บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/38537628
ฟังดูแล้วไม่ต่างจากเด็กติดเกมขนาดหนักเลยสักนิด พยาบาลสาวไม่ยอมฟังคำอุทธรณ์ใดๆ ดันตัวของเขาลงไปนอนจนได้ ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด หลังถูกฉีดยาก็หลับลึกลงไปอีก
...............
สักกะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผ้ายังคงปิดคาดตาอยู่อย่างแน่นหนา ส่วนจะเป็นผ้าผืนเก่าผืนใหม่ชายหนุ่มไม่สนใจ รู้แต่ว่าคราวนี้มันคาดอยู่ในลักษณะแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม เหมือนจงใจให้แกะยากลำบากมากขึ้น เขายกมือแตะผ้าปิดตาอย่างไม่ตั้งใจ
“ลืมที่บอกไว้แล้วหรือคะ ว่าอย่าเพิ่งแกะผ้าปิดตา”
น้ำเสียงค่อนข้างคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ เขาสะดุ้งแล้วหันหน้าไปทางเสียง รู้สึกว่าพยาบาลสาวคนนี้คงต้องเฝ้าดูแลเขาแทบตลอดเวลา พอฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงของเธอทันที
สักกะนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอย่างคนพยายามทำใจ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงห้วนๆ
“แล้วนี่ผมจะต้องมานอนฟังคำสั่งโน่นนี่ของคุณอีกสักกี่วันกัน แล้วเมื่อไรตาของผมจะหายดี พวกหมอพวกพยาบาลเก่งๆ หายไปไหนหมด”
“พวกเราก็พยายามกันอยู่แล้วนะคะ”
“ผมไม่เห็นพวกคุณทำอะไรเลย” เขาต่อว่าเมื่อไม่ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจ
“ใจเย็นๆสิคะ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไร เพราะคุณหลับๆตื่นๆ มาสองวันแล้ว แต่คุณคงไม่รู้ตัวหรอก แถมละเมออะไรต่อมิอะไร เดี๋ยวก็หายแล้ว เอาละ ได้เวลากินยาแล้วนะคะ”
เสียงแก้วน้ำกระทบถาดรองแก้วดังอยู่ใกล้ๆพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ตัว สักกะรู้สึกว่าถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง
“อ้าปากสิคะ...จะได้ทานยา”
“ทำไมผมต้องเชื่อฟังคุณด้วย” เขายังทำอิดออดทั้งที่รู้ว่าไร้ผล ความจริงเพราะไม่ชินกับการมีคนมาป้อนข้าวป้อนน้ำต่างหาก
“คุณเป็นคนไข้ ส่วนฉันก็เป็นพยาบาลนี่คะ คนไข้ก็ควรทำหน้าที่ของคนไข้ พยาบาลก็ต้องทำหน้าที่ของพยาบาลจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ถ้าอยากหายกลับบ้านเร็ว ๆไปเล่นเกม.. ก็ต้องกินยาจริงไหมคะ”
น้ำเสียงตรงคำว่า “เล่นเกม” ดูจงใจเน้นเป็นพิเศษ ถ้าคำพูดเป็นตัวหนังสือเขาต้องเห็นเป็นตัวหนังสือหนาขีดเส้นใต้เน้นความสำคัญเป็นแน่แท้ และเสียงดุๆแบบนี้ใครจะกล้าขัด สักกะถอนใจ ยอมอ้าปากรับยาซึ่งป้อนเข้าปากแต่โดยดี ตามด้วยน้ำอีกแก้วบรรจงส่งถึงปาก
“ดีมากค่ะ ทีนี้นอนลง จะเช็ดตัวให้นะคะ” น้ำเสียงมีแววค่อนข้างพอใจกับการยินยอมแต่โดยดีของคนไข้หนุ่ม
“เดี๋ยวนะ คุณว่าผมละเมอเหรอ”
“ใช่สิคะ ก็ละเมอถึงสโรชิน สโรชาอะไรของคุณนั่นล่ะค่ะ”
“เธอชื่อสโรชิน ไม่ใช่สโรชา” เสียงอธิบายด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ มาเรียกชื่อผิดๆ ได้อย่างไรกัน จะมากเกินไปแล้ว
“ค่ะ สโรชินก็สโรชิน ขอโทษนะคะที่เอ่ยชื่อคนสำคัญของคุณผิด”
“ไม่ต้องมาเรียกแล้ว”
หูเหมือนแว่วเสียงหัวเราะกับอาการพาลเกเรกึ่งงอนของเขา ชายหนุ่มรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาเล็กน้อย พยาบาลอะไรมาหัวเราะใส่คนไข้ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ...
