สวัสดีครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมเปิดโรงแรมเล็กๆอยู่ที่เชียงใหม่ ใช้บริการเครื่อง EDC (เครื่องรูดบัตรเครดิต)ของธนาคารสีน้ำเงิน
คนที่ทำธุรกิจโรงแรมจะเข้าใจดีว่าเรื่องของระบบ Key-in (การรูดบัตรของลูกค้าแบบไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง ใช้เพียงแค่ หมายเลขหน้าบัตรกับวันเดือนปีหมดอายุของบัตร) มันมีความจำเป็นกับการทำธุรกิจโรงแรมมาก ซึ่งค่าธรรมเนียมการรูดก็จะ"มากกว่าการรูดแบบปกติ" และหากต้องการใช้บริการระบบ Key-in ต้องมีการฝากFIXไว้ที่ "สองแสนบาท"
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 61 ที่ผ่านมามีลูกค้าคนจีนจองห้องผ่าน booking.com โดยการจองนี้ได้ผูกไว้กับบัตร union pay การจองนี้เป็นการจองแบบ non-refund นั่นหมายความว่าทางโรงแรมสามารถชาร์จเงินได้เต็มจำนวนตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าจองห้อง ผมได้แจ้งกับลูกค้าว่าโรงแรมไม่สามารถชาร์จเงินผ่านบัตรที่ลูกคัาให้มาได้เพราะเครื่องรูดบัตรไม่รองรับ (รองรับแค่ Visa Master card ไม่รองรับ union pay) ลูกค้าจึงยกเลิกการจองเดิมแล้วทำการจองใหม่โดยใช้ชื่อจองใหม่ใช้บัตรใบใหม่ แล้วโทรสายตรงมาจากเมืองจีนว่า ได้ยืมบัตรของเพื่อนที่เป็นบัตร VISA มาโรงแรมสามารถชาร์จค่าห้องจากบัตรนี้ได้เลย อ่านมาถึงตรงนี้อาจสงสัยว่าทำไมมันดูวุ่นวาย ลูกค้าอ้างว่าไม่อยากนำบัตรเครดิตใดใดมาเมืองไทยเพราะไม่ปลอดภัยเลยต้องการที่จะจ่ายค่าห้องทั้งหมดตอนที่ยังไม่เดินทางนี่แหละ ค่าห้องทั้งหมดรวมเป็นเงินอยู่ที่ 7,884.00บาท
ลูกค้ามาพักตามปกติ ผมcopy passport ลูกค้าทั้งสองคน ผมให้ลูกค้าเซ็นสลิปที่ได้มาจากการรูดบัตรแบบ key-in ลูกค้าไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยระหว่างการเข้าพัก ลูกค้าเป็นแม่ลูกชาวจีน เข้าพักอยู่ทั้งหมด 4 คืน
วันที่ 10 มกราคม 62 มีอีเมลล์มาจากธนาคารเจ้าของเครื่องรูดบัตร แจ้งว่าลูกค้าเจ้าของบัตรปฏิเสธการจ่ายเงิน ธนาคารต้องการเอกสารยืนยันการเข้าพัก ใบเสร็จบัตรเครดิต ผมก็ส่งเอกสารให้ทั้งหมดว่าลูกค้ามีการเข้าพักจริง
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 62 มีอีเมลล์มาจากธนาคารอีกครั้งแจ้งว่า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เนื่องด้วยธนาคารได้รับการปฏิเสธรายการจากธนาคารผู้ออกบัตรครั้งที่ 2 โดยผู้ถือบัตรยังคงปฏิเสธรายการเรียกเก็บเงินของโรงแรม จำนวนเงิน 7.884.00 บาท
ธนาคารได้พยายามชี้แจงและส่งเอกสารที่ได้รับจากโรงแรมโต้แย้งรายการกลับไปที่ธนาคารผู้ออกบัตรแล้ว แต่ผู้ถือบัตรยังคงยืนยันปฏิเสธรายการด้วยเหตุผลเดิมว่า ผู้ถือบัตรไม่เคยทำการจองห้องพักหรือไม่เคยใช้บริการที่โรงแรมและไม่เคยอนุญาตให้บุคคลใดทำรายการจองห้องพัก อีกทั้งผู้ถือบัตรยืนยันว่า ไม่เคยยินยอมให้โรงแรมเรียกเก็บรายการผ่านบัตรเครดิต
