สวัสดีครับ ผมจะมาเล่าประสบการณ์สุดไม่ประทับใจของไกด์นำเที่ยว ของบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง
เรื่องมันมีอยู่ว่า พี่สาวผมได้จองตั๋วเครื่องบิน ทัวร์เกาหลี ซึ่งผมกับพี่ดูหลายๆทัวร์แล้วว่า มันไปน้อยสถานที่
และมาเจอโปรแกรมของบริษัทนี้ เห็นว่า มันคุ้มดี ในราคา 16,900 ต่อคน มันไปหลายที่อยู่ เลยตัดสินใจทำการจอง กับเอเจนซี่รายหนึ่ง ซึ่งหลังจากจองโอนเงินค่าทัวร์ทั้งหมดเป็นเงิน 33,800 จำนวน สองคน ผมกับแฟน (พี่สาวจองให้ผมกับแฟน พี่สาวไม่ได้ไปด้วย) หลังจากนั้นประมาณ 5 วัน ผมได้ วันนัดรวมตัวลูกทัวร์ เป็นวันที่ 20 มค.62 เวลา 21.30 เป็นการเช็ครายชื่อลูกทัวร์ พอถึงผมก็รีบเข้าไปเช็คชื่อ กับคนที่มารับลูกทัวร์เป็นพนักงาน 2 คน ชายและหญิง และผมได้กรอกเอกสาร ที่บริษัททัวร์ให้กรอก พอกรอกเสร็จสรรพ ทางบริษัททัวร์ แจ้งมาว่า จะมาค่าไกด์ เป็นเงินจำนวน 40,000 วอน ประมาณ 1,100-1,200 โดยประมาณ ผมเลยจ่ายไป ด้วยความที่ผมเดินทางต่างประเทศครั้งแรกและไปกับทัวร์ด้วย ผมเลยไม่ทราบแน่ชัดว่า เงินค่าไกด์ ต้องเก็บตั้งแต่ก่อนบินหรือไปถึงที่หมายแล้วถึงต้องจ่าย ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้อะไร ด้วยความไม่รู้ ก็จ่ายครบแล้วนั่งรอ ก่อนที่จะไปรอ ทางพนักงาน 2 คน ได้บอกว่า ให้นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพอใกล้เวลาจะไปโหลดกระเป๋า เดี๋ยวพี่จะเรียกเราอีกที ซึ่งผมกับแฟนก็นั่ง อยู่ตรงที่นั่งรอ ด้านหน้าพนักงานของทัวร์ เคาว์เตอร์ F ประตู 4 เท่าที่จำได้ และพอมีลูกทัวร์คนอื่นๆเริ่มเข้ามาเยอะขึ้น ปรากฎว่า พนักงานได้ให้ลูกทัวร์คนอื่นๆไปโหลดกระเป๋า ซึ่งไปกันเกือบหมดแล้ว ซึ่งผมกับแฟนก็เลยมองหน้าด้วยความงง และคุยกันว่า อ่าว คือ จะให้ไปไหนก็ไม่มีมาเรียก ไม่แนะนำอะไรเลย
ผมก็กลัวหลงครับ เรื่องของเรื่อง ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ คือเหมือนเขามองไม่เห็นผมกับแฟนเลยในสายตา ณ ตอนนั้น ซึ่งอาจจะคิดว่า ลูกทัวร์ทยอยไปกันหมดแล้ว หลังจากที่โหลดกระเป๋าเสร็จแล้ว ผมกับแฟน ก็ถามพนักงานรับทัวร์ว่า "ขอโทษนะครับ เสร็จจากตรงนี้แล้ว ต้องทำอะไรต่อไหมครับ" พงนทัวร์ก็บอกว่า เดี๋ยวจะมีการตรวจร่างกายด้านบน เดี๋ยวรอลูกทัวร์ครบก่อน แต่ก็ไม่ได้บอกผมเลยว่า จะต้องขึ้นไปตรงไหน ผมก็เลยลองเดินหาดูเพื่อสำรวจ ปรากฎว่าผมหลงครับ ผมหาทางที่ตรวจร่างกายไม่เจอ ผมเลยเดินลงมา จากอีกทางนึง ปรากฎว่า หนังาน ผู้ชายของทัวร์เดินมาหาผมกับแฟนด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตกใจ "น้องครับ เดี๋ยวน้องสองคนรีบขึ้นไปตรวจร่างกายเลยนะครับ เมื่อสักครู่นี้ พี่เห็น กรมแรงงานเดินตรวจอยู่แถวนี้ พอดีพี่เห็นจังหวัดเกิดของน้องผู้หญิง มันเป็นจังหวัดสีแดง (จังหวัดสีแดงที่เขากล่าวคือ จังหวัดที่ มีคดีหนีไปทำงาน) แฟนผมคนกาฬสินธุ์ ผมกับแฟนก็งงและตกใจใหญ่เลยที่นี้ กลัวว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวครับ หลังจากที่ตรวจอะไรเสร็จสรรพ ก็เข้าไปรอที่ Gate F3 เวลาบิน 01.30 นของเช้าวันที่ 21 ซึ่ง ใช้เวลารอเครื่อง นานพอสมควรครับ ผมก็นั่งรอกับลูกทัวร์คนอื่นๆ อย่างปกติ (จริงๆในกระเป๋าผมมีใบรับรอง การทำงานที่บริษัทที่ผมทำอยู่ มีหลักฐานครบในการยืนยัน กรณี ตม.เรียกตรวจ)