“ไม่ต้องมาหัวเราะ คุณพยาบาลมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะคนไข้”
“ก็คุณทำตัวเหมือนเด็กขี้งอนนี่คะ”
สักกะอ้าปากจะต่อปากต่อคำ แต่แล้วก็ชะงัก น้ำเสียงของพยาบาลสาวฟังดูคุ้นๆชอบกล และความรู้สึกแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนจากการโต้เถียงเป็นคำถามใหม่ทันที
“ขอโทษนะครับที่ถาม คุณชื่ออะไรครับคุณพยาบาล”
“ไม่ใช่ชื่อสโรชินก็แล้วกันค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง เพราะแอบหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นสโรชิน ทั้งที่ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นไปได้ เธออยู่ไหนก็ไม่รู้และยังตาบอดด้วย แถมใช้เวลาอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ คำตอบของพยาบาลสาวก็ยืนยันชัดเจน และถ้าเป็นเธอจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังความจริง อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง ความคิดบางอย่างพุ่งวูบขึ้นมาทำให้เขาสะดุ้งโหยง
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพิ่งคิดได้!
ซวยละงานนี้ ในเมื่อไม่ได้มีบัตรสิทธิพิเศษอะไรเลยอย่างจะใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่าใช้จ่าย!
“คุณสะดุ้งอะไรคะ”อาการผิดปกติของเขามีคนสังเกตเห็น
“ผมไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรอก ผมจะกลับบ้าน” เขาบอกเสียงห้วน
“จะกลับได้ยังไงคะ คุณยังไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล เอาเถอะค่ะ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ค่อยหาทางออกร่วมกัน แต่ถึงเวลาคุณต้องพักผ่อนแล้วละค่ะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เอาละ เดี๋ยวดิฉันจะพาคุณไปห้องน้ำ”
”ไม่ต้อง ไม่ต้อง” สักกะร้องเสียงหลง โบกไม้โบกมือพัลวัน “ผมเดินเข้าห้องน้ำเองได้ ไม่ต้องลำบากรบกวนคุณพยาบาลหรอก ผมพอลุกเดินได้” สำหรับชายหนุ่มแล้ว การถูกผู้หญิงพยุงประคองเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด ตราบใดที่สองแขนสองขายังพอไหว ไม่มีทางเสียละว่าจะยอม
“คุณยังเดินไม่ได้ถนัดหรอกค่ะ เดี๋ยวก็ล้มบาดเจ็บเพิ่มอีก” เสียงของเธอลากยาวอย่างใจเย็น คงนึกขำท่าทางของคนไข้หนุ่ม “ไว้ใจเถอะค่ะ จะส่งคุณถึงหน้าห้องน้ำเท่านั้น ถ้าคุณจะเขินอายขนาดนี้
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก ยอมจำนนกับเหตุผลอันน่าขายหน้าเสียฟอร์มของตัวเอง หลังจากนั้นก็หมดอารมณ์จะคุยกับใคร ความหวังเล็กๆ เกี่ยวกับสโรชินชนิดเป็นไปไม่ได้ที่เพิ่งก่อขึ้นมาดับวูบลงไปในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากกินยาฉีดยาเรียบร้อย เขาก็หลับอย่างยินยอมพร้อมใจเพื่อที่จะได้คิดถึงใครบางคนให้หลับไป โดยหวังว่าจะได้พบกับเธอคนนั้นในความฝัน
เวลาผ่านไปน่าจะหลายวัน สักกะเริ่มแข็งแรงมากขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้ยุ่งกับผ้าปิดตาอันน่ารำคาญ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โง่มากพอจะทำลายโอกาสในการมองเห็นของตนเอง หมอมาตรวจดูอาการหลายครั้ง บางครั้งก็พาไปตรวจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์อะไรสักอย่างที่ไม่รู้จัก ทุกครั้งก็จะได้รับความหวังในทางที่ดีเสมอ เขาเองก็พยายามทำใจเชื่อคำพูดของหมอ และได้รับการดูแลใส่ใจจากพยาบาลสาวคนนั้นเป็นอย่างดี