ธนาคารขอเรียนชี้แจงว่า รายการนี้เป็นรายการ FRAUD ร้านเสียเปรียบในการโต้แย้ง เนื่องจาก
- เป็นรายการ MAIL ORDER ผู้ถือบัตรจองผ่าน www.booking.com ซึ่งไม่มีการ Verify บัตร
- เป็นรายการ KEY-IN ไม่มีการรูดบัตรทำรายการผ่านเครื่อง EDC (CARD NOT PRESENT) ซึ่งโรงแรมและธนาคารเองไม่ทราบได้ว่า บัตรที่นำมาทำรายการจองห้องพักเป็นรายการที่ทำโดยผู้ถือบัตรตัวจริงหรือไม่
- หมายเลขบัตร 4557-01xx-xxxx-7202 ออกโดยธนาคาร National Australia Bank Limited ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของผู้เข้าพัก
ตามกฎของ Visa/MasterCard กรณีผู้ถือบัตรปฏิเสธว่าไม่ได้ทำรายการ (Fraud)
· หากเป็นการรายการที่รูดผ่านแถบแม่เหล็ก หรือ เสียบบัตรเพื่ออ่าน Chip ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบรายการที่เกิดขึ้น (โดยใช้ลายเซ็นต์บน SALES SLIP เป็นเอกสารโต้แย้งรายการ๗
ในทางกลับกัน หากเป็นรายการที่ Key-in ผ่านเครื่อง EDC ร้านค้าจะต้องรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ตามที่ธนาคารได้แจ้งให้ทราบเบื้องต้นแล้วว่า รายการนี้โรงแรมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ การที่โรงแรมเรียกเก็บรายการที่บัตรเครดิตแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ถือบัตรเครดิตตัวจริงเป็นผู้ทำรายการและให้ความยินยอมในการเรียกเก็บรายการผ่านบัตรเครดิตนั้น ถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎของสถาบันผู้ออกบัตร
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ธนาคารพิจารณาแล้ว เห็นควรยุติการโต้แย้งรายการและขอตัดบัญชีของโรงแรม จำนวนเงิน 7.884.00 บาท ภายในวันที่ 19/02/2019
ทั้งนี้ หากโรงแรมมีความประสงค์จะให้ธนาคารโต้แย้งรายการต่อ โปรดลงนามในหนังสือให้ความยินยอมรับผิดชอบค่าปรับจากสถาบันผู้ออกบัตร ตามเอกสาร VISA-Merch Accpt CASE NO.1910045และส่งหนังสือให้ธนาคาร ภายในวันที่ 19/02/2019 หากธนาคารไม่ได้รับหนังสือจากท่านภายในวันที่กำหนด ธนาคารจะถือว่าท่านได้ยอมรับรายการและยินยอมให้ธนาคารตัดบัญชีของโรงแรมตามวันที่แจ้งให้ทราบแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ธนาคารขอขอบคุณที่ท่านให้ความร่วมมือที่ดีเสมอมา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แปลได้ง่ายๆว่า
-เจ้าของบัตรไม่ยอมรับว่าได้มีรายการชำระเงินกับโรงแรม และไม่เคยให้ใครยืมบัตร
-ธนาคารโยนความผิดส่วนหนึ่งให้ booking.com
-ด้วยเหตุผลนานับประการที่ธนาคารได้กล่าวอ้างมา โรงแรมคือฝ่ายเสียเปรียบ
-ผมโทรไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นความเสี่ยงที่โรงแรมต้องยอมรับ
ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ให้ลูกค้ามารูดบัตรที่โรงแรมไม่ต้องใช้ระบบ key-in