ประมาณอีก ครึ่งชั่วโมง ก่อนจะขึ้นเครื่อง ผมก็นั่งรอด้านล่างกับลูกทัวร์อื่นๆ ตอนนี้ผมเห็นไกด์นำเที่ยวของผมละ เป็นผู้หญิง วัย 35-40 ได้ เขาก็เดินทักทาย ลูกทัวร์แทบทุกบ้านเลยก็ว่าได้ ยกเว้นผมกับแฟน ซึ่งเขาก็มองมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมกับแฟนเลยคุยกันว่า คนนี้แหละ ไกด์เรา หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องปกติ สายการบินหนึ่ง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันที่ผมจองมา มันราคาแพงหรือถูกสำหรับทัวร์เกาหลี เลยได้เครื่องบิน ชั้นประหยัด เดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง ไม่มีทีวีให้ดู ไม่มีผ้าห่มให้ ไม่มีอาหารบนเครื่อง(นอกจากน้ำเปล่า) ถ้าจะกินอาหารอื่น ต้องสั่งและจ่ายเงิน ผมกับแฟนก็พักผ่อนปกติ แต่เหยียดขาไม่ได้เลย ปวดขาปวดก้นไปหมด พอถึงสนามบิน ผมก็เดินตามลูกทัวร์ไป เกาะกลุ่มกันไว้จะได้รู้ว่ามาด้วยกันนะ และไกด์ก็เดินนำไปรอข้างหน้า เพื่อที่จะชี้แจงรายระเอียด ว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง สำหรับการผ่าน ตม.และรับกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไหน ซึ่งผมกับแฟนก็เดินไปทีหลังเล็กน้อย เพราะไกด์นำไปก่อนและบอกกับลูกทัวร์บางส่วนแล้ว ผมกับแฟนไปถึงไกด์พอดี ไกด์ได้ถามว่าใครมีอะไรสงสัยตรงไหนไหม ซึ่งแฟนผมก็ถามว่า "แล้วจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ไหนคะ" ไกด์ตอบมาว่า "ก็ตรงที่โหลดกระเป๋าแหละค่ะ" คือด้วยน้ำเสียง ที่ผมคิดว่า เห้ย เรามาทัวร์กับคุณนะ คุณคุยกับลูกทัวร์แบบนี้ได้ด้วยหรอ หลังจากนั้น แฟนผมเริ่มไม่พอใจ หลังจากที่ผ่าน ตม.ได้แล้ว ก็ไปเอากระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทางไกด์ก็เรียกให้ไปรวมตัวก่อนขึ้นรถบัส ซึ่งผมก็กับ ก็เดินไปรอในกลุ่มด้วย สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ่น
ไกด์เดินมาถามผมกับแฟนว่า "น้องได้ไปทัวร์กับพี่ปะ" มองหน้ากัน และหันไปถามไกด์ "อะไรนะครับ" ไกด์พูดมาต่อคำว่า "พอดีทางเอเจน เขาแทงมาว่า น้องสองคน จะมีคนมารับที่สนามบิน เขาแทงมาว่า น้องสองคนมาทำงาน ไม่ได้มาทัวร์กับพี่" ผมกับแฟนอึ้งกันอีกรอบ ผมก็หาหลักฐานการจองมา ว่า เนี่ยผมจองมาทัวร์ นี้ มาท่องเที่ยว ไม่ได้มาทำงาน มีหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งไกด์ก็ยังย้ำอีกว่า "ไปทัวร์กับพี่จริงเปล่า ในรายชื่อพี่มันไม่มีเราสองคนนะ" ผมเลยโทรหาพี่สาว ที่ไทย พี่สาวผมเลยขอสายคุยกับไกด์ (ซึ่งตอนนี้พี่สาวผม ไม่พอใจมาก ว่ามากล่าวหากันแบบนี้ได้ยังไง พี่สาวเขาเป็นห่วง กลัวชื่อมันจะติด ตม. และมันจะมีปัญหาใหญ่เลย ถ้าถูกแจ้งว่ามาทำงาน) พี่สาวผมเลยโทรไปถามกับเอเจนซี่ ที่ซื้อทัวร์มา ทางเอเจนซี่ก็แจ้งว่า ไม่ได้แจ้งไปทางทัวร์เลยนะว่า ลูกค้าซื้อทัวร์เพื่อไปทำงาน พอพี่สาวผมคุยกับเอเจนซี่เสร็จสรรพ ทางไกด์ก็เดินมาอีก และบอกว่า " เนี่ย เราสองคนไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในทัวร์พี่ ห้องพี่ก็จองพอดี รถบัสพี่ก็จองที่นั่งพอดี ห้องพักพี่ก็ต้องซื้อเพิ่มให้เรา พี่ต้องจัดการอะไรให้เราสองคนใหม่" คือจริงๆ เหมือนคำพูด และสีหน้า ไกด์ตอนนั้น เหมือนผมไปฟรี ชิงโชคได้ เหมือนไม่อยากจะมองหน้าผมกับแฟนด้วยซ้ำ หลังจากขึ้นรถ ยังวนมาถามอีก "น้องไปทัวร์กับพี่จริงๆใช่ไหม ขากลับ กลับกับพี่ใช่ไหม" ผมกับแฟนก็ตอบว่า ไปทัวร์ ก็กลับด้วยกันกับพี่นี่แหละ แต่รู้ไหมครับ ไกด์ถามจนคนในรถบัสหันมอง ผมกับแฟน ซึ่งผมกับแฟนกลายเป็นแกะดำบนรถไปเลย ด้วยสายตาที่มอง เหมือนพวกนอกคอกยังไง ยังงั้น หลังจากรถเดินทางสักพัก ก็ได้แวะกินข้าว ที่ร้านนึง อารมณ์เหมือนชาบู ผมเป็นเศษที่ไม่ลงตัว เพราะบ้านอื่นเขามาเป็น กลุ่มครอบครัว ทางไกด์เลยให้ผมกับแฟน ไปนั่งกับครอบครัวหนึ่ง ตอนแรกผมกับแฟนก็เกร็งครับ เพราะพวกพี่เขาก็แปลกหน้า ไม่เคยได้คุยกัน มานั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ก็เกร็งครับ เพราะหลังจากที่ไกด์ ถามเหมือนผมหนีมาทำงานแล้วเนี่ย สายตาคนมอง และเหมือน จะไม่อยากพูดคุยและเข้าใกล้ผมกับแฟนเลย แต่พี่ครอบครัว ที่ผมไปนั่งด้วย
พี่เขาชวนคุยครับ พี่เขาน่ารักกันทั้งบ้านเลย หลังจากนั้นเดินทางต่อ ขณะเดินทาง ไกด์ก็พูดคุยกับลูกทัวร์ เรื่องโปรแกรม ที่จะไปต่อก็คือ ตกปลาหิมะ แต่ถ้าใครอยากตก จะมีการเก็บเงิน ค่าเบ็ด ค่าลงไปตก อะไรสักอย่าง แต่ไกด์จะขอเก็บเงินเลย ด้วยให้คำตอบที่ว่า จะได้ให้ผู้ช่วย (คนเกาหลี) ไปซื้อให้ทีเดียว (พี่คนนึง นั่งเบาะใกล้ๆผมเขาพูดว่า) "ขอลงไปดูก่อนได้ไหม ว่าจะน่าลงไปไหม จะยังไม่จ่ายเงินค่าซื้อบัตรเข้าไปตก ขอเดินดูวนๆก่อน" ทางไกด์ก็บอกว่า "ซื้อเลยพี่ จะได้ให้ผู้ช่วยเขา ลงไปซื้อ เดี๋ยวผู้ช่วยเหนื่อย ถ้าเดินหลายรอบ" คือ ไกด์สามารถพูดแบบนี้ได้หรอ บังคับลูกทัวร์ได้ด้วยหรอ แต่ผมเข้าใจพี่ผู้หญิงครับที่ว่า ขอดูก่อน ถ้าเกิดซื้อไปเลย และมันไม่อยากลงหรือเห็นที่จริงแล้วเราไม่โอเค เราก็ขอเงินคืนไม่ได้อีก เพราะได้บัตรเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นก็ไปลานสกี ตกช่วงประมาณ 4-5 โมงเห็นจะได้ ได้พาไป เกาะนามิ (มาซะตอนเย็น จะมืดละ) ก็ได้มาบรรยากาศ หนาวเย็นสบาย ดูเหมือนจะปกติ บนเกาะนามิไม่มีอะไร ไปต่อ หลังจากกลับจากเกาะนามิ ไกด์พาไปกินข้าว (ไก่ผัดซอสเกาหลี) และผมก็เป็นเศษเหมือนเดิม และได้โดนจับไปนั่งกับ พี่สองคน ที่เป็นเศษเหมือนกัน จากการที่กินข้าวกับ ครอบครัวแรก ที่ว่าเกร็จ เจอพี่สองคนโต๊ะใหม่อีก ผมสังเกตุด้วยสาตา ของพี่เขา มองผมกับแฟน หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้ แถม ไม่พูดคุย แถมเหมือน รำคาญพวกผมด้วยที่มานั่งกับเขา คือการแสดงออกสีหน้า ชัดเจนมาก ผมกับแฟนยอมรับเลยครับ โคตรอึดอัด เพราะผมช่วยพี่เขาผัดไก่ผัดข้าว เขาทำเหมือนผมเกะกะตลอดเวลา ผมอยากลุกไปโดยเร็ว มันอึดอัดมากครับ ตอนแรกผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร ( เหตุผล อยู่วันสุดท้ายครับ) หลังจากอิ่มก็เดินทางกันต่อ คราวนี้แหละ เหตุการณ์ที่มันไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ้น พี่คนนึง เขาตะโกนบอกไกด์ว่า "พี่ผมได้กลิ่นเหม็นไหม้ แรงมากมาจากด้านหลัง ผมรู้สึกว่า คลัชน่าจะไหม้ เพราะผมฟังเสียงคนขับเข้าเกียร์ไม่ได้" ทางไกด์สวนกลับมาว่า "เกียร์ก็ยังเข้าได้อยู่นะคะ รถยังไปต่อได้ค่ะ" และกลิ่นมาเริ่มแรงมาทั่วรถ พี่ด้านหลังพูดว่า " มันเหม็นมากเลย จอดรถก่อนได้ไหม ข้างหลังมีคนอายุเยอะ มันจะเป็นอันตราย ถ้าฝืนขับต่อไป คนในรถจะน็อค ก๊าซคาร์บอนเอา" ไกด์พูดได้เฉียบขาดสุดๆเลยว่า "ใครทนกลิ่นไม่ไหวมานั่งข้างหน้าค่ะ มาเลยค่ะ" ซึ่งก็ไม่ได้บอกให้รถจอดหรืออะไรนะ พยายามจะฝืนไปต่อ และเกียร์ก็เริ่มพังไปที่ละเกียร์ตามลำดับ
เหตุการณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อพี่ด้านหลัง ขอพาคนสูงอายุ ลงไปรับอากาศด้านนอกก่อน เพราะข้างในรถยังเหม็นมากๆ แต่พอลงไปข้างล่าง กลิ่นกลับแรงมากกว่าในรถซะอีก ซึ่งพี่เขาก็ย้ำกับไกด์อีกว่า คลัชมันไหม้แล้วพี่ คนขับ เขาเข้าเกียร์ไม่ได้แล้ว หาอู่ซ่อมหรือเปล่ารถได้ไหม ไกด์ก็บอกว่า รถยังไปได้อยู่ เหมือนไม่รู้เรื่องรถ หรือ การแก้สถานการณ์อะไรเลยเบื้องต้น เหมือนทำอะไรไม่ถูก ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และจุดที่พีคเลย ขณะที่รถกำลังไต่เนิ่นขึ้นเขา (อันนี้ทางไปโรงแรม) รถเกียร์พังทุกเกียร์ หลังจากที่ลากเกียร์มาจนเกียร์ หนึ่งก็พังใช้ไม่ได้ และรถไปค้างบนกลางเนินและค่อนข้างชัน ทุกคนในรถตกใจกันมาก ทั้งกลิ่น ทั้งรถจอดค้างเติ่งบนเนิน ซึ่งเป็นทางโค้ง จุดอับทางรถขับมาอีก ซึ่งตอนนั้น ไกด์ก็มาบอกว่า กำลังติดต่อ ขอรถบัสคันใหม่มารับ (คือเพิ่งจะประสาน ตอนแรกกลับฝืนให้ขับมา) และคิดดูครับ ผมจ่ายเงินค่าเครื่องบินมาเที่ยวทัวร์เกาหลีครั้งแรก แทนที่จะได้ความประทับใจ แต่กลับเกือบเอาชีวิตมาทิ้ง กับไกด์ที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ในการช่วยเหลือประสานงาน หรือ แก้สถานการณ์ความปลอดภัยให้ลูกทัวร์เลย คนขับก็จำเป็นต้องถอยรถลงเนินเขา เพื่อให้ไหลไปจอดที่จุดราบ แต่เนื่องจากเป็นทางโค้ง เวลาถอยก็ต้องเสี่ยงอุบัติเหตุ เพราะมีรถขับขึ้นมาเรื่อยๆ คือสถานการณ์อยู่ในความเสี่ยงมาก ตกอกตกใจกันทั้งหมดรถบัส โคตรไม่คุ้มเลย ที่จะเสี่ยงต่อชีวิตขนาดนั้น ผมไม่ได้จะมาตายต่างแดนนะ หลังจากนั้น 40 นาที ก็ได้รถมาเปลี่ยน พอไปถึงโรงแรม ก็มีการรวมตัวรับคีย์การ์ด ของแต่ละห้อง ทุกคนก็ได้คีย์การ์ดครบ มีพี่คนนึง (คนที่บอกเรื่อง ตกปลาน้ำแข่งนั่นแหละ) ถามไกด์อีกว่า ไกด์นอนห้องไหนคะ (ซึ่งผมทราบข้อมูลมาบ้างว่า ไกด์จะต้องแจ้งเลขห้องนอนไกด์
