ประมาณปี ไหนก็จำไม่ได้
ลูกชาย ท้องเสีย อาเจียนประมาณ. 3 วันก็พาไป รพ.ประจำอำเภอ หมอให้ลูกชายนอน รพ. สามีมาส่งและกลับบ้านมาเปิดร้านขายของชำ ได้เพียงวันเดียวก็ต้องหามส่ง รพ.ด้วยอาการเดียวกับลูกชาย. เราก็เดินขึ้นลงดูทั้งพ่อทั้งลูกจนขาปวมเป่ง ลูกนอนประมาณ 7 วันก็หาย เราก็พาลูกมาบ้าน พอตอนบ่ายๆ แฟนโทรมา น้ำเสียงหดหู เราสงสัย เราก็เลยฝากลูกไว้กับยาย แล้วไปนอนเฝ้าแฟน ให้พี่สาวพาไป แฟนก็เล่าให้พี่สาวฟังกว่าจะยอมพูด บอกว่า หมอเขาบอกว่า ติดเชื้อ... ก็พูดไปร้องไป จับใจความได้ว่า ร้ายแรงกว่าฉี่หนู 10 เท่า ปลอบประโลมกันเรียบร้อยพอพี่สาวกลับก็มีอีกอาการมา คือ ผมมีตุ่มที่ลิ้น ไข้ ไม่ลง 37.5 หมอก็ปรึกษากัน แล้วพยาบาลก็มาแจ้งว่า หมอให้มาบอกว่าผมเป็นเอดส์ พอเราได้ยินก็จับมือแฟน นี่ เราไม่ได้มั่วนะ เรามีกันแค่สองคน ยาก็ไม่เคยยุ่งจะติดได้ไง สงสารแฟนมาก นางหมกมุ่นหาข้อมูลว่าตัวเองจะเป็นได้ยังไง (ช่วงที่ลูกกลับบ้าน) แฟนบอกว่า คนป่วยเตียงอื่นได้ยินหมด พอได้ยินมาแฟนเราเป็นเอดส์พวกเขา มอง ไม่ยอมกินข้าว บางคนก็พูดสอนลูกหลาน บางคนก็เอาส้มมาให้ แฟนเรานอนร้องไห้. เราแบบเห้ย..มันต้องเจออะไรบ้างวะเนี้ยะ บ้าบอ พอตกเย็นเตียงข้างๆก็โดดชั้นสอง ดึกมามีพวก แอลกอฮอล์ลิซึ่มอ่ะ 2 คน ป่วนเลย มันช่วยกันแกะเชือกที่พยาบาลมัดไว้ พูดนั่นนี่ไปเรื่อย น่ากลัว
เราพาตัวเองมาทำไมที่นี่ ปกตินอนแต่ เอกชน แต่คิดว่ารพ.นี้ก็โอเคอยู่นะเพราะเคยมา แม่แฟนก็ถามทำไมไม่พากันไปรักษาเอกชน แม่มาเอาแฟนออกจาก รพ.ไปเอกชนให้รถจาก รพ.ที่โคราชมารับนอนวันเดียวได้กลับบ้านเลย ที่จริงมันก็ใกล้จะหายนะ มีแค่ไข้ที่มันไม่ลงไอ้ 37.5 อ่ะ รพ.เอกชนบอกว่า ติดเชื้อจากพวกปรสิตที่มันอยู่กับหนูนา เพราะสามีไปเอาหนูนามาเลี้ยงนั่นเอง...
