สงสารแต่ก็ต้องตรเพราะอยากให้เขาจำ

ลูกชายเราอายุ 2 ขวบ 2  เดือน ลูกสาวอีก3 วันจะครบ3 เดือน ลูกชายเราซนมากกกกก คุยกะเราบางครั้งก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง วิ่งชนหน้าชนหลัง เวลาเล่นของเล่นชอบโยนไปมา บางทีของเล่นมันเป็นำม้ก็โยนไอ้เราก็กลัวโดนน้องก็บอกว่าอย่าโยนมันจะโดนน้อง ก็ไม่ฟัง บอกบ่อยต่อบ่อยไม่ฟังก็ต้องลงไม้ลงมือโดนตี แล้วก็ร้องไห้ไม่ถึงนาทีก็ซนเหมือนเดิม บางทีไม่รู้จะบอกยังไงให้จำ บางครั้งพูดไม่ฟังมากๆเข้า เราก็จับแขนเขามารวมกันไว้ไม่ให้ไปไหน เขาก็พยายามดึงออกจากมือเราเราก็จะรัดแน่นขึ้น เขาก็ร้องไห้แต่เราไม่ตีตอนรัดแขนนะ พอร้องไห้เราก็พูดกับเขาว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด ไม่ดี โดนน้องเจ็บ มำแบบนี้ไม่น่ารัก บอกสารพัด ตอนทีเราเอามือรัดมือเขา. เขาพยายามอยู่นานนะคะที่จะเอามือเขาออกพอเอาออกไม่ได้ก็ดีดเรา เราก็เลยตีขาไปทีนึง พอดิ้นไม่ออก ไม่กัดเราทีนี้จะกัดตัวเอง เราก็เลยตีปากเขา แต่ตีไม่ได้แรง ตอนนี้ก็พยายามคุยกะเขา จนเขานอนนิ่งไปแต่ก็ร้องไห้อยู่เราเลยปล่อยเขา ไม่ถึง3นาทีหรอกคะซนเหมือนเดิม บางทีก็ไม่อยากตีบ่อย แต่ก็ไม่รู้จะกำจัดลิงให้สงบยังไง ทุกครั้งที่เอาลูกนอนเราจะคุยกะเขาบอกรักเขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดนะ หนูต้องรักน้อง ไม่ดื้อไม่ซน แม่ตีหนูเพราะหนูทำผิด เป็นเด็กน่ารักอยู่ไหนใครๆก็รัก ดื้อมากๆไปอยู่ไหนใครๆก็ไม่รักนะ แม่รักหนูนะแล้วก็หอมเขา เขาก็กอดเราแล้วหลับ ตื่นเช้ามาเหมือนเดิมคะซนเหมือนเดิม ตีกันเหมือนเดิม ไม่อยากตี แต่ก็อยากให้เขาจำ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เราเคยบอกคุณไปว่าลูกคนโตคุณกำลังของคุณกำลังเป็นวัย terrible two
    แต่ลูกคนเล็กยังอยู่ในวัยทารก
ดังนั้น  ตอนนี้คุณควรดูแลสภาพจิตใจ เอาใจใส่ลูกคนโตมากๆ อย่าให้เค้ารู้สึกว่าพอมีน้องเค้าทำอะไรก็ผิด หรือน้องเกิดมาแย่งทุกอย่างไปจากเค้า
  คุณต้องปรับวิธี ไม่ควรจะกดดันเค้าด้วยคำว่าพี่
    ส่วนลูกคนเล็ก เวลานี้ให้เน้นเรื่องสุขภาพกาย การกิน นอน ขับถ่าย พัฒนาการให้สมวัย
   สำหรับการลงโทษ ทำไมไม่ใช้วิธีอื่นละคะ คุณรู้ว่าเค้าพยศหนัก ก็จัดการอุ้มเค้าไปมุมอื่นให้ห่างจากน้องก่อน น้องจะได้ไม่เป็นอันตราย จากนั้นก็ให้ทำtime outก็ได้ เรื่องนี้ก็เคยแนะนำไปเช่นกัน
    หมดเวลาก็มาสอนกัน อธิบายด้วยเหตุผลว่าเค้าอะไรทำผิด ทำไมแม่ต้องทำโทษ
   แล้วเรื่องการโยนของ ทำความเข้าใจก่อนว่า การที่เด็กอายุ1-3ขวบ ชอบโยนของนั้น เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามวัย เป็นการฝึกทักษะในการที่จะใช้สายตาและมือประกอบกัน
  หากการโยนของไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือทำให้ใครบาดเจ็บ ก็ไม่ควรที่จะลงโทษลูก
   แต่คุณควรจะสอนลูกว่า ของสิ่งไหนโยนได้ ของสิ่งไหนห้ามโยนและโยนของที่ไหนได้บ้าง  
   ซึ่งตรงนี้ หากเป็นไปได้ ขอให้จัดสรรพื้นที่ให้ลูก คุณรู้ว่าเค้าจะโยนของไปทางน้อง ก็ให้เค้าไปเล่น ไปโยนของไกลๆจากที่น้องอยู่และในบริเวณนั้นให้มีแต่ของที่อนุญาตให้ลูกโยนได้ เช่น ลูกบอลหลายๆสี หลายๆขนาด แต่ควรเป็นลูกบอลแบบนิ่มๆและควรเก็บของที่ไม่ควรนำมาให้ลูกขว้างให้พ้นมือและสายตาของเค้า
    แต่ถ้าหากลูกยังจะโยนของที่ไม่ควรฌยน เช่น อาหาร ก้อนหิน รองเท้า ฯลฯ หรืออาจจะเป็นในกรณีที่เค้าจะโยนของใส่คนอื่น
   ก็ให้คุณจับมือลูกไว้ไม่ให้เค้าโยนได้  มองตาเค้า จ้องตาอย่างจริงจัง ห้ามทำเป็นล้อเลียนลูก   ให้ใช้น้ำเสียงนิ่งๆ น่าเกรงขาม ควรใช้คำสั้นๆเช่น "ไม่" "หยุด" ไม่ต้องพูดอะไรยืดยาว
    ถ้าลูกมีท่าทีสงบยอมฟังและทำตามแต่โดยดีก็ปล่อยมือลูก อย่าลืมเมื่อลูกหยุดโยน  เช่น  "ใช่แล้วลูก เด็กดีไม่โยน...(ชื่อสิ่งของ)...นะคะ/นะครับ   หรือ"เด็กดีไม่โยนของใส่คนอื่นนะคะ/นะครับ "
   หากปล่อยมือแล้วยังจะโยนอีกก็จับมืออีก ทำอย่างนี้บ่อยๆ ลูกก็จะเรียนรู้ว่าเค้าจะไม่มีสิทธิในการโยนของตามอำเภอใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่