-ทางธนาคารตัดสินใจให้เรียบร้อยว่า ทางโรงแรมต้องคืนเงินให้กับลูกค้า เต็มจำนวน
-หากต้องการโต้แย้งต่อจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการโต้แย้ง 500USD แน่นอนว่าโรงแรมต้องเป็นคนจ่าย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทราบว่า ทางธนาคารเข้าข้างเจ้าของบัตรแบบ 100% โดยไม่ได้การสืบข้อเท็จจริงจากทางโรงแรมเลย เอกสารที่ขอจากโรงแรมไปพอเจ้าของบัตรปฏิเสธเอกสารก็ไร้ความหมาย ไม่มีการสืบค้นข้อเท็จจริงใดใด เนื้อหาจากอีเมลล์คือ "ก็ลูกค้าปฏิเสธให้ทำไงอ่ะ โรงแรมก็จ่ายละกัน ถ้าจะเถียงต่อก็จ่ายค่าดำเนินการเองด้วยนะอีก 500เหรียญ ก็ประมาณอีกหมื่นกว่าบาทหนะ" อ้างแค่ว่า บัตรไม่ตรงกับผู้เข้าพักซึ่งก็บอกแต่แรกแล้วว่าได้พูดคุยทางโทรศัพท์ทางลูกค้าบอกว่ายืมบัตรเพื่อนมารูดแทน แต่เหมือนพยายามแค่จะปัดปัญหาไปให้จบจบแค่นั้นพอ
นี่คือ ธนาคารสีน้ำเงิน ธนาคารใหญ่ระดับประเทศแต่มีความสามาราถในการแก้ปัญหาได้เพียงแค่นี้
ปล.ทีหลังถ้าใครอยากไปพักโรงแรมฟรีให้ยืมบัตรเพื่อนนะครับ พอถึงเวลาก็ให้ปฏิเสธการจ่ายซะ ง่ายๆ
***แก้ไขเพิ่มเติม*** เลขบัตรเครดิตที่ลูกค้าแจ้งว่ายืมบัตรเพื่อนมานั้น ถูกระบุใช้ในการจองห้องพักโดยตรงกับ booking.com ผมไม่ได้เลขบัตรมาจากอีเมลล์หรือทางโทรศัพท์ ซึ่ง100%ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชาร์จบัตรเครดิตที่ได้เลขบัตรมาจาก booing.com เลยเพิ่งมีกรณีนี้เป็นกรณีแรก
ธนาคารสีน้ำเงินกับการโยนภาระให้ลูกค้าเครื่องรูดบัตร
เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมเปิดโรงแรมเล็กๆอยู่ที่เชียงใหม่ ใช้บริการเครื่อง EDC (เครื่องรูดบัตรเครดิต)ของธนาคารสีน้ำเงิน
คนที่ทำธุรกิจโรงแรมจะเข้าใจดีว่าเรื่องของระบบ Key-in (การรูดบัตรของลูกค้าแบบไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง ใช้เพียงแค่ หมายเลขหน้าบัตรกับวันเดือนปีหมดอายุของบัตร) มันมีความจำเป็นกับการทำธุรกิจโรงแรมมาก ซึ่งค่าธรรมเนียมการรูดก็จะ"มากกว่าการรูดแบบปกติ" และหากต้องการใช้บริการระบบ Key-in ต้องมีการฝากFIXไว้ที่ "สองแสนบาท"
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 61 ที่ผ่านมามีลูกค้าคนจีนจองห้องผ่าน booking.com โดยการจองนี้ได้ผูกไว้กับบัตร union pay การจองนี้เป็นการจองแบบ non-refund นั่นหมายความว่าทางโรงแรมสามารถชาร์จเงินได้เต็มจำนวนตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าจองห้อง ผมได้แจ้งกับลูกค้าว่าโรงแรมไม่สามารถชาร์จเงินผ่านบัตรที่ลูกคัาให้มาได้เพราะเครื่องรูดบัตรไม่รองรับ (รองรับแค่ Visa Master card ไม่รองรับ union pay) ลูกค้าจึงยกเลิกการจองเดิมแล้วทำการจองใหม่โดยใช้ชื่อจองใหม่ใช้บัตรใบใหม่ แล้วโทรสายตรงมาจากเมืองจีนว่า ได้ยืมบัตรของเพื่อนที่เป็นบัตร VISA มาโรงแรมสามารถชาร์จค่าห้องจากบัตรนี้ได้เลย อ่านมาถึงตรงนี้อาจสงสัยว่าทำไมมันดูวุ่นวาย ลูกค้าอ้างว่าไม่อยากนำบัตรเครดิตใดใดมาเมืองไทยเพราะไม่ปลอดภัยเลยต้องการที่จะจ่ายค่าห้องทั้งหมดตอนที่ยังไม่เดินทางนี่แหละ ค่าห้องทั้งหมดรวมเป็นเงินอยู่ที่ 7,884.00บาท
