อินดี้ ที่อินโด.......โบรโม่ คนเดียวเที่ยวโคตรมัน ตอนที่ 1 อากุงปะทุ


อินดี้ ที่อินโด.......โบรโม่ คนเดียวเที่ยวโคตรมัน ตอนที่ 1 อากุงปะทุ
ผ่านไปเกือบปีสำหรับทริปการเดินทางไปเที่ยว ภูเขาไฟโบรโม่ ประเทศอินโดนีเซีย แบบฉายเดี่ยวหมื่นลี้(นั่นมันฉายาโจรปล้นสวาทนี่หว่า) ก่อนจะเล่าถึงการเดินทางที่โคตรสนุก เรามารู้จักโบรโม่กันก่อนนะครับ โบรโม่เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ตาย คือ ยังไม่ดับนั่นเอง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโม่เทงเกอร์เซมารู (Bromo Tengger Semeru National Park) ทางตะวันออกของเกาะชวา เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมาสัมผัสความงามสักครั้งตั้งแต่แสงอาทิตย์กระทบขอบฟ้าจนสวา่ง แน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต จริงๆตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะไป แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกเป็นเบอร์ 1 ในการเที่ยวปีที่ผ่านมา เพราะตั้งใจว่าช่วงปิดเทอมปีนี้อยากเดินทางไปแตะแผ่นดินยุโรปสักครั้ง แต่โชคชะตาไม่อำนวยด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้ตัดสินใจไปอินโดนีเชียอย่างเฉียบพลัน และเป็นทริปที่เตรียมตัวน้อยมาก คือมีเวลาไม่นานนักในการเตรียมตัว เมื่อตัดสินใจได้ก็ชวนเพื่อนๆในกลุ่มต่างๆเพื่อหาเพื่อนร่วมทาง แต่สุดท้ายไม่มีใครไปกับผม(คิดไว้แล้วว่าไม่มีใครไปกับกรูแน่) แต่ก็เป็นความอยากตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปคนเดียว (ไม่สามารถบอกอารมณ์ตอนนั้นได้จริงๆ) เมื่อตัดสินใจไปคนเดียวก็เริ่มจากการหาขอมูลต่างๆในอินเตอร์เนต หารีวิวต่างๆมากมายมาดู(เยอะจริงๆ) ซึ่งสำหรับผมช่วงเตรียมการเดินทางเนี่ยมันมากสนุกมากเหมือนกับช่วงไปเที่ยวเลย มันตื่นเต้นจากข้อมูลต่างๆที่พรั่งพรูมาในหัว รีวิวส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวแบบกลุ่ม คือซื้อไกค์พร้อมรถจิ๊บและโปรแกรมเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าจะสะดวกสบายและไม่เหนื่อยมากนัก ผมพยายามหาวิธีการไปคนเดียว พักคนเดียว เดินทางคนเดียวและเที่ยวคนเดียว ขอขอบคุณทุกท่านที่เขียนรีวิวการเที่ยวคนเดียวไว้เอาไว้ ถึงแม้จะไม่ละเอียดมากนักแต่ก็ทำให้ผมสนุกจริง ผมเริ่มต้นจากการวางโปรแกรมเที่ยวก่อน แน่นอนที่สุดว่าที่ที่อยากไปมากที่สุดคือโบรโม่ ตอนแรกจะไปแค่โบรโม่แล้วกลับเลย แต่คิดอีกที ไหนๆจะไปแล้วไปบาลีด้วยสะเลย จึงเป็นที่มาของทริปทั้งหมด คือ ทริป 7 วัน โบรโม่ 3 วัน บาลี 4 วัน หลังจากนั้นคือช่วงแห่งการวางแผนการเดินทาง ยุ่งยากที่สุดคือการหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก ซึ่งผมก็ติดกับดักตัวเองคือ ต้องได้ตั๋วถูก 55555 เพราะเงินมีน้อย ก็พยายามเปรียบเทียบหลายเว็ปมาก ทราเวลโลก้า เอ็กซ์พรีเดียร์ แอร์เอเชีย และสายการบินอื่นๆ ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการจองตั๋วเครื่องบิน เพราะเปิดเปรียบเทียบหลายๆเวปในเวลาเดียวกัน จนมาสุดที่แอร์เอเชีย ผมจองตั๋วขาไปจากดอนเมืองไปลงสนามบินสุราบายา ในวันที่ 29 มิถุนายน 2561 ออกจากดอนเมือง 10.00 น ไปต่อเครื่องที่ กัวลาลัมเปอร์ แล้วถึงไปลงสุราบายาในเวลา 18.20 น. และจองตั๋วขากลับ จากสนามบิน เดนปาซา(บาหลี) ในวันที่ 5 กรกฏาคม 2561 ผมจองผ่านเวปทราเวลโลก้า ซึ่งเป็นตั๋วของแอร์เอเซียร์นั่นหละแต่ราคาในทราเวลโลก้าดันถูกกว่า ตั๋วขากลับเป็นแบบบินตรงมาดอนเมือง ซึ่งผมต้องวางแผนการเดินทางระหว่างเมืองในอินโดนีเซียด้วย มีให้เลือก2 ทาง คือ รถไฟ+เรือ หรือ เครื่องบิน หลังจากพิจารณารายละเอียดแล้ว ก็คิดว่าจะเดินทางด้วยเครื่องบินภายในประเทศ ผลสรุปว่าได้ตั๋วบินในประเทศ จาก สุราบายาไปเดนปาซา ด้วยสายการบิน Citilink ซึ่งมารู้ทีหลังตอนก่อนขึ้นเครื่องจาก Grabcar ที่เรียกมาว่า เป็นสายการบินที่ดี 555 คือตอนแรกค่อนข้างกังวลใจว่าสภาพจะเป็นไงว่ะ สายการบินภายในประเทศของอินโดนีเชีย ตามกำหนดการคือ บินในวันที่ 2 กรกฏาคม 2561 เวลา 8.30 ซึ่งราคาตั๋วเครื่องบินก็ถูกมากคือ 800 บาท เมื่อรวมค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ แฃะในประเทศรวม 3 เที่ยวทั้งหมดแล้วผมใช้เงินไปทั้งสิ้น 6,600 บาท (แอบภูมิใจในฝีมือการจองตั๋ว) 55555 เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามาแพลนการเที่ยวแบบละเอียดเพื่อจองที่พัก ผมวางแผนไว้ว่า คืนแรกจะนอนที่ตัวเมือง สุราบายา เพราะไปถึงก็เย็นแล้ว ถ้าตรงไปโบรโมลิงโก้(ที่ตั้งภูเขาไฟ)คงไม่ทันแน่ ได้นอนข้างทางแน่นอน จึงจองที่พักในตัวเมืองสุราบายา จำชื่อไม่ได้ ราคา 341 บาท เป็นแบบโฮสเทล ก็แค่นอนจริงๆ โดยวางแผนการเดินทางไปโบรโมลิงโก้ ในเช้าวันที่ 30 เพื่อเตรียมพร้อมการเดินไปชมภูเขาไฟโบรโม่ ตอนตีสาม โดยการเดินเท้าขึ้นเขาไปกลับ 4 กิโลเมตร ในวันที่ 1 กรกฏาคม 2561 และเมื่อชมเสร็จก็จะเดินทางกลับลงมานอนที่สุราบายาอีก 1 คืน ก่อนเดินทางไป บาหลี ทริปนี้ตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องเลยทีเดียว เพราะในวันที่กำลังจะขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ก็ได้รับข่าวจากเพื่อนว่า ภูเขาไปอากุง ซึ่งอยู่ในเมืองบาหลีประทุขึ้น พ้นเถ้าถ่านขึ้นท้องฟ้า รัฐบาลประกาศปิดสนามบินเดนปาซา โดยยังไม่มีกำหนดการแน่นอน แต่ที่แน่ๆคือ วันที่ 29 นี้ ปิด1 วัน หลายคนเป็นห่วง ทั้งโทร