กรณีลูกทัวร์มีปัญหาและไกด์ต้องเป็นฝ่ายประสานงานให้) แต่ไกด์ตอบกลับไปว่า " ห้องอยู่ข้างๆห้องพี่แหละคะ " ซึ่งใครจะไปรู้หล่ะ ว่าไกด์นอนห้องไหนกันแน่ เล่นไม่บอกอะไรเลย ผ่านคืนแรกไปด้วย ความไม่สนุกเลย หลังจากเกิดเหตุการณ์ แต่ละอย่าง ไม่ว่าจะโดนทำสีหน้า พูดจา กล่าวหาว่า เราหนีมาทำงาน และเจอลูกทัวร์ ทำสีหน้า มองเหมือนตัวประหลาด บุคคลอันตราย ยังไง ยังงั้น แถมเสี่ยงกับชีวิต อีกต่างหาก เป็นทัวร์วันแรก ที่โคตรน่าจดจำเลยว่า ไม่อยากเจออีก และก็ได้พักผ่อนกัน เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ
เที่ยวต่างประเทศ เคยเจอไกด์นำเที่ยวแบบนี้กันบ้างไหมครับ
ผมก็กลัวหลงครับ เรื่องของเรื่อง ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ คือเหมือนเขามองไม่เห็นผมกับแฟนเลยในสายตา ณ ตอนนั้น ซึ่งอาจจะคิดว่า ลูกทัวร์ทยอยไปกันหมดแล้ว หลังจากที่โหลดกระเป๋าเสร็จแล้ว ผมกับแฟน ก็ถามพนักงานรับทัวร์ว่า "ขอโทษนะครับ เสร็จจากตรงนี้แล้ว ต้องทำอะไรต่อไหมครับ" พงนทัวร์ก็บอกว่า เดี๋ยวจะมีการตรวจร่างกายด้านบน เดี๋ยวรอลูกทัวร์ครบก่อน แต่ก็ไม่ได้บอกผมเลยว่า จะต้องขึ้นไปตรงไหน ผมก็เลยลองเดินหาดูเพื่อสำรวจ ปรากฎว่าผมหลงครับ ผมหาทางที่ตรวจร่างกายไม่เจอ ผมเลยเดินลงมา จากอีกทางนึง ปรากฎว่า หนังาน ผู้ชายของทัวร์เดินมาหาผมกับแฟนด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตกใจ "น้องครับ เดี๋ยวน้องสองคนรีบขึ้นไปตรวจร่างกายเลยนะครับ เมื่อสักครู่นี้ พี่เห็น กรมแรงงานเดินตรวจอยู่แถวนี้ พอดีพี่เห็นจังหวัดเกิดของน้องผู้หญิง มันเป็นจังหวัดสีแดง (จังหวัดสีแดงที่เขากล่าวคือ จังหวัดที่ มีคดีหนีไปทำงาน) แฟนผมคนกาฬสินธุ์ ผมกับแฟนก็งงและตกใจใหญ่เลยที่นี้ กลัวว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวครับ หลังจากที่ตรวจอะไรเสร็จสรรพ ก็เข้าไปรอที่ Gate F3 เวลาบิน 01.30 นของเช้าวันที่ 21 ซึ่ง ใช้เวลารอเครื่อง นานพอสมควรครับ ผมก็นั่งรอกับลูกทัวร์คนอื่นๆ อย่างปกติ (จริงๆในกระเป๋าผมมีใบรับรอง การทำงานที่บริษัทที่ผมทำอยู่ มีหลักฐานครบในการยืนยัน กรณี ตม.เรียกตรวจ)
ประมาณอีก ครึ่งชั่วโมง ก่อนจะขึ้นเครื่อง ผมก็นั่งรอด้านล่างกับลูกทัวร์อื่นๆ ตอนนี้ผมเห็นไกด์นำเที่ยวของผมละ เป็นผู้หญิง วัย 35-40 ได้ เขาก็เดินทักทาย ลูกทัวร์แทบทุกบ้านเลยก็ว่าได้ ยกเว้นผมกับแฟน ซึ่งเขาก็มองมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมกับแฟนเลยคุยกันว่า คนนี้แหละ ไกด์เรา หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องปกติ สายการบินหนึ่ง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันที่ผมจองมา มันราคาแพงหรือถูกสำหรับทัวร์เกาหลี เลยได้เครื่องบิน ชั้นประหยัด เดินทางเกือบ 5 ชั่วโมง ไม่มีทีวีให้ดู ไม่มีผ้าห่มให้ ไม่มีอาหารบนเครื่อง(นอกจากน้ำเปล่า) ถ้าจะกินอาหารอื่น ต้องสั่งและจ่ายเงิน ผมกับแฟนก็พักผ่อนปกติ แต่เหยียดขาไม่ได้เลย ปวดขาปวดก้นไปหมด พอถึงสนามบิน ผมก็เดินตามลูกทัวร์ไป เกาะกลุ่มกันไว้จะได้รู้ว่ามาด้วยกันนะ และไกด์ก็เดินนำไปรอข้างหน้า เพื่อที่จะชี้แจงรายระเอียด ว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง สำหรับการผ่าน ตม.และรับกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไหน ซึ่งผมกับแฟนก็เดินไปทีหลังเล็กน้อย เพราะไกด์นำไปก่อนและบอกกับลูกทัวร์บางส่วนแล้ว ผมกับแฟนไปถึงไกด์พอดี ไกด์ได้ถามว่าใครมีอะไรสงสัยตรงไหนไหม ซึ่งแฟนผมก็ถามว่า "แล้วจะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ไหนคะ" ไกด์ตอบมาว่า "ก็ตรงที่โหลดกระเป๋าแหละค่ะ" คือด้วยน้ำเสียง ที่ผมคิดว่า เห้ย เรามาทัวร์กับคุณนะ คุณคุยกับลูกทัวร์แบบนี้ได้ด้วยหรอ หลังจากนั้น แฟนผมเริ่มไม่พอใจ หลังจากที่ผ่าน ตม.ได้แล้ว ก็ไปเอากระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทางไกด์ก็เรียกให้ไปรวมตัวก่อนขึ้นรถบัส ซึ่งผมก็กับ ก็เดินไปรอในกลุ่มด้วย สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ่น
ไกด์เดินมาถามผมกับแฟนว่า "น้องได้ไปทัวร์กับพี่ปะ" มองหน้ากัน และหันไปถามไกด์ "อะไรนะครับ" ไกด์พูดมาต่อคำว่า "พอดีทางเอเจน เขาแทงมาว่า น้องสองคน จะมีคนมารับที่สนามบิน เขาแทงมาว่า น้องสองคนมาทำงาน ไม่ได้มาทัวร์กับพี่" ผมกับแฟนอึ้งกันอีกรอบ ผมก็หาหลักฐานการจองมา ว่า เนี่ยผมจองมาทัวร์ นี้ มาท่องเที่ยว ไม่ได้มาทำงาน มีหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งไกด์ก็ยังย้ำอีกว่า "ไปทัวร์กับพี่จริงเปล่า ในรายชื่อพี่มันไม่มีเราสองคนนะ" ผมเลยโทรหาพี่สาว ที่ไทย พี่สาวผมเลยขอสายคุยกับไกด์ (ซึ่งตอนนี้พี่สาวผม ไม่พอใจมาก ว่ามากล่าวหากันแบบนี้ได้ยังไง พี่สาวเขาเป็นห่วง กลัวชื่อมันจะติด ตม. และมันจะมีปัญหาใหญ่เลย ถ้าถูกแจ้งว่ามาทำงาน) พี่สาวผมเลยโทรไปถามกับเอเจนซี่ ที่ซื้อทัวร์มา ทางเอเจนซี่ก็แจ้งว่า ไม่ได้แจ้งไปทางทัวร์เลยนะว่า ลูกค้าซื้อทัวร์เพื่อไปทำงาน พอพี่สาวผมคุยกับเอเจนซี่เสร็จสรรพ ทางไกด์ก็เดินมาอีก และบอกว่า " เนี่ย เราสองคนไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในทัวร์พี่ ห้องพี่ก็จองพอดี รถบัสพี่ก็จองที่นั่งพอดี ห้องพักพี่ก็ต้องซื้อเพิ่มให้เรา พี่ต้องจัดการอะไรให้เราสองคนใหม่" คือจริงๆ เหมือนคำพูด และสีหน้า ไกด์ตอนนั้น เหมือนผมไปฟรี ชิงโชคได้ เหมือนไม่อยากจะมองหน้าผมกับแฟนด้วยซ้ำ หลังจากขึ้นรถ ยังวนมาถามอีก "น้องไปทัวร์กับพี่จริงๆใช่ไหม ขากลับ กลับกับพี่ใช่ไหม" ผมกับแฟนก็ตอบว่า