วันนี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกแปลก ๆ เนื่องจากในห้องดูสงบเงียบ เกือบเผลอใช้มือดึงผ้าปิดตาออกแล้ว แต่พอนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลสาว ก็ต้องสะกดใจไว้อย่างลำบากยากเย็น วันนี้ท่าทางเธอไม่อยู่ เฝ้าดูแลเหมือนอย่างเคย
แน่ล่ะ...ใครจะมีเวลามาเฝ้าคนไข้ทั้งคืนทั้งวัน
ลองขยับตัวลุกจากเตียง อาการเจ็บบริเวณชายโครงลดลงไปมากแล้ว จะเหลือก็ปัญหาการมองเห็นเท่านั้น ใจเริ่มนึกถึงสโรชิน เธอตาบอดยังเดินไปไหนมาไหนได้ทั่วห้อง เขาเองก็น่าจะลองเดินดูบ้าง ในห้องแคบๆ แบบนี้คงไม่ยากเย็นอะไร
รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขณะขยับตัวออกจากเตียง มือปัดไปโดนแก้วน้ำหล่นลงจากโต๊ะบริเวณหัวเตียง สักกะใจหายวาบ เมื่อนึกถึงภาพเศษแก้วแหลมคมกระจายเต็มพื้น แต่พอฟังเสียงแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมา นั่นเป็นเสียงแก้วทำมาจากอะลูมิเนียมหรืออาจจะเป็นสแตนเลส จึงมีแต่เสียงกังวานของโลหะกระทบพื้น ค่อยก้มตัวลง มือควานหาแก้วน้ำอย่างระมัดระวังเพราะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่ในความมืด รู้สึกว่าอะไรๆ มันยุ่งยากลำบากไปหมด
ขณะกำลังยื่นมือควานไปมาตามพื้น ศีรษะก็โขกเข้ากับขอบโต๊ะหัวเตียงอย่างจัง เจ็บเหมือนถูกทุบด้วยค้อน เขารู้ว่ามันเป็นโต๊ะเพราะรู้สึกได้จากน้ำหนักและแรงกระแทกเคราะห์ ยังดีว่าโดนบริเวณหน้าผาก ถ้าโดนตรงนัยน์ตาคงหนักมากกว่านี้
“บ้าเอ๊ย.....!” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่า มือกุมหน้าผาก สบถออกมาอย่างฉุนเฉียว ทำไมต้องมาวางโต๊ะไว้ตรงนี้ด้วย รู้ทั้งรู้ว่าเขามองไม่เห็น ที่อื่นมีถม ทำไมไม่ไปวาง ! แล้วแก้วน้ำเจ้าปัญหากลิ้งไปทางไหนแล้ว
ยื่นมือออกไปข้างหน้า พลางนึกถึงแมลงที่นำทางไปด้วยหนวดของมัน ปลอดภัยแน่นอน มีอะไรขวางอยู่ข้างหน้าต้องโดนมือก่อน คำนวณทิศทางของห้องน้ำอย่างคร่าว ๆ เตียงอยู่ทางนั้น ห้องน้ำต้องอยู่ด้านนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเข้าห้องน้ำจะลำบากยากเย็นจนไม่อยากเชื่อ
แต่สักกะลืมนึกถึงพื้น
เข่าซ้ายวางลงไปบนอะไรบางอย่างแข็งๆกลิ้งได้ มันทำให้เกิดอาการลื่นเสียหลักทำให้ผวาหน้าคว่ำลงไปกับพื้นทันที มือไขว่คว้าหาที่จับยึดตามสัญชาตญาณ แต่ไปคว้าเอาขอบโต๊ะหัวเตียงลากล้มโครมครามตามแรงเหนี่ยวระเนระนาดกระจัดกระจาย ชายหนุ่มนอนสิ้นสภาพอยู่บนพื้นอย่างมึนงงปลงตกกับชีวิต คราวนี้ไม่รู้เหนือรู้ไต้แล้ว
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงนางพยาบาลสาวแว่วเข้ามาในโสตประสาทอันอึงอล เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับว่ารู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเสียงของเธอ แม้ว่าจะกระดากอายกับอาการ ‘หมดสภาพ’ ของตนเองก็ตาม
“ผมไม่เป็นไร”เขาพยายามลุกขึ้นแม้จะมีอาการหัวทิ่มหัวตำอยู่บ้างก็ตาม แต่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เห็น โดยเฉพาะกับนางพยาบาลคนนี้
“แล้วคุณลงไปคลุกอยู่บนพื้นทำไมคะ”
“คุณมาช้าไป ผมก็แค่อยากเข้าห้องน้ำ ทำไมคุณไม่มาให้เร็วกว่านี้” ออกอาการพาลตามเคย จมูกได้กลิ่นหอมจางๆลอยมาในอากาศ คงเป็นแป้งหรือเครื่องสำอางที่เธอใช้เป็นประจำ จนทำให้เริ่มจดจำกลิ่นได้
“นี่คุณ...” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปสักกะก็เริ่มพูดขึ้นก่อน “เมื่อไรผมจะหายเป็นปกติเสียที รู้ไหมว่าสภาพคนตาบอดมันทรมานขนาดไหน ไม่...คุณไม่รู้หรอก เพราะคุณไม่เคยตาบอดนี่นา”
“ใจเย็นๆสิคะ...และที่สำคัญ ฉันเข้าใจคุณ อีกไม่กี่วัน คุณก็จะได้ฟังข่าวดีแล้วค่ะ”
รอฟังข่าวดี ๆ ที่ว่าอีกหลายวัน? สักกะพยายามทำตัวเองให้เคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืด และนึกถึงหญิงสาวในเกมพิศวง นึกแปลกใจว่าเธอคนนั้นทำได้อย่างไรกัน ถึงสามารถเดินไปไหนมาไหน ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ราวกับเป็นคนสายตาปกติ ทำให้ยิ่งรู้สึกนับถือชื่นชมเธอมากขึ้น
หลายวันมานี้เมื่อทำอะไรไม่ได้ดังใจก็มักจะพาลมาลงที่นางพยาบาลสาวผู้นั้นเสมอ อธิบายไม่ได้ว่าทำไม หรือว่าเป็นเพราะนิสัยวู่วามนิสัยเสียของเขาเอง หรือเป็นเพราะสภาพเก็บกดทางอารมณ์กันแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน
วันนี้สักกะเริ่มทานอาหารเช้าได้ด้วยตัวเองบ้างแล้ว โดยมีนางพยาบาลสาวคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบ้าน” เขาถามขณะในใจคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ยื่นมือไปรับแก้วน้ำมาดื่ม เริ่มคุ้นเคยกับสภาพการมองไม่เห็นพอจะเดินไปไหนมาไหนในห้องโดยไม่ชนอะไรล้มโครมครามอีกแล้ว
“ก็บอกแล้วว่า ให้ใจเย็นๆ ไงคะคุณสักกะ”
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจสงสัยขึ้นมาทันที ก่อนพยาบาลสาวจะรู้ตัวหรือตั้งตัวเขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก เพราะรู้ว่าเธออยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
“คุณรู้ชื่อผมได้ยังไง ผมไม่เคยบอกชื่อคุณเลย คุณคือสโรชินใช่ไหม”
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวคุณก็รู้แล้ว ปล่อยมือดิฉันก่อนค่ะ”
เธอค่อยๆแกะนิ้วมือของเขาออกทีละนิ้ว ชายหนุ่มถอนใจ ยอมปล่อยมือแต่โดยดี แล้วก็รู้สึกว่าผ้าปิดตาถูกแกะออกทีละน้อยและแผ่วเบานุ่มนวล จมูกได้กลิ่นหอมบางเบาที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ไม่ได้หวานใสเหมือนเมื่อหลายวันก่อน เสียงของเธอราบเรียบและค่อนไปทางห่างเหิน
“เรื่องที่คุณควรรู้ในวันนี้คือ วันนี้เป็นวันครบกำหนดในการเปิดผ้าปิดตาของคุณพอดี อย่าเสียใจนะคะถ้าอะไรๆ ไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”
สักกะมองเห็นแสงสว่างแล้ว แสงสว่างซึ่งห่างหายไปจากสัมผัสการรับรู้ามานาน ครั้งแรกภาพต่างๆ พร่าเลือนเหมือนปรับโฟกัสไม่ชัด ต้องใช้เวลาสักพักกว่าทุกอย่างจะกระจ่างชัดขึ้นมา
ดีใจก็ดีใจ
ดีใจที่สามารถกลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งแรกที่ทำคือมองหานางพยาบาลเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ใช่สโรชิน และก็แน่ใจในที่สุดคือพบว่าในห้องนอกจากหมอและพยาบาลแปลกหน้าแล้ว ไม่มีหญิงสาวลึกลับในเกมเลย
นางพยาบาลสาวไม่ใช่สโรชิน
.
