นศ.สาวโพสต์เล่า ถูกลวนลามบนรถไฟฟ้า แต่กลับไร้คนช่วย-เอาแต่มอง

Wutt T.  February 7, 2019    
  


นักศึกษาโพสต์เตือนภัยบนรถไฟฟ้า หลังจากเธอลูกชายโรคจิตลวนลามจับอวัยวะเพศ แต่กลับไม่มีคนช่วย ก่อนแนะตะโกนด่า พร้อมเปิดกล้องโทรศัพท์ไว้หากเห็นท่าไม่ดีกำลังถูกกระทำ

วันนี้ (7 ก.พ. 2562) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wimalin Pongsuntorn ได้มีการโพสต์ข้อความเตือนภัยให้ผู้หญิงที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางระมัดระวังโดยเฉพาะนักศึกษาสาว หลังจากเธอถูกชายโรคจิตลวนลาม ระหว่างที่โดยสารอยู่ในรถไฟฟ้า

โดยเธอเล่าว่า วันเกิดเหตุขบวนรถไฟฟ้าที่เธอโดยสารอยู่นั้น เต็มไปด้วยผู้คนที่แออัด ระหว่างนั้นได้มีผู้ชายอายุประมาณ 40-50 ปี ยืนอยู่ด้านหน้าและพยายามเอามือมาลวนลาม เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงได้ขยับหนีแต่ชายคนดังกล่าวก็ยังตามมา



เมื่อถึงสถานีที่เธอจะลง ขณะที่ประตูกำลังจะเปิด ชายคนดังกล่าวก็ใช้มือมาจับบริเวณจุดสงวนของเธออย่างจัง ทำให้เธอร้องตะโกนถูกโรคจิตลวนลาม ก่อนด่าทอชายคนดังกล่าวเสียงดัง จนคนที่อยู่ในขบวนรถ และรอขึ้นรถที่สถานีหันมามอง แต่กลับยืนเฉยๆ ไม่มีคนช่วยเหลือหรือพยายามจับกุมชายคนดังกล่าว จนทำให้หนีไปได้ มีเพียงหญิงสูงอายุรายหนึ่งที่