ลูกค้ามาพักตามปกติ ผมcopy passport ลูกค้าทั้งสองคน ผมให้ลูกค้าเซ็นสลิปที่ได้มาจากการรูดบัตรแบบ key-in ลูกค้าไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยระหว่างการเข้าพัก ลูกค้าเป็นแม่ลูกชาวจีน เข้าพักอยู่ทั้งหมด 4 คืน
วันที่ 10 มกราคม 62 มีอีเมลล์มาจากธนาคารเจ้าของเครื่องรูดบัตร แจ้งว่าลูกค้าเจ้าของบัตรปฏิเสธการจ่ายเงิน ธนาคารต้องการเอกสารยืนยันการเข้าพัก ใบเสร็จบัตรเครดิต ผมก็ส่งเอกสารให้ทั้งหมดว่าลูกค้ามีการเข้าพักจริง
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 62 มีอีเมลล์มาจากธนาคารอีกครั้งแจ้งว่า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เนื่องด้วยธนาคารได้รับการปฏิเสธรายการจากธนาคารผู้ออกบัตรครั้งที่ 2 โดยผู้ถือบัตรยังคงปฏิเสธรายการเรียกเก็บเงินของโรงแรม จำนวนเงิน 7.884.00 บาท
ธนาคารได้พยายามชี้แจงและส่งเอกสารที่ได้รับจากโรงแรมโต้แย้งรายการกลับไปที่ธนาคารผู้ออกบัตรแล้ว แต่ผู้ถือบัตรยังคงยืนยันปฏิเสธรายการด้วยเหตุผลเดิมว่า ผู้ถือบัตรไม่เคยทำการจองห้องพักหรือไม่เคยใช้บริการที่โรงแรมและไม่เคยอนุญาตให้บุคคลใดทำรายการจองห้องพัก อีกทั้งผู้ถือบัตรยืนยันว่า ไม่เคยยินยอมให้โรงแรมเรียกเก็บรายการผ่านบัตรเครดิต
ธนาคารขอเรียนชี้แจงว่า รายการนี้เป็นรายการ FRAUD ร้านเสียเปรียบในการโต้แย้ง เนื่องจาก
- เป็นรายการ MAIL ORDER ผู้ถือบัตรจองผ่าน www.booking.com ซึ่งไม่มีการ Verify บัตร
- เป็นรายการ KEY-IN ไม่มีการรูดบัตรทำรายการผ่านเครื่อง EDC (CARD NOT PRESENT) ซึ่งโรงแรมและธนาคารเองไม่ทราบได้ว่า บัตรที่นำมาทำรายการจองห้องพักเป็นรายการที่ทำโดยผู้ถือบัตรตัวจริงหรือไม่
- หมายเลขบัตร 4557-01xx-xxxx-7202 ออกโดยธนาคาร National Australia Bank Limited ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลของผู้เข้าพัก
ตามกฎของ Visa/MasterCard กรณีผู้ถือบัตรปฏิเสธว่าไม่ได้ทำรายการ (Fraud)
· หากเป็นการรายการที่รูดผ่านแถบแม่เหล็ก หรือ เสียบบัตรเพื่ออ่าน Chip ผู้ถือบัตรจะต้องรับผิดชอบรายการที่เกิดขึ้น (โดยใช้ลายเซ็นต์บน SALES SLIP เป็นเอกสารโต้แย้งรายการ๗
ในทางกลับกัน หากเป็นรายการที่ Key-in ผ่านเครื่อง EDC ร้านค้าจะต้องรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ตามที่ธนาคารได้แจ้งให้ทราบเบื้องต้นแล้วว่า รายการนี้โรงแรมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ การที่โรงแรมเรียกเก็บรายการที่บัตรเครดิตแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ถือบัตรเครดิตตัวจริงเป็นผู้ทำรายการและให้ความยินยอมในการเรียกเก็บรายการผ่านบัตรเครดิตนั้น ถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎของสถาบันผู้ออกบัตร