เกมรักพิศวง 10 ไม่ใช่เธอ
https://ppantip.com/topic/38537628
ฟังดูแล้วไม่ต่างจากเด็กติดเกมขนาดหนักเลยสักนิด พยาบาลสาวไม่ยอมฟังคำอุทธรณ์ใดๆ ดันตัวของเขาลงไปนอนจนได้ ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด หลังถูกฉีดยาก็หลับลึกลงไปอีก
...............
สักกะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผ้ายังคงปิดคาดตาอยู่อย่างแน่นหนา ส่วนจะเป็นผ้าผืนเก่าผืนใหม่ชายหนุ่มไม่สนใจ รู้แต่ว่าคราวนี้มันคาดอยู่ในลักษณะแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม เหมือนจงใจให้แกะยากลำบากมากขึ้น เขายกมือแตะผ้าปิดตาอย่างไม่ตั้งใจ
“ลืมที่บอกไว้แล้วหรือคะ ว่าอย่าเพิ่งแกะผ้าปิดตา”
น้ำเสียงค่อนข้างคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ เขาสะดุ้งแล้วหันหน้าไปทางเสียง รู้สึกว่าพยาบาลสาวคนนี้คงต้องเฝ้าดูแลเขาแทบตลอดเวลา พอฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงของเธอทันที
สักกะนิ่งเงียบไปพักหนึ่งอย่างคนพยายามทำใจ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงห้วนๆ
“แล้วนี่ผมจะต้องมานอนฟังคำสั่งโน่นนี่ของคุณอีกสักกี่วันกัน แล้วเมื่อไรตาของผมจะหายดี พวกหมอพวกพยาบาลเก่งๆ หายไปไหนหมด”
“พวกเราก็พยายามกันอยู่แล้วนะคะ”
“ผมไม่เห็นพวกคุณทำอะไรเลย” เขาต่อว่าเมื่อไม่ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจ
“ใจเย็นๆสิคะ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไร เพราะคุณหลับๆตื่นๆ มาสองวันแล้ว แต่คุณคงไม่รู้ตัวหรอก แถมละเมออะไรต่อมิอะไร เดี๋ยวก็หายแล้ว เอาละ ได้เวลากินยาแล้วนะคะ”
เสียงแก้วน้ำกระทบถาดรองแก้วดังอยู่ใกล้ๆพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ตัว สักกะรู้สึกว่าถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง
“อ้าปากสิคะ...จะได้ทานยา”
“ทำไมผมต้องเชื่อฟังคุณด้วย” เขายังทำอิดออดทั้งที่รู้ว่าไร้ผล ความจริงเพราะไม่ชินกับการมีคนมาป้อนข้าวป้อนน้ำต่างหาก
“คุณเป็นคนไข้ ส่วนฉันก็เป็นพยาบาลนี่คะ คนไข้ก็ควรทำหน้าที่ของคนไข้ พยาบาลก็ต้องทำหน้าที่ของพยาบาลจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ถ้าอยากหายกลับบ้านเร็ว ๆไปเล่นเกม.. ก็ต้องกินยาจริงไหมคะ”
น้ำเสียงตรงคำว่า “เล่นเกม” ดูจงใจเน้นเป็นพิเศษ ถ้าคำพูดเป็นตัวหนังสือเขาต้องเห็นเป็นตัวหนังสือหนาขีดเส้นใต้เน้นความสำคัญเป็นแน่แท้ และเสียงดุๆแบบนี้ใครจะกล้าขัด สักกะถอนใจ ยอมอ้าปากรับยาซึ่งป้อนเข้าปากแต่โดยดี ตามด้วยน้ำอีกแก้วบรรจงส่งถึงปาก
“ดีมากค่ะ ทีนี้นอนลง จะเช็ดตัวให้นะคะ” น้ำเสียงมีแววค่อนข้างพอใจกับการยินยอมแต่โดยดีของคนไข้หนุ่ม
“เดี๋ยวนะ คุณว่าผมละเมอเหรอ”
“ใช่สิคะ ก็ละเมอถึงสโรชิน สโรชาอะไรของคุณนั่นล่ะค่ะ”
“เธอชื่อสโรชิน ไม่ใช่สโรชา” เสียงอธิบายด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ มาเรียกชื่อผิดๆ ได้อย่างไรกัน จะมากเกินไปแล้ว
“ค่ะ สโรชินก็สโรชิน ขอโทษนะคะที่เอ่ยชื่อคนสำคัญของคุณผิด”
“ไม่ต้องมาเรียกแล้ว”
หูเหมือนแว่วเสียงหัวเราะกับอาการพาลเกเรกึ่งงอนของเขา ชายหนุ่มรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาเล็กน้อย พยาบาลอะไรมาหัวเราะใส่คนไข้ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ...
“ไม่ต้องมาหัวเราะ คุณพยาบาลมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะคนไข้”
“ก็คุณทำตัวเหมือนเด็กขี้งอนนี่คะ”
สักกะอ้าปากจะต่อปากต่อคำ แต่แล้วก็ชะงัก น้ำเสียงของพยาบาลสาวฟังดูคุ้นๆชอบกล และความรู้สึกแบบนั้นทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนจากการโต้เถียงเป็นคำถามใหม่ทันที
“ขอโทษนะครับที่ถาม คุณชื่ออะไรครับคุณพยาบาล”
“ไม่ใช่ชื่อสโรชินก็แล้วกันค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง เพราะแอบหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นสโรชิน ทั้งที่ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นไปได้ เธออยู่ไหนก็ไม่รู้และยังตาบอดด้วย แถมใช้เวลาอยู่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ คำตอบของพยาบาลสาวก็ยืนยันชัดเจน และถ้าเป็นเธอจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังความจริง อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง ความคิดบางอย่างพุ่งวูบขึ้นมาทำให้เขาสะดุ้งโหยง
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพิ่งคิดได้!
ซวยละงานนี้ ในเมื่อไม่ได้มีบัตรสิทธิพิเศษอะไรเลยอย่างจะใช้สิทธิ์ช่วยเหลือค่าใช้จ่าย!
“คุณสะดุ้งอะไรคะ”อาการผิดปกติของเขามีคนสังเกตเห็น
“ผมไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรอก ผมจะกลับบ้าน” เขาบอกเสียงห้วน
“จะกลับได้ยังไงคะ คุณยังไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล เอาเถอะค่ะ เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ค่อยหาทางออกร่วมกัน แต่ถึงเวลาคุณต้องพักผ่อนแล้วละค่ะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เอาละ เดี๋ยวดิฉันจะพาคุณไปห้องน้ำ”
”ไม่ต้อง ไม่ต้อง” สักกะร้องเสียงหลง โบกไม้โบกมือพัลวัน “ผมเดินเข้าห้องน้ำเองได้ ไม่ต้องลำบากรบกวนคุณพยาบาลหรอก ผมพอลุกเดินได้” สำหรับชายหนุ่มแล้ว การถูกผู้หญิงพยุงประคองเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด ตราบใดที่สองแขนสองขายังพอไหว ไม่มีทางเสียละว่าจะยอม
“คุณยังเดินไม่ได้ถนัดหรอกค่ะ เดี๋ยวก็ล้มบาดเจ็บเพิ่มอีก” เสียงของเธอลากยาวอย่างใจเย็น คงนึกขำท่าทางของคนไข้หนุ่ม “ไว้ใจเถอะค่ะ จะส่งคุณถึงหน้าห้องน้ำเท่านั้น ถ้าคุณจะเขินอายขนาดนี้
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก ยอมจำนนกับเหตุผลอันน่าขายหน้าเสียฟอร์มของตัวเอง หลังจากนั้นก็หมดอารมณ์จะคุยกับใคร ความหวังเล็กๆ เกี่ยวกับสโรชินชนิดเป็นไปไม่ได้ที่เพิ่งก่อขึ้นมาดับวูบลงไปในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากกินยาฉีดยาเรียบร้อย เขาก็หลับอย่างยินยอมพร้อมใจเพื่อที่จะได้คิดถึงใครบางคนให้หลับไป โดยหวังว่าจะได้พบกับเธอคนนั้นในความฝัน
เวลาผ่านไปน่าจะหลายวัน สักกะเริ่มแข็งแรงมากขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้ยุ่งกับผ้าปิดตาอันน่ารำคาญ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โง่มากพอจะทำลายโอกาสในการมองเห็นของตนเอง หมอมาตรวจดูอาการหลายครั้ง บางครั้งก็พาไปตรวจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์อะไรสักอย่างที่ไม่รู้จัก ทุกครั้งก็จะได้รับความหวังในทางที่ดีเสมอ เขาเองก็พยายามทำใจเชื่อคำพูดของหมอ และได้รับการดูแลใส่ใจจากพยาบาลสาวคนนั้นเป็นอย่างดี
