ระยะหลังเทคโนโลยี “ไร้คน” ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย ทั้งด้านอำนวยความสะดวก การบริการ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ระบบคมนาคมในไม่ช้า
เช่นเดียวกับด้านความมั่นคงที่เป็นหัวหอก ในเรื่องนี้ เห็นได้จากการใช้เครื่องบินไร้คน ในสมรภูมิการรบ ยิงโจมตีเป้าหมายจากระยะไกล โดยไม่จำเป็นต้องส่งนักบินเข้าไปเผชิญความเสี่ยง
และเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ กำลังจะครอบคลุมไปยังสมรภูมิทางท้องทะเลแล้ว หลังกองทัพเรือสหรัฐฯออกแถลงความสำเร็จในการทดสอบ “เรือไร้คน” แล่นไปกลับข้ามสมุทรแปซิฟิก จากฐานทัพเรือซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สู่ฐานทัพเรือเพิร์ล ฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย รวมระยะทางเกือบ 8,400 กิโลเมตร
โครงการที่ว่านี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2559 ภายใต้ชื่อรหัส “ซี ฮันเตอร์” นักล่าแห่งท้องทะเล ชื่อเต็มว่ายานเคลื่อนที่บนพื้นผิวแบบไร้คนขนาดกลาง (MDUSV) มีบริษัทด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเลดอส ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ เป็นหัวหน้าโครงการ
เบื้องต้นสเปกของเรือดังกล่าว มีระวางอยู่ที่ 145 ตัน ขนาดความยาว 40 เมตร ความเร็วในการเคลื่อนที่ 27 นอต หรือราว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยทำการ 19,000 กิโลเมตร และเชื่อว่าจะทำภารกิจต่อเนื่องโดยไม่ต้องเติมเสบียงได้นานอย่างน้อย 30 วัน หรือนานสุด 90 วัน
สำหรับภารกิจขั้นแรก ซี ฮันเตอร์ จะดูแลด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ กวนคลื่นสัญญาณเรดาร์ของกองเรือข้าศึก โดยแต่ละลำจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลแก่กันละกัน เพื่ออัปเดตตำแหน่งที่ตั้งเป้าหมาย หรือหาข่าวสอดแนม เพื่อส่งข้อมูลไปยังกองเรือรบหลัก และแน่นอนว่าต่อไปจะมีการพัฒนาใช้เป็นหน่วยล่าสังหารเรือดำน้ำ ป่วนเรือข้าศึก ไปจนถึงกวาดทุ่นระเบิด หรือกำจัดเป้าหมายในพื้นที่ชายฝั่ง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่า เรือซี ฮันเตอร์นี้ จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน (640,000 บาท) ซึ่งประหยัดอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายเรือพิฆาต ซึ่งอยู่ที่ 700,000 ดอลลาร์ต่อวัน (22.4 ล้านบาท) และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน กองทัพเรือเล็งจะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นเรืออาวุธขนาดหนัก (LDUSV)
เป็นที่น่าสนใจว่า ในช่วงกลางปี 2561 จีนได้โชว์ศักยภาพระบบเรือไร้คนเช่นกัน โดยแสดงการแล่นเรือพร้อมๆกัน 56 ลำเป็นรูปขบวน ในพื้นที่เกาะว่านซาน ในทะเลจีนใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์ความมั่นคงกังวลว่า “โดรนฝูงฉลามของจีน” สามารถต่อยอดไปใช้ด้านความมั่นคง และกลายเป็นอาวุธชั้นดีในศึกยุทธนาวี.
ที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1494091
โดรนเรือรบสหรัฐฯ
ระยะหลังเทคโนโลยี “ไร้คน” ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย ทั้งด้านอำนวยความสะดวก การบริการ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ระบบคมนาคมในไม่ช้า
เช่นเดียวกับด้านความมั่นคงที่เป็นหัวหอก ในเรื่องนี้ เห็นได้จากการใช้เครื่องบินไร้คน ในสมรภูมิการรบ ยิงโจมตีเป้าหมายจากระยะไกล โดยไม่จำเป็นต้องส่งนักบินเข้าไปเผชิญความเสี่ยง
และเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ กำลังจะครอบคลุมไปยังสมรภูมิทางท้องทะเลแล้ว หลังกองทัพเรือสหรัฐฯออกแถลงความสำเร็จในการทดสอบ “เรือไร้คน” แล่นไปกลับข้ามสมุทรแปซิฟิก จากฐานทัพเรือซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สู่ฐานทัพเรือเพิร์ล ฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย รวมระยะทางเกือบ 8,400 กิโลเมตร
โครงการที่ว่านี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2559 ภายใต้ชื่อรหัส “ซี ฮันเตอร์” นักล่าแห่งท้องทะเล ชื่อเต็มว่ายานเคลื่อนที่บนพื้นผิวแบบไร้คนขนาดกลาง (MDUSV) มีบริษัทด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเลดอส ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ เป็นหัวหน้าโครงการ
เบื้องต้นสเปกของเรือดังกล่าว มีระวางอยู่ที่ 145 ตัน ขนาดความยาว 40 เมตร ความเร็วในการเคลื่อนที่ 27 นอต หรือราว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยทำการ 19,000 กิโลเมตร และเชื่อว่าจะทำภารกิจต่อเนื่องโดยไม่ต้องเติมเสบียงได้นานอย่างน้อย 30 วัน หรือนานสุด 90 วัน
สำหรับภารกิจขั้นแรก ซี ฮันเตอร์ จะดูแลด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ กวนคลื่นสัญญาณเรดาร์ของกองเรือข้าศึก โดยแต่ละลำจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลแก่กันละกัน เพื่ออัปเดตตำแหน่งที่ตั้งเป้าหมาย หรือหาข่าวสอดแนม เพื่อส่งข้อมูลไปยังกองเรือรบหลัก และแน่นอนว่าต่อไปจะมีการพัฒนาใช้เป็นหน่วยล่าสังหารเรือดำน้ำ ป่วนเรือข้าศึก ไปจนถึงกวาดทุ่นระเบิด หรือกำจัดเป้าหมายในพื้นที่ชายฝั่ง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่า เรือซี ฮันเตอร์นี้ จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน (640,000 บาท) ซึ่งประหยัดอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายเรือพิฆาต ซึ่งอยู่ที่ 700,000 ดอลลาร์ต่อวัน (22.4 ล้านบาท) และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน กองทัพเรือเล็งจะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นเรืออาวุธขนาดหนัก (LDUSV)
เป็นที่น่าสนใจว่า ในช่วงกลางปี 2561 จีนได้โชว์ศักยภาพระบบเรือไร้คนเช่นกัน โดยแสดงการแล่นเรือพร้อมๆกัน 56 ลำเป็นรูปขบวน ในพื้นที่เกาะว่านซาน ในทะเลจีนใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์ความมั่นคงกังวลว่า “โดรนฝูงฉลามของจีน” สามารถต่อยอดไปใช้ด้านความมั่นคง และกลายเป็นอาวุธชั้นดีในศึกยุทธนาวี.
ที่มา https://www.thairath.co.th/content/1494091