#ก่อนย้าย รพ.พยาบาลก็มาถาม จะไปรักษาที่ไหน เอกชนแพงนะ แฟนก็บอกปกติที่บ้านรักษารพ.นั้นประจำ แฟนก็เลยพูดว่าพยาบาลว่าผมเป็นเอดส์ วุ่นกันใหญ่เลยแน่นางไม่ได้มาวันนั้น หมอสาวออกมาตรวจก่อนจะพูดว่า หมอไม่ได้เป็นคนพูดนะ
เห้ย...คือคิดอะไร จะดึงเคสเอาไว้หรอ มโนว่าแฟนเราเป็นเอดส์อีก ด้วยความที่มันหน้าตาดี งั้นสิ เราพาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนี่เถอะ เหมือนเราหลุดไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันเกิดขึ้นกับเราจริงหรอ
ทุกวันนี้ก็พากันขำ ที่ผ่านสถานะการณ์แบบนั้นมา
แต่....สำหรับคนที่ไม่มีค่ารักษา (บางคน)
อาจจะเป็นบางคน ที่เจอสถานะการณ์ที่ตัวเองรับไม่ไหว บางคนที่ต้องจำทน
แต่บางคนก็ได้รับการช่วยเหลือ
อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เจ็บปวด
แต่ทุกความเจ็บปวด ขอให้บุคลากรพัฒนา
ประสบการณ์ นอน รพ.กับข่าว HIV
ลูกชาย ท้องเสีย อาเจียนประมาณ. 3 วันก็พาไป รพ.ประจำอำเภอ หมอให้ลูกชายนอน รพ. สามีมาส่งและกลับบ้านมาเปิดร้านขายของชำ ได้เพียงวันเดียวก็ต้องหามส่ง รพ.ด้วยอาการเดียวกับลูกชาย. เราก็เดินขึ้นลงดูทั้งพ่อทั้งลูกจนขาปวมเป่ง ลูกนอนประมาณ 7 วันก็หาย เราก็พาลูกมาบ้าน พอตอนบ่ายๆ แฟนโทรมา น้ำเสียงหดหู เราสงสัย เราก็เลยฝากลูกไว้กับยาย แล้วไปนอนเฝ้าแฟน ให้พี่สาวพาไป แฟนก็เล่าให้พี่สาวฟังกว่าจะยอมพูด บอกว่า หมอเขาบอกว่า ติดเชื้อ... ก็พูดไปร้องไป จับใจความได้ว่า ร้ายแรงกว่าฉี่หนู 10 เท่า ปลอบประโลมกันเรียบร้อยพอพี่สาวกลับก็มีอีกอาการมา คือ ผมมีตุ่มที่ลิ้น ไข้ ไม่ลง 37.5 หมอก็ปรึกษากัน แล้วพยาบาลก็มาแจ้งว่า หมอให้มาบอกว่าผมเป็นเอดส์ พอเราได้ยินก็จับมือแฟน นี่ เราไม่ได้มั่วนะ เรามีกันแค่สองคน ยาก็ไม่เคยยุ่งจะติดได้ไง สงสารแฟนมาก นางหมกมุ่นหาข้อมูลว่าตัวเองจะเป็นได้ยังไง (ช่วงที่ลูกกลับบ้าน) แฟนบอกว่า คนป่วยเตียงอื่นได้ยินหมด พอได้ยินมาแฟนเราเป็นเอดส์พวกเขา มอง ไม่ยอมกินข้าว บางคนก็พูดสอนลูกหลาน บางคนก็เอาส้มมาให้ แฟนเรานอนร้องไห้. เราแบบเห้ย..มันต้องเจออะไรบ้างวะเนี้ยะ บ้าบอ พอตกเย็นเตียงข้างๆก็โดดชั้นสอง ดึกมามีพวก แอลกอฮอล์ลิซึ่มอ่ะ 2 คน ป่วนเลย มันช่วยกันแกะเชือกที่พยาบาลมัดไว้ พูดนั่นนี่ไปเรื่อย น่ากลัว
เราพาตัวเองมาทำไมที่นี่ ปกตินอนแต่ เอกชน แต่คิดว่ารพ.นี้ก็โอเคอยู่นะเพราะเคยมา แม่แฟนก็ถามทำไมไม่พากันไปรักษาเอกชน แม่มาเอาแฟนออกจาก รพ.ไปเอกชนให้รถจาก รพ.ที่โคราชมารับนอนวันเดียวได้กลับบ้านเลย ที่จริงมันก็ใกล้จะหายนะ มีแค่ไข้ที่มันไม่ลงไอ้ 37.5 อ่ะ รพ.เอกชนบอกว่า ติดเชื้อจากพวกปรสิตที่มันอยู่กับหนูนา เพราะสามีไปเอาหนูนามาเลี้ยงนั่นเอง...
#ก่อนย้าย รพ.พยาบาลก็มาถาม จะไปรักษาที่ไหน เอกชนแพงนะ แฟนก็บอกปกติที่บ้านรักษารพ.นั้นประจำ แฟนก็เลยพูดว่าพยาบาลว่าผมเป็นเอดส์ วุ่นกันใหญ่เลยแน่นางไม่ได้มาวันนั้น หมอสาวออกมาตรวจก่อนจะพูดว่า หมอไม่ได้เป็นคนพูดนะ
เห้ย...คือคิดอะไร จะดึงเคสเอาไว้หรอ มโนว่าแฟนเราเป็นเอดส์อีก ด้วยความที่มันหน้าตาดี งั้นสิ เราพาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนี่เถอะ เหมือนเราหลุดไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันเกิดขึ้นกับเราจริงหรอ
ทุกวันนี้ก็พากันขำ ที่ผ่านสถานะการณ์แบบนั้นมา
แต่....สำหรับคนที่ไม่มีค่ารักษา (บางคน)
อาจจะเป็นบางคน ที่เจอสถานะการณ์ที่ตัวเองรับไม่ไหว บางคนที่ต้องจำทน
แต่บางคนก็ได้รับการช่วยเหลือ
อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เจ็บปวด
แต่ทุกความเจ็บปวด ขอให้บุคลากรพัฒนา