วันนี้เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกแปลก ๆ เนื่องจากในห้องดูสงบเงียบ เกือบเผลอใช้มือดึงผ้าปิดตาออกแล้ว แต่พอนึกถึงคำพูดของนางพยาบาลสาว ก็ต้องสะกดใจไว้อย่างลำบากยากเย็น วันนี้ท่าทางเธอไม่อยู่ เฝ้าดูแลเหมือนอย่างเคย
แน่ล่ะ...ใครจะมีเวลามาเฝ้าคนไข้ทั้งคืนทั้งวัน
ลองขยับตัวลุกจากเตียง อาการเจ็บบริเวณชายโครงลดลงไปมากแล้ว จะเหลือก็ปัญหาการมองเห็นเท่านั้น ใจเริ่มนึกถึงสโรชิน เธอตาบอดยังเดินไปไหนมาไหนได้ทั่วห้อง เขาเองก็น่าจะลองเดินดูบ้าง ในห้องแคบๆ แบบนี้คงไม่ยากเย็นอะไร
รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขณะขยับตัวออกจากเตียง มือปัดไปโดนแก้วน้ำหล่นลงจากโต๊ะบริเวณหัวเตียง สักกะใจหายวาบ เมื่อนึกถึงภาพเศษแก้วแหลมคมกระจายเต็มพื้น แต่พอฟังเสียงแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมา นั่นเป็นเสียงแก้วทำมาจากอะลูมิเนียมหรืออาจจะเป็นสแตนเลส จึงมีแต่เสียงกังวานของโลหะกระทบพื้น ค่อยก้มตัวลง มือควานหาแก้วน้ำอย่างระมัดระวังเพราะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่ในความมืด รู้สึกว่าอะไรๆ มันยุ่งยากลำบากไปหมด
ขณะกำลังยื่นมือควานไปมาตามพื้น ศีรษะก็โขกเข้ากับขอบโต๊ะหัวเตียงอย่างจัง เจ็บเหมือนถูกทุบด้วยค้อน เขารู้ว่ามันเป็นโต๊ะเพราะรู้สึกได้จากน้ำหนักและแรงกระแทกเคราะห์ ยังดีว่าโดนบริเวณหน้าผาก ถ้าโดนตรงนัยน์ตาคงหนักมากกว่านี้
“บ้าเอ๊ย.....!” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่า มือกุมหน้าผาก สบถออกมาอย่างฉุนเฉียว ทำไมต้องมาวางโต๊ะไว้ตรงนี้ด้วย รู้ทั้งรู้ว่าเขามองไม่เห็น ที่อื่นมีถม ทำไมไม่ไปวาง ! แล้วแก้วน้ำเจ้าปัญหากลิ้งไปทางไหนแล้ว
ยื่นมือออกไปข้างหน้า พลางนึกถึงแมลงที่นำทางไปด้วยหนวดของมัน ปลอดภัยแน่นอน มีอะไรขวางอยู่ข้างหน้าต้องโดนมือก่อน คำนวณทิศทางของห้องน้ำอย่างคร่าว ๆ เตียงอยู่ทางนั้น ห้องน้ำต้องอยู่ด้านนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเข้าห้องน้ำจะลำบากยากเย็นจนไม่อยากเชื่อ
แต่สักกะลืมนึกถึงพื้น
เข่าซ้ายวางลงไปบนอะไรบางอย่างแข็งๆกลิ้งได้ มันทำให้เกิดอาการลื่นเสียหลักทำให้ผวาหน้าคว่ำลงไปกับพื้นทันที มือไขว่คว้าหาที่จับยึดตามสัญชาตญาณ แต่ไปคว้าเอาขอบโต๊ะหัวเตียงลากล้มโครมครามตามแรงเหนี่ยวระเนระนาดกระจัดกระจาย ชายหนุ่มนอนสิ้นสภาพอยู่บนพื้นอย่างมึนงงปลงตกกับชีวิต คราวนี้ไม่รู้เหนือรู้ไต้แล้ว
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงนางพยาบาลสาวแว่วเข้ามาในโสตประสาทอันอึงอล เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับว่ารู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเสียงของเธอ แม้ว่าจะกระดากอายกับอาการ ‘หมดสภาพ’ ของตนเองก็ตาม
“ผมไม่เป็นไร”เขาพยายามลุกขึ้นแม้จะมีอาการหัวทิ่มหัวตำอยู่บ้างก็ตาม แต่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เห็น โดยเฉพาะกับนางพยาบาลคนนี้
