tenryuji, 天龍寺) เป็นวัดนิกายเซน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1339 ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเขต Arashiyama และยังถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย (เปิดทุกวัน 8.30-17.00 น. ค่าเข้าชม 500 เยน)
จุดหมายที่ 3 "ป่าไผ่" ระหว่างทางเห็นคนมุงอะไรกันอยู่ เลยเข้าไปดูซะหน่อย แล้วก็ได้ติดมือออกมา "ไดฟุกุสตรอเบอร์รี่" ในราคา 200 เยน อร่อยมากกกก
เครื่องเริ่มติดจ้า หาอะไรลงพุงต่อดีน๊าาาา จากที่หาข้อมูลมา เกียวโตเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อยของเต้าหู้ ที่นี่เลยมีร้านขายอาหารและขนมที่ทำจากเต้าหู้มากมาย และแล้วก็ได้เจ้านี่มา "โดนัทยูบะ" ทำจากฟองเต้าหู้ เราว่ารสชาติคล้ายซาลาเปาทอด 555 อร่อยดีนะ
ข้ามฝั่งไปปาไผ่กันดีกว่า เอ๊ะ ทำไมรู้สึกไม่เหมือนในรูปที่เคยเห็นในนิตยสารหรือรีวิวสวยๆ หรือเราเดินผิดทางหว่า
เดินงงในดงไผ่อยู่สักพักก็ออกมา เจอเจ้านี่ดักอยู่ปากทาง จัดไปโลดดดดด แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ตัวซอสรสชาติเค็มๆ แป้งนุ่มๆ หนึบๆ อร่อยมากกกกกก อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินดังโงะมาเลย
เอาล่ะ หาร้านกินข้าวจริงๆ จังๆ ซะที ตอนแรกตั้งใจมากินร้าน Taishou Hanana ปรากฏว่าแถวยาวมากกกก รอไม่ไหวจ้า ข้าวเช้ายังไม่ได้กินมาเลย ตัดสินใจเดินไปดูร้านอื่นแถวๆ นั้น แล้วก็มาเจอร้านนี้ (ชื่อร้านอะไร อ่านไม่ออกอ่ะ)
Arashiyama Udon (1,200 เยน) กับ Tempura Udon (800 เยน) อากาศหนาวๆ ได้กินอะไรร้อนๆ บอกเลยว่าฟิน ที่ร้านมีเสิร์ฟชาร้อนมาให้คนละถ้วยด้วย ฟรีจ้า
อิ่มแล้ว ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางเจอร้านนี้ น่าร้ากกกกก สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ อะไรๆ ก็ดูน่ากินไปโม้ดดดดด
จุดหมายที่ 4 "ย่านกิออน" (Gion) เดินไปขึ้นรถไฟกันที่สถานี Sagaarashiyama
ใช้เวลาเดินทาง 43 นาที ลงสถานี Gion-Shijo ใช้ทางออก 7 แล้วเดินต่อมายัง Hanamikoji Dori
"ถนนฮานามิโคจิ" หรือ Hanamikoji Dori คือถนนเส้นหนึ่งในย่าน Gion ซึ่งอาคารและบ้านเรือนต่างๆ ในบริเวณนี้จะเป็นอาคารไม้ ถูกรักษาไว้ในแบบดั้งเดิม ทำให้ถนนเส้นนี้สวยงามและมีเสน่ห์ ในยามค่ำคืนจะประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสว่างไสว และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือเรามีโอกาสที่จะได้เจอ "เกอิชา" หรือ "ไมโกะ" ตัวเป็นๆ ได้ที่ถนนเส้นนี้อีกด้วย เนื่องจากบริเวณนี้มีร้านอาหารและร้านน้ำชาที่มีเกอิชาทำงานอยู่นั่นเอง เสียดายเราไม่ได้เจอ ><
ตามตรอกซอกซอย ดูเงียบสงบ และสะอาดมากกกกก