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ธนาคารพิจารณาแล้ว เห็นควรยุติการโต้แย้งรายการและขอตัดบัญชีของโรงแรม จำนวนเงิน 7.884.00 บาท ภายในวันที่ 19/02/2019
ทั้งนี้ หากโรงแรมมีความประสงค์จะให้ธนาคารโต้แย้งรายการต่อ โปรดลงนามในหนังสือให้ความยินยอมรับผิดชอบค่าปรับจากสถาบันผู้ออกบัตร ตามเอกสาร VISA-Merch Accpt CASE NO.1910045และส่งหนังสือให้ธนาคาร ภายในวันที่ 19/02/2019 หากธนาคารไม่ได้รับหนังสือจากท่านภายในวันที่กำหนด ธนาคารจะถือว่าท่านได้ยอมรับรายการและยินยอมให้ธนาคารตัดบัญชีของโรงแรมตามวันที่แจ้งให้ทราบแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ธนาคารขอขอบคุณที่ท่านให้ความร่วมมือที่ดีเสมอมา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-เจ้าของบัตรไม่ยอมรับว่าได้มีรายการชำระเงินกับโรงแรม และไม่เคยให้ใครยืมบัตร
-ธนาคารโยนความผิดส่วนหนึ่งให้ booking.com
-ด้วยเหตุผลนานับประการที่ธนาคารได้กล่าวอ้างมา โรงแรมคือฝ่ายเสียเปรียบ
-ผมโทรไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่า เป็นความเสี่ยงที่โรงแรมต้องยอมรับ
ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ให้ลูกค้ามารูดบัตรที่โรงแรมไม่ต้องใช้ระบบ key-in
-ทางธนาคารตัดสินใจให้เรียบร้อยว่า ทางโรงแรมต้องคืนเงินให้กับลูกค้า เต็มจำนวน
-หากต้องการโต้แย้งต่อจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการโต้แย้ง 500USD แน่นอนว่าโรงแรมต้องเป็นคนจ่าย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทราบว่า ทางธนาคารเข้าข้างเจ้าของบัตรแบบ 100% โดยไม่ได้การสืบข้อเท็จจริงจากทางโรงแรมเลย เอกสารที่ขอจากโรงแรมไปพอเจ้าของบัตรปฏิเสธเอกสารก็ไร้ความหมาย ไม่มีการสืบค้นข้อเท็จจริงใดใด เนื้อหาจากอีเมลล์คือ "ก็ลูกค้าปฏิเสธให้ทำไงอ่ะ โรงแรมก็จ่ายละกัน ถ้าจะเถียงต่อก็จ่ายค่าดำเนินการเองด้วยนะอีก 500เหรียญ ก็ประมาณอีกหมื่นกว่าบาทหนะ" อ้างแค่ว่า บัตรไม่ตรงกับผู้เข้าพักซึ่งก็บอกแต่แรกแล้วว่าได้พูดคุยทางโทรศัพท์ทางลูกค้าบอกว่ายืมบัตรเพื่อนมารูดแทน แต่เหมือนพยายามแค่จะปัดปัญหาไปให้จบจบแค่นั้นพอ
นี่คือ ธนาคารสีน้ำเงิน ธนาคารใหญ่ระดับประเทศแต่มีความสามาราถในการแก้ปัญหาได้เพียงแค่นี้
ปล.ทีหลังถ้าใครอยากไปพักโรงแรมฟรีให้ยืมบัตรเพื่อนนะครับ พอถึงเวลาก็ให้ปฏิเสธการจ่ายซะ ง่ายๆ
***แก้ไขเพิ่มเติม*** เลขบัตรเครดิตที่ลูกค้าแจ้งว่ายืมบัตรเพื่อนมานั้น ถูกระบุใช้ในการจองห้องพักโดยตรงกับ booking.com ผมไม่ได้เลขบัตรมาจากอีเมลล์หรือทางโทรศัพท์ ซึ่ง100%ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชาร์จบัตรเครดิตที่ได้เลขบัตรมาจาก booing.com เลยเพิ่งมีกรณีนี้เป็นกรณีแรก