ไปทัวร์ ก็กลับด้วยกันกับพี่นี่แหละ แต่รู้ไหมครับ ไกด์ถามจนคนในรถบัสหันมอง ผมกับแฟน ซึ่งผมกับแฟนกลายเป็นแกะดำบนรถไปเลย ด้วยสายตาที่มอง เหมือนพวกนอกคอกยังไง ยังงั้น หลังจากรถเดินทางสักพัก ก็ได้แวะกินข้าว ที่ร้านนึง อารมณ์เหมือนชาบู ผมเป็นเศษที่ไม่ลงตัว เพราะบ้านอื่นเขามาเป็น กลุ่มครอบครัว ทางไกด์เลยให้ผมกับแฟน ไปนั่งกับครอบครัวหนึ่ง ตอนแรกผมกับแฟนก็เกร็งครับ เพราะพวกพี่เขาก็แปลกหน้า ไม่เคยได้คุยกัน มานั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ก็เกร็งครับ เพราะหลังจากที่ไกด์ ถามเหมือนผมหนีมาทำงานแล้วเนี่ย สายตาคนมอง และเหมือน จะไม่อยากพูดคุยและเข้าใกล้ผมกับแฟนเลย แต่พี่ครอบครัว ที่ผมไปนั่งด้วย
พี่เขาชวนคุยครับ พี่เขาน่ารักกันทั้งบ้านเลย หลังจากนั้นเดินทางต่อ ขณะเดินทาง ไกด์ก็พูดคุยกับลูกทัวร์ เรื่องโปรแกรม ที่จะไปต่อก็คือ ตกปลาหิมะ แต่ถ้าใครอยากตก จะมีการเก็บเงิน ค่าเบ็ด ค่าลงไปตก อะไรสักอย่าง แต่ไกด์จะขอเก็บเงินเลย ด้วยให้คำตอบที่ว่า จะได้ให้ผู้ช่วย (คนเกาหลี) ไปซื้อให้ทีเดียว (พี่คนนึง นั่งเบาะใกล้ๆผมเขาพูดว่า) "ขอลงไปดูก่อนได้ไหม ว่าจะน่าลงไปไหม จะยังไม่จ่ายเงินค่าซื้อบัตรเข้าไปตก ขอเดินดูวนๆก่อน" ทางไกด์ก็บอกว่า "ซื้อเลยพี่ จะได้ให้ผู้ช่วยเขา ลงไปซื้อ เดี๋ยวผู้ช่วยเหนื่อย ถ้าเดินหลายรอบ" คือ ไกด์สามารถพูดแบบนี้ได้หรอ บังคับลูกทัวร์ได้ด้วยหรอ แต่ผมเข้าใจพี่ผู้หญิงครับที่ว่า ขอดูก่อน ถ้าเกิดซื้อไปเลย และมันไม่อยากลงหรือเห็นที่จริงแล้วเราไม่โอเค เราก็ขอเงินคืนไม่ได้อีก เพราะได้บัตรเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นก็ไปลานสกี ตกช่วงประมาณ 4-5 โมงเห็นจะได้ ได้พาไป เกาะนามิ (มาซะตอนเย็น จะมืดละ) ก็ได้มาบรรยากาศ หนาวเย็นสบาย ดูเหมือนจะปกติ บนเกาะนามิไม่มีอะไร ไปต่อ หลังจากกลับจากเกาะนามิ ไกด์พาไปกินข้าว (ไก่ผัดซอสเกาหลี) และผมก็เป็นเศษเหมือนเดิม และได้โดนจับไปนั่งกับ พี่สองคน ที่เป็นเศษเหมือนกัน จากการที่กินข้าวกับ ครอบครัวแรก ที่ว่าเกร็จ เจอพี่สองคนโต๊ะใหม่อีก ผมสังเกตุด้วยสาตา ของพี่เขา มองผมกับแฟน หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้ แถม ไม่พูดคุย แถมเหมือน รำคาญพวกผมด้วยที่มานั่งกับเขา คือการแสดงออกสีหน้า ชัดเจนมาก ผมกับแฟนยอมรับเลยครับ โคตรอึดอัด เพราะผมช่วยพี่เขาผัดไก่ผัดข้าว เขาทำเหมือนผมเกะกะตลอดเวลา ผมอยากลุกไปโดยเร็ว มันอึดอัดมากครับ ตอนแรกผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร ( เหตุผล อยู่วันสุดท้ายครับ) หลังจากอิ่มก็เดินทางกันต่อ คราวนี้แหละ เหตุการณ์ที่มันไม่ควรจะเกิดก็เกิดขึ้น พี่คนนึง เขาตะโกนบอกไกด์ว่า "พี่ผมได้กลิ่นเหม็นไหม้ แรงมากมาจากด้านหลัง ผมรู้สึกว่า คลัชน่าจะไหม้ เพราะผมฟังเสียงคนขับเข้าเกียร์ไม่ได้" ทางไกด์สวนกลับมาว่า "เกียร์ก็ยังเข้าได้อยู่นะคะ รถยังไปต่อได้ค่ะ" และกลิ่นมาเริ่มแรงมาทั่วรถ พี่ด้านหลังพูดว่า " มันเหม็นมากเลย จอดรถก่อนได้ไหม ข้างหลังมีคนอายุเยอะ มันจะเป็นอันตราย ถ้าฝืนขับต่อไป คนในรถจะน็อค ก๊าซคาร์บอนเอา" ไกด์พูดได้เฉียบขาดสุดๆเลยว่า "ใครทนกลิ่นไม่ไหวมานั่งข้างหน้าค่ะ มาเลยค่ะ" ซึ่งก็ไม่ได้บอกให้รถจอดหรืออะไรนะ พยายามจะฝืนไปต่อ และเกียร์ก็เริ่มพังไปที่ละเกียร์ตามลำดับ
เหตุการณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อพี่ด้านหลัง ขอพาคนสูงอายุ ลงไปรับอากาศด้านนอกก่อน เพราะข้างในรถยังเหม็นมากๆ แต่พอลงไปข้างล่าง กลิ่นกลับแรงมากกว่าในรถซะอีก ซึ่งพี่เขาก็ย้ำกับไกด์อีกว่า คลัชมันไหม้แล้วพี่ คนขับ เขาเข้าเกียร์ไม่ได้แล้ว หาอู่ซ่อมหรือเปล่ารถได้ไหม ไกด์ก็บอกว่า รถยังไปได้อยู่ เหมือนไม่รู้เรื่องรถ หรือ การแก้สถานการณ์อะไรเลยเบื้องต้น เหมือนทำอะไรไม่ถูก ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และจุดที่พีคเลย ขณะที่รถกำลังไต่เนิ่นขึ้นเขา (อันนี้ทางไปโรงแรม) รถเกียร์พังทุกเกียร์ หลังจากที่ลากเกียร์มาจนเกียร์ หนึ่งก็พังใช้ไม่ได้ และรถไปค้างบนกลางเนินและค่อนข้างชัน ทุกคนในรถตกใจกันมาก ทั้งกลิ่น ทั้งรถจอดค้างเติ่งบนเนิน ซึ่งเป็นทางโค้ง จุดอับทางรถขับมาอีก ซึ่งตอนนั้น ไกด์ก็มาบอกว่า กำลังติดต่อ ขอรถบัสคันใหม่มารับ (คือเพิ่งจะประสาน ตอนแรกกลับฝืนให้ขับมา) และคิดดูครับ ผมจ่ายเงินค่าเครื่องบินมาเที่ยวทัวร์เกาหลีครั้งแรก แทนที่จะได้ความประทับใจ แต่กลับเกือบเอาชีวิตมาทิ้ง กับไกด์ที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ในการช่วยเหลือประสานงาน หรือ แก้สถานการณ์ความปลอดภัยให้ลูกทัวร์เลย คนขับก็จำเป็นต้องถอยรถลงเนินเขา เพื่อให้ไหลไปจอดที่จุดราบ แต่เนื่องจากเป็นทางโค้ง เวลาถอยก็ต้องเสี่ยงอุบัติเหตุ เพราะมีรถขับขึ้นมาเรื่อยๆ คือสถานการณ์อยู่ในความเสี่ยงมาก ตกอกตกใจกันทั้งหมดรถบัส โคตรไม่คุ้มเลย ที่จะเสี่ยงต่อชีวิตขนาดนั้น ผมไม่ได้จะมาตายต่างแดนนะ หลังจากนั้น 40 นาที ก็ได้รถมาเปลี่ยน พอไปถึงโรงแรม ก็มีการรวมตัวรับคีย์การ์ด ของแต่ละห้อง ทุกคนก็ได้คีย์การ์ดครบ มีพี่คนนึง (คนที่บอกเรื่อง ตกปลาน้ำแข่งนั่นแหละ) ถามไกด์อีกว่า ไกด์นอนห้องไหนคะ (ซึ่งผมทราบข้อมูลมาบ้างว่า ไกด์จะต้องแจ้งเลขห้องนอนไกด์
กรณีลูกทัวร์มีปัญหาและไกด์ต้องเป็นฝ่ายประสานงานให้) แต่ไกด์ตอบกลับไปว่า " ห้องอยู่ข้างๆห้องพี่แหละคะ " ซึ่งใครจะไปรู้หล่ะ ว่าไกด์นอนห้องไหนกันแน่ เล่นไม่บอกอะไรเลย ผ่านคืนแรกไปด้วย ความไม่สนุกเลย หลังจากเกิดเหตุการณ์ แต่ละอย่าง ไม่ว่าจะโดนทำสีหน้า พูดจา กล่าวหาว่า เราหนีมาทำงาน และเจอลูกทัวร์ ทำสีหน้า มองเหมือนตัวประหลาด บุคคลอันตราย ยังไง ยังงั้น แถมเสี่ยงกับชีวิต อีกต่างหาก เป็นทัวร์วันแรก ที่โคตรน่าจดจำเลยว่า ไม่อยากเจออีก และก็ได้พักผ่อนกัน เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