ฝาท่อสวยๆ ของย่านนี้
ที่นี่มีร้านไอศกรีมชื่อดังซ่อนตัวอยู่ แน่นอนเราไม่พลาดที่จะลอง ร้านมีชื่อว่า Kyo-Kinana หรือ Search ใน Google ว่า "Gion Kinana" (เปิดทุกวัน 11.00-19.00 น.) ภายนอกอาจดูเงียบ แต่ข้างในคนเพียบนะจ๊ะ เข้ามาแล้วให้ขึ้นไปชั้น 2 ค่ะ ส่วนด้านล่างจะเป็นแคชเชียร์ และร้านจำหน่ายของฝาก
ไอศกรีมขึ้นชื่อของร้านนี้คืออันนี้เลย .... อ๊ะๆ อย่าเพิ่งตกใจว่าเราพามากินไข่ต้มนะจ๊ะ เราเรียกมันว่า "ไอศกรีมไข่คู่" แต่ไม่ได้ทำมาจากไข่ เมนูนี้มีชื่อว่า “Dekitate” (เดคิตาเตะ) เจ้าไอศกรีมนี้ทำมาจาก "ผงคินาโกะ" ซึ่งเป็นผงที่ทำมาจากถั่วเหลือง นิยมนำมาใส่ในของหวานญี่ปุ่น ตัวไอศกรีมเนื้อเนียนมากกกกก และรสชาติละมุนสุดๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ต้องมาลองเองจ้า ราคา 500 เยนกว่าๆ เสิร์ฟพร้อมชาร้อน 1 กา เข้ากั๊นเข้ากัน
ร้านนี้มีกฎให้สั่งคนละ 1 อย่าง เราเลยเลือกสั่งแก้วนี้มา ไม่รู้เรียกว่าอะไร เป็นน้ำอุ่นใส่ส้มยูซุและน้ำผึ้ง ดื่มแล้วชื่นจายยยยยย ราคา 600 เยน นอกจากนี้ที่ร้านยังมีไอศกรีมพาร์เฟ่ต์ (parfait) หลากหลายชนิดให้ได้เลือก ถือเป็นคาเฟ่สไตล์เกียวโตที่อยากแนะนำจริงๆ ค่ะ (กระซิบว่าพนักงานเสิร์ฟหล่อมากจ้าาาาาา)
ออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ 5 "ศาลเจ้ายาซากะ" (八坂神社, Yasaka Jinja) หรือที่รู้จักทั่วไปกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ศาลเจ้ากิออน” ตั้งอยู่ในระหว่างย่านกิออนและย่านฮิกาชิยาม่าของเมืองเกียวโต (เปิดทุกวัน 24 ชม. / เข้าชมฟรี)
ภายในวัดมีพิธีอะไรสักอย่าง คนมุงดูกันเยอะเลย
เดินออกมาทางหลังวัด มุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ 6 ซึ่งเป็นจุดหมายสำคัญของเราในวันนี้ นั่นคือจุดถ่ายรูปที่มักจะเห็นในนิตยสารหรือเว็บไซต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นนั่นเอง (ขอยืมภาพจากอากู๋มาประกอบจ้า)
ง่ายๆ เลยคือเปิดอากู๋แล้ว Search คำว่า "Yasaka Kamimachi" ปักหมุดแล้วเดินตามไปเลย เจอแน่นอน
เห็น Yasaka Pagoda แล้ว ข้ามถนนไปกันเลย ฝนเริ่มตกลงมา แต่ยังไม่หนักเท่าไหร่ ลุยกันต่อจ้า
ในที่สุดความฝันของเราก็บรรลุเป้าหมาย ได้มาอยู่ในจุดที่ตั้งใจไว้ว่าสักวันต้องมาเก็บภาพตรงนี้ให้ได้ น้ำตาไหลปลื้มปริ่มกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า เราใช้เวลาดื่มด่ำกับจุดนี้อยู่นานพอสมควร และตั้งใจว่าจะกลับมาเก็บภาพมุมนี้อีกครั้งยามค่ำคืน
----- เนื่องจากเกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตลงต่อในช่องความเห็นนะคะ -----
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้