“แล้วคุณลงไปคลุกอยู่บนพื้นทำไมคะ”
“คุณมาช้าไป ผมก็แค่อยากเข้าห้องน้ำ ทำไมคุณไม่มาให้เร็วกว่านี้” ออกอาการพาลตามเคย จมูกได้กลิ่นหอมจางๆลอยมาในอากาศ คงเป็นแป้งหรือเครื่องสำอางที่เธอใช้เป็นประจำ จนทำให้เริ่มจดจำกลิ่นได้
“นี่คุณ...” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปสักกะก็เริ่มพูดขึ้นก่อน “เมื่อไรผมจะหายเป็นปกติเสียที รู้ไหมว่าสภาพคนตาบอดมันทรมานขนาดไหน ไม่...คุณไม่รู้หรอก เพราะคุณไม่เคยตาบอดนี่นา”
“ใจเย็นๆสิคะ...และที่สำคัญ ฉันเข้าใจคุณ อีกไม่กี่วัน คุณก็จะได้ฟังข่าวดีแล้วค่ะ”
รอฟังข่าวดี ๆ ที่ว่าอีกหลายวัน? สักกะพยายามทำตัวเองให้เคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืด และนึกถึงหญิงสาวในเกมพิศวง นึกแปลกใจว่าเธอคนนั้นทำได้อย่างไรกัน ถึงสามารถเดินไปไหนมาไหน ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ราวกับเป็นคนสายตาปกติ ทำให้ยิ่งรู้สึกนับถือชื่นชมเธอมากขึ้น
หลายวันมานี้เมื่อทำอะไรไม่ได้ดังใจก็มักจะพาลมาลงที่นางพยาบาลสาวผู้นั้นเสมอ อธิบายไม่ได้ว่าทำไม หรือว่าเป็นเพราะนิสัยวู่วามนิสัยเสียของเขาเอง หรือเป็นเพราะสภาพเก็บกดทางอารมณ์กันแน่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน
วันนี้สักกะเริ่มทานอาหารเช้าได้ด้วยตัวเองบ้างแล้ว โดยมีนางพยาบาลสาวคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบ้าน” เขาถามขณะในใจคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ยื่นมือไปรับแก้วน้ำมาดื่ม เริ่มคุ้นเคยกับสภาพการมองไม่เห็นพอจะเดินไปไหนมาไหนในห้องโดยไม่ชนอะไรล้มโครมครามอีกแล้ว
“ก็บอกแล้วว่า ให้ใจเย็นๆ ไงคะคุณสักกะ”
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจสงสัยขึ้นมาทันที ก่อนพยาบาลสาวจะรู้ตัวหรือตั้งตัวเขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก เพราะรู้ว่าเธออยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง
“คุณรู้ชื่อผมได้ยังไง ผมไม่เคยบอกชื่อคุณเลย คุณคือสโรชินใช่ไหม”
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวคุณก็รู้แล้ว ปล่อยมือดิฉันก่อนค่ะ”
เธอค่อยๆแกะนิ้วมือของเขาออกทีละนิ้ว ชายหนุ่มถอนใจ ยอมปล่อยมือแต่โดยดี แล้วก็รู้สึกว่าผ้าปิดตาถูกแกะออกทีละน้อยและแผ่วเบานุ่มนวล จมูกได้กลิ่นหอมบางเบาที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ไม่ได้หวานใสเหมือนเมื่อหลายวันก่อน เสียงของเธอราบเรียบและค่อนไปทางห่างเหิน
“เรื่องที่คุณควรรู้ในวันนี้คือ วันนี้เป็นวันครบกำหนดในการเปิดผ้าปิดตาของคุณพอดี อย่าเสียใจนะคะถ้าอะไรๆ ไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”
สักกะมองเห็นแสงสว่างแล้ว แสงสว่างซึ่งห่างหายไปจากสัมผัสการรับรู้ามานาน ครั้งแรกภาพต่างๆ พร่าเลือนเหมือนปรับโฟกัสไม่ชัด ต้องใช้เวลาสักพักกว่าทุกอย่างจะกระจ่างชัดขึ้นมา
ดีใจก็ดีใจ
ดีใจที่สามารถกลับมามองเห็นอีกครั้ง สิ่งแรกที่ทำคือมองหานางพยาบาลเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ใช่สโรชิน และก็แน่ใจในที่สุดคือพบว่าในห้องนอกจากหมอและพยาบาลแปลกหน้าแล้ว ไม่มีหญิงสาวลึกลับในเกมเลย
นางพยาบาลสาวไม่ใช่สโรชิน
.