ทั้งไลน์ ทั้งส่งข้อความมาใฃว่าจะไปได้หรือไม่ สำหรับผมคือ ยังไงก็จะไป เพราะเรายังไม่ได้ไปลงที่บาหลี เราไปสุราบายา ประเด็นคือ ถ้ามันพ่นเถ้าถ่านมากๆ สุราบายาจะปิดด้วยไหม และถ้ามันเกิดระเบิดจริงๆ จะกลับยังไง เพราะซื้อตั๋วกลับจากเดนปาซาไว้ ก็คิดแผนสำรองว่า อาจจะหาตั๋วกลับจาก สุราบายา หรือ จาร์กาตาร์ การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่นมาก ลุ้นที่สุดตอนเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เพราะไฟล์ดีเลย์ วิตกว่าหรือ สุราบายาจะปิดด้วย แล้สถ้าปิดทำไง 5555 สุดท้ายไฟล์ดีเลย์ไป 1 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งกว่าจะถึงสุราบายาก็ล่วงเลยจนมืด คือ 2 ทุ่ม ความยากคือ โรงแรมอยู่ที่ไหนหว่ัะ จะเดินทางยังไง เพราะไม่ได้ซื้อซิมและมีแอปGrab ซึ่งระหว่างเดินทางนั่งข้างกับนักศึกษาชาวมาเลเซีย คุยกันสนุกมาก เขามาเรียนเป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วจะจบการศึกษา ซึ่งเขาก็แนะนำการเดินทาง ตอนแรกจะนั่งรถเมล์เข้าเมือง แต่มันมืดเขาเลยเรียกแท็กซี่แบบเหมาให้ซึ่งราคาก็แพงพอสมควรคือ หนึ่งแสนห้าหมื่นรูปเปียด คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 350 บาท เครพอรับได้ จริงๆถ้าไม่มืดอยากจะให้เดินออกมาจากสนามบินมาด้านหน้า จะมีแท็กซี่ เรียกว่า Blue Bird จอดอยู่ ซึ่งราคจะถูกว่า เพราะใช้มิตเอตร์ รถเหมาจะแพงกว่า หรือ โหลดแอป Grab แล้วเรียก Grabcar หรือ Grabbike จะถูกกว่ามาก ผมก็นั่งไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดว่ามันจะหาเจอไหมว่ะเพราะนั่งนานมาก วนไปมา คนขับก็เริ่มโทรศัพท์คิดว่าถามทาง สุดท้ายจอดข้างทางเพื่อถาม ผมให้เอกสารการจองที่พักไป มันมีที่อยู่ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ก็ถึงที่พักคืนแรกในสุราบายา ที่พักดีมาก พนักงานใช้ภาษาอังกฤษได้ดีแนะนำการเดินทางได้ดี ถึงที่พักก็หิวมาก ผมเดินออกจากที่พักแบบ งงๆ คือไม่รู้จะไปไหน เดินไปเรื่อยๆก็ไปเจอร้านขายข้าวที่น่าจะกินได้สบายๆๆ เห็นเมนูปุ๊บ สบายละกรู ข้าวไก่ทอด รสชาตคือไก่ทอดบ้านเราเลย ราคา 35,000 รูเปียด คิดเป็นเงินไทยประมาณ 80 บาท คือเอาแค่ประทังชีวิตไปก่อน และยังไม่กล้ากินอาหารพื้นเมือง หลังจากอิ่มก็เดินกลับมาเข้าที่พัก อาบน้ำเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น วันที่จะเดินทางไปยังที่ตั้งของ ภูเขาไปโบรโม่ การเดินทางที่โดนโกงค่ารถ 55555 ซึ่งสนุกมากเช่นกัน วันนี้เอาแค่นีก่อนนะครับ จะหาเวลามาเล่าต่อสำหรับการเดินทางไปสู่ภูเขาไปโบรโม่..........สนุกมากบอกเลยอิอิ ..............โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่