บ้านไม่ใช่ safe zone ของเรา และเราก็ไม่อยากอยู่บ้าน

นี่เป็นกระทู้แรกเกี่ยวกับการเล่าประสบการณ์ของตัวเราเอง ถ้าตรงไหนไม่สุภาพ หรือรุนแรง ต้องขอโทษไว้ก่อนนะคะ อีกอย่างเราเป็นคนเรียบเรียงคำพูดไม่เก่ง อ่านไปต้องทำความเข้าใจประโยคตามไปด้วยนะคะ

เราเริ่มรู้สึกว่าการอยู่บ้านมันอึดอัดตั้งแต่เราอยู่ป.4 [ตอนนี้เราอยู่ม.6] หรือจริงๆแล้วมันอาจจะก่อนหน้านั้น เราถูกกดดันเรื่องผลการเรียนมาตลอด ทุกครั้งที่เกรดออก ประโยคแรกที่เราจะได้ยิน คือ “ได้ที่เท่าไหร่” เรากดดันทุกรอบตอนเกรดจะออก ขอเล่าย้อนไปตอนป.1 ถ้าตอนนั้นเราไม่ใช่เด็กคนที่สอบได้ที่ 1 เราคงไม่กดดันเท่าตอนนี้ เราได้ที่ 1 จนถึงป.3 พอป.4 เราก็สอบย้ายไปเรียนห้องวิทย์-คณิต หลังจากย้ายมาอยู่ห้องวิทย์คณิต เราก็ไม่เคยได้ที่ 1 อีกเลย [อันดับจะประมาณ10-12] มีครั้งนึงเราเคยโกหกพ่อแม่ว่าเราได้ที่ 10 แต่จริงๆแล้วเราได้ที่ 12 ที่ต้องบอกอย่างนั้นเพราะเราเคยถูกเปรียบเทียบกันน้องชายตัวเอง ตอนนั้นเราป.4 น้องเราป.1 เราได้อังกฤษเกรด3 ส่วนน้องได้เกรด 4 เขาก็พูดว่าน้องเก่งกว่า ตอนนั้นเราได้แต่คิดในใจว่าเราจะเก่งกว่านี้ให้ได้

พอม.1 เราสอบติดรร.ประจำค่ะ ตอนแรกเราไม่อยากไปเรียนเลย แต่พอเจอเรื่องที่บ้านมากเข้า เราก็ไม่คิดจะกลับมาบ้านเลยค่ะ ขึ้นม.1 ผลการเรียนเรายังคงเส้นเดิมค่ะ แต่ก็ถูกกดดันเรื่องเกรดเหมือนเดิม แต่ช่วงม.ต้นนี้เราจะถูกแม่กดดันตลอดว่าให้สอบนายร้อยตำรวจหญิง เราไม่ชอบทางนี้เลยค่ะ แต่แม่ก็บอกให้เราไปสอบตอนจบม.6 ได้ก็เอา จนเราคิดในใจว่าจะมั่วข้อสอบเลย เอาให้ไม่ติดไปเลย แต่ยังโชคดีที่เขายกเลิกให้สอบแล้ว เราเลยไม่ต้องสอบ ช่วงนี้เราก็ยังโอเคกับทางบ้านบ้าง

พอขึ้นม.ปลาย เราสอบเรียนต่อรร.เดิมค่ะ เพราะแม่ไม่ให้ไปเรียนที่อื่น เราก็โอเค อยู่นี่ก็ได้ ไม่ต้องกลับบ้านด้วย เรื่องราวฝันร้ายในโลกความเป็นจริงของเราอยู่ในช่วงนี้ค่ะ

ช่วงขึ้นม.4 ใหม่ๆ เราไปซอยผมค่ะ[สั้นแบบออกทอมค่ะ เพราะเราก็ออกแนวทอมๆหน่อยๆ] พอแม่เห็นเราแม่ก็แซะเราเยอะมากเรื่องผม แต่ที่เราจำได้ไม่เคยลืมเลย คือ “เกิดเป็นผู้หญิง จะไปอยากเป็นผู้ชายทำไม เสียชาติเกิด” ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มาก ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอาไงต่อดีกับทรงผมเรา แต่ก็นั่นแหละค่ะ เราได้แค่ทนไป

