ตามรอย Spirited away พักโรงอาบน้ำเก่าแก่ KANAGUYA (Rekishi-no-yado Kanaguya) / Nagoya

** หัวเรื่องเขียนผิดจริงๆ ต้องอยู่ Nagano นะคะ** 😓

       เราเป็นแฟนหนังอนิเมชั่นเรื่อง ‘Spirited away’ เลยคิดว่าอยากไปตามรอยโรงอาบน้ำที่มีอยู่ในหนังสักครั้ง Kanaguya มีประวัติอันยาวนานมา 250 ปี ตั้งแต่สมัยเมจิ ทำให้ตึกไม้สไตล์ญี่ปุ่นรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติในปีเฮเซที่ 15 หรือปี ค.ศ.2004

    คิดอยู่นานว่าจะเขียนรีวิวดีมัย เพราะเป็นคนอธิบายไม่ค่อยเก่ง สะกดผิดๆ ถูกๆ แต่อยากเขียนเป็นข้อมูลไว้เผื่อเพื่อนๆ ได้ตัดสินใจเพราะตอนเราหาข้อมูลก็ไม่ค่อยมีคนรีวิวเท่าไหร่ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ

   วันที่เราเข้าพักคือวันที่ 10 ก.พ 2019 ที่ผ่านมานี้เอง จองผ่าน booking.com  อากาศ -6 องศา คือสำหรับเราหนาวมากไม่คิดว่าปีนี้ญี่ปุ่นจะหนาวขนาดนี้


    เวลา check in เวลา 15.00 น. check out 10.00 น. ที่ มีรถบริการรับ - ส่ง ตามรอบเวลาที่กำหนด แต่เรามาเองเพราะว่าแวะขึ้นไปเที่ยว Snow monkey ก่อนแล้วนั่งรถเมล์มาที่เรียวกังเองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เลยฝากไว้ที่ร้านรับฝากกระเป๋าด้านหน้าสถานีรถไฟเพราะที่สถานีไม่มีตู้รับฝากกระเป๋า

หน้าเคาน์เตอร์ด้านซ้ายมือไกลๆ จะเห็นตารางรถตู้รับ - ส่ง





ห้องโถงต้อนรับลูกค้าด้านล่างจะมีของตกแต่งเยอะแยะเต็มไปหมด














น้องแมวของทางเรียวกัง มีหนังสือการ์ตูนและคู่มือท่องเที่ยวให้นั่งอ่านด้านล่างด้วย Spirited away เล่มนี้ทำเป็นฉบับหนังสือภาษาญี่ปุ่น






ภาพบ่งบอกถึงความยาวนานของเรียวกังแห่งนี้ แอบกลัวเล็กน้อยย




พอ check in เสร็จจะมีพนักงานพาเดินบอกห้องต่างๆ ภายในเรียวกังและไปส่งเราที่ห้อง ในนี้มีห้องแช่ออนเซ็นทั้งหมด 8  ห้อง มี outdoor สำหรับผู้หญิงและผู้ชายและที่สำคัญมีห้องแช่ออนเซ็นส่วนตัวใครไปกับแฟนหรือเพื่อนๆ ก็สะดวกเลยเข้าไปแล้วล็อคประตู จะได้รู้ว่าห้องนี้ไม่ว่างมีคนใช้บริการอยู่ แต่ละห้องจะมีขนาดไม่เท่ากันและจะตกแต่งไม่เหมือนกัน ต้องเดินหาและช่วงชิงห้องกันเอาเอง

แผนที่ห้องพักต่างๆ ในเรียวกังและห้องอาบน้ำ



เดินขึ้นบรรไดไปข้างบน



ด้านในเรียวกังมีลิฟต์ด้วยเหมือนในหนังเลย ขึ้นไปชั้น 4 เราได้ห้อง 301 แต่พักชั้น 4 แอบ งง เล็กน้อย



ทางเข้าห้องมีหน้าต่างเห็นวิวสวยงาม เราจองห้องใหญ่เห็นวิวสวยงาม





คุณป้าพนักงานมาส่งพร้อมชงชาและอธิบายวิธีการใส่ชุดยูกาตะคุณป้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะคะแต่ก็อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เราเข้าใจได้มากที่สุด ส่วนมากพนักงานที่นี้จะไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษแต่เค้าก็จะอธิบายจนเราเข้าใจนี้คือความน่ารักของคนญี่ปุ่น

บนโต๊ะจะเห็นกุญแจไม้ใหญ่ๆ ใครเข้าพักที่นี้สามารถถือกุญแจนี้ไปแช่ออนเซ็นด้านนอกเรียวกังได้ มีหลายที่เลยแต่เราไม่ได้เดินไปแช่ด้านนอกเพราะหนาวมากหิมะตก ตอนดึกๆ จะได้ยินเสียงหนุ่มสาวญี่ปุ่นเดินแช่ออนเซ็นด้านนอกกันครึกครื้นแต่เราไม่ไหวขอนอนซุกในผ้าห่มดีกว่า


ขนมปังนุ่มๆ ไส้ถั่วแดงคิดว่าคงจะเป็นขนมขึ้นชื่อในเมืองนี้ เพราะมีคิตแคทรสนี้ด้วย






ภายในห้องจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน มีห้องส่วมในตัว









เปิดแล้วต้องรีบปิดหนาวมากก


















พอเราลงไปทานมื้อเย็นขึ้นมาที่นอนก็จัดเอาไว้ให้แล้ว


เปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะเสร็จพร้อมลุยหาห้องออนเซ็น ต้องบอกก่อนว่าทางเดินที่นี้แคบซับซ้อนมากๆ เพราะมีหลายห้อง บางห้องก็จะหลบอยู่ตามซอก แรกๆ ต้องพึ่งแผนที่นะคะเพราะหลงกับแฟนมาแล้ว

ในส่วนของทางเดินไปห้องต่างๆ ภายในเรียวกัง













ทางไปห้องแช่ออนเซ็นด้านล่าง มุมยอดฮิต


















ขึ้นมาดูห้องออนเซ็นส่วนตัวด้านบนบ้าง


อีกห้องแช่ไม่ไหวแล้วหนาวค่ะ








ออนเซ็นแบบ outdoor

ด้านหน้าห้องอาบน้ำรวมไม่ได้เข้าไปถ่ายด้านในเพราะมีคนใช้อยู่ค่ะ

มาต่อที่มื้อเย็นเลยนะคะ จะมีแบ่งเป็น 2 รอบ 18.00 น. กับ 18.30 น. ที่นี้มีห้องทานข้าวหลายห้องหลายชั้น เราได้ห้อง 6F ภายในเป็นห้องยาวแต่จะแบ่งเป็นสัดส่วนให้



เมนูมื้อเย็นคะ บางโต๊ะก็ได้เมนูไม่เหมือนกันเราไม่ได้ปลาทอด ก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง แค่นี้ก็อิ่มพุงแตกแล้วจ๊ะ


























ต่อด้วยมื้อเช้ากันเลยย เมนูแบบญี่ปุ่นดั่งเดิมซึ่งไม่ค่อยถูกปากแฟนเท่าไหร่เพราะเป็นคนทานยาก โต๊ะเราเลยเหลืออาหารเยอะกว่าโต๊ะอื่น ส่วนมากแขกที่มาพักจะเป็นคนญี่ปุ่นมีเราโต๊ะเดียวที่เป็นคนต่างชาติ















อันนี้เป็นน้ำเหนียวๆ เอาไข่มาตีรวมกันเสร็จแล้วเอามาราดบนข้าวทานคู่กับสาหร่าย





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่