มีบางอย่างของหนังที่ชวนให้นึกถึง (500) Days of Summer (2009, มาร์ก เว็บบ์) นั่นคือน้ำเสียงการเล่าเรื่องที่ผ่านตัวละครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงคนเดียว นั่นคือฝ่ายชายผู้เป็นแกนกลางของเรื่อง ไม่ว่าจะทอม หนุ่มจืดๆ ฟังเพลงนอกกระแสที่ตกหลุมรักซัมเมอร์ ก่อนที่ความรัก -ที่เขาคิดว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ- จะจบลงอย่างไม่เป็นท่าในฤดูร้อนของสักปี หรือปาล์ม (นาย ณภัทร) สจ๊วตเจ้าเสน่ห์ที่หลงรักเพื่อนสาวของตัวเอง
และแม้แต่การเล่าเรื่องผ่านตัวละครผู้ชายที่รักนางเอกหมดหัวใจ ยังไม่อาจลดทอนพฤติกรรมน่ารำคาญมากๆ ของนางเอกได้เลย เรามีปัญหากับการ romanticize อะไรแบบนี้มาก นั่นคือการชูพฤติกรรมงี่เง่าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วทรีตมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ก็ดูพอรับได้ ("เป็นแฟนเหรอมาเช็คโทรศัพท์อะ") คือมองจากภายนอกในฐานะคนดู สิ่งที่นางเอกทำมากมายมาตลอดทั้งเรื่อง (หนังเปิดเรื่องด้วยการที่นางเอกบินตามไปจับผิดพ่อข้ามจังหวัด!) มันชวนให้ข้องใจไปหมด ไม่ต้องไปพูดถึงการเป็นเพื่อนสนิทหรือเป็นแฟนมันเลย แล้วความสัมพันธ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองมันคือลักษณะแบบ flirt กันหน่อยๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งรัก อีกคนหนึ่งมองไม่เห็นหรือไม่รับรักอย่างสนิทใจอะไรเลย ซึ่งแน่นอนว่าในอีกด้านหนึ่งมันเอื้อให้เกิดความรู้สึกว่านี่เป็นการตีความคำว่า friendzone อีกแบบ แต่พอบทมันไม่ถึง ทุกอย่างไม่เอื้อ สิ่งที่หนังเล่ามันเลยปวกเปียกพอสมควร
ดังนั้น สิ่งที่หนังใช้เยอะจริงๆ คือพลังของนักแสดงนำ โดยเฉพาะใบเฟิร์น ที่เอาตัวรอดได้อย่างสวยงามและน่ามองมากๆ ดูไปสักพักก็จูนติดว่าหนังมันขายผู้ชายมากๆ เหมือนกันนะ มันมีฉากที่ใช้ใบเฟิร์นได้แบบที่ผู้ชายอยากเห็น (ช็อต 'ลงอ่าง' นี่ใครไหวบ้าง คือแทบจะก็อปตำราวงการอาบอบนวดมาเลยมั้ง) และแน่นอนว่านาย ณภัทร ซึ่งเราว่าพอเขาอยู่ในแอดโฆษณาแล้วดูเฉิดฉายกว่านี้นะ ไม่รู้ทำไม (และก็แน่นอนว่ามีฉากขาย โคตรจะขายอีกเหมือนกัน) น่าเสียดายเหมือนกันที่มันดันทำฉากแบบหนังโรแมนติก-คอมิดี้ได้ไม่ถึงอะ ทั้งที่จังหวะเยอะมากแล้วแต่มันสร้างซีนแบบนี้ไม่ได้เลย (อ่อ อีกคนที่ชอบคือ เบสท์-ณัฐสิทธิ์ นะ พลิ้วมากๆ)
ฝากเพจหนังด้วยจ้า : )
https://www.facebook.com/llkhimll/
[Review] Friend Zone ระวัง.. สิ้นสุดทางเพื่อน: ปัญหาของการ Romanticize พฤติกรรมของตัวละครที่ทำหนังดิ่งลงเหว
และแม้แต่การเล่าเรื่องผ่านตัวละครผู้ชายที่รักนางเอกหมดหัวใจ ยังไม่อาจลดทอนพฤติกรรมน่ารำคาญมากๆ ของนางเอกได้เลย เรามีปัญหากับการ romanticize อะไรแบบนี้มาก นั่นคือการชูพฤติกรรมงี่เง่าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วทรีตมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ก็ดูพอรับได้ ("เป็นแฟนเหรอมาเช็คโทรศัพท์อะ") คือมองจากภายนอกในฐานะคนดู สิ่งที่นางเอกทำมากมายมาตลอดทั้งเรื่อง (หนังเปิดเรื่องด้วยการที่นางเอกบินตามไปจับผิดพ่อข้ามจังหวัด!) มันชวนให้ข้องใจไปหมด ไม่ต้องไปพูดถึงการเป็นเพื่อนสนิทหรือเป็นแฟนมันเลย แล้วความสัมพันธ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองมันคือลักษณะแบบ flirt กันหน่อยๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งรัก อีกคนหนึ่งมองไม่เห็นหรือไม่รับรักอย่างสนิทใจอะไรเลย ซึ่งแน่นอนว่าในอีกด้านหนึ่งมันเอื้อให้เกิดความรู้สึกว่านี่เป็นการตีความคำว่า friendzone อีกแบบ แต่พอบทมันไม่ถึง ทุกอย่างไม่เอื้อ สิ่งที่หนังเล่ามันเลยปวกเปียกพอสมควร
ดังนั้น สิ่งที่หนังใช้เยอะจริงๆ คือพลังของนักแสดงนำ โดยเฉพาะใบเฟิร์น ที่เอาตัวรอดได้อย่างสวยงามและน่ามองมากๆ ดูไปสักพักก็จูนติดว่าหนังมันขายผู้ชายมากๆ เหมือนกันนะ มันมีฉากที่ใช้ใบเฟิร์นได้แบบที่ผู้ชายอยากเห็น (ช็อต 'ลงอ่าง' นี่ใครไหวบ้าง คือแทบจะก็อปตำราวงการอาบอบนวดมาเลยมั้ง) และแน่นอนว่านาย ณภัทร ซึ่งเราว่าพอเขาอยู่ในแอดโฆษณาแล้วดูเฉิดฉายกว่านี้นะ ไม่รู้ทำไม (และก็แน่นอนว่ามีฉากขาย โคตรจะขายอีกเหมือนกัน) น่าเสียดายเหมือนกันที่มันดันทำฉากแบบหนังโรแมนติก-คอมิดี้ได้ไม่ถึงอะ ทั้งที่จังหวะเยอะมากแล้วแต่มันสร้างซีนแบบนี้ไม่ได้เลย (อ่อ อีกคนที่ชอบคือ เบสท์-ณัฐสิทธิ์ นะ พลิ้วมากๆ)
ฝากเพจหนังด้วยจ้า : ) https://www.facebook.com/llkhimll/