ต่อมาคือเราบอกพ่อกับแม่ว่าเราอยากเรียนเกษตร เราชอบทางนี้ แต่แม่ก็พูดตัดเราตลอดว่าเราจะไปทำนาหรอ “เลิกเรียนแล้วไปทำนากับยายเลย เรียนมาตั้งเยอะ แต่อยากไปทำนา” เราเสียใจมากค่ะ พอเราบอกจะเป็นครูเขาก็โอเคขึ้นมาค่ะ เพราะเขาบอกว่าเขาจะได้รักษาพยาบาลฟรี [โอเคค่ะ อันนี้เราเข้าใจว่ารักษาฟรี]

พอขึ้นม.5 เราไม่ค่อยได้กลับบ้านค่ะ เราต้องทำงานรร.เยอะมาก เราก็เลยไม่ค่อยได้กลับ เราสบายใจขึ้นเยอะเลยตอนช่วงนั้น

แต่ตอนนี้เราม.6 ค่ะ เรากลับบ้านบ่อยขึ้น แม่ถามเราตลอดนะคะเรื่องสอบเข้ามหาลัย แต่ก็นั่นแหละค่ะ แค่ถามเอาไว้ไปคุยกับเพื่อนเขา เอาจริงๆเขาไม่ได้จะสนใจอะไรขนาดนั้น เรายื่นรอบพอร์ตมหาลัยไปค่ะ แม่ก็ถามว่าจะติดหรอ เอาแค่10คน จะไปติดมั้ย เราก็ได้แค่ยิ้มค่ะ

ล่าสุดแม่เรียกเราไปถามเรื่องทรศ. เพราะเขาหาข้อความไม่เจอ เราบอกว่าหาไม่ได้ แบบรูปภาพมันพิมพ์ค้นหาไม่ได้ แม่ก็ด่าเราว่าควาย เรียนตั้งเยอะทำไมโง่กว่าเขา [เราเคยโดนด่าว่าควายบ่อยมากๆ แล้วตอนคุยเราก็มองหน้าแม่ไม่ได้ด้วย แม่จะพูดว่า แค่ตอบคำถาม ไม่ต้องมามองหน้า] เรารู้สึกแย่มากๆเวลาโดนด่า ทั้งๆที่เราไม่ผิด

พ่อก็ชอบบ่นเรา ซ้ำเราหลังจากโดนแม่ด่า บางครั้งเราไม่รู้ว่าเราผิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ก็นะ เราอธิบายอะไรไม่ได้

เราเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้วค่ะ เพราะพ่อแม่ชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น เรารู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อแท้ เราพยายามที่สุดแล้วกับหลายๆเรื่อง แต่ก็ยังไม่พอสำหรับเขาเลย ขนาดน้องเราสอบเข้าม.1ไม่ได้ แม่ก็ยัดเงินให้น้องเข้า ตอนนี้น้องจะขึ้นม.4 แม่ก็เตรียมยัดเหมือนเคย ไม่เห็นจะด่าน้อง เหมือนที่เราเกรดตกเลย เป็ความต่างที่ชัดเจนดีค่ะสำหรับเรา

ที่บ้านเข้าใจว่าเราเป็นคนเงียบค่ะ แต่จริงๆแล้วเราชอบเล่น ชอบทำให้คนอื่นมีความสุข ตลกขำขัน แต่กับที่บ้านไม่ใช่เลยค่ะ

ทุกครั้งที่มีปัญหา เราแก้มันเองตลอด เราไม่เคยบอกที่บ้าน เพราะเรารู้ว่าบอกไปก็ไม่เคยสนใจเราเลย เราเลือกที่จะคิดเองแก้เองดีกว่า

ทุกครั้งที่เราคิดฆ่าตัวตาย เราคิดได้เองตลอดว่าจะอยู่ต่อเพื่ออะไร แต่ไม่ใช่เพื่อพ่อกับแม่ เราอยู่เพื่อรอดูว่าพรุ่งนี้อะไรจะมาสร้างความสุขให้เรา แล้วเราจะสร้างอะไรให้คนอื่นมีความสุข

ตอนนี้เรายังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อจะเลี้ยงหมาในตอนโต ปลูกต้นไม้รอบบ้าน สร้างบ้านเป็นของตัวเอง อยู่กับหมาในทุกๆวัน แล้วก็เลี้ยงแมวด้วย

สุดท้ายนี้เรากลัวตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าด้วยค่ะ เราอายุ 18 ปีแล้ว เราไปหาจิตแพทย์ แบบไม่มีผู้ปกครองได้ไหมคะ เราไม่อยากคุยกับคนที่บ้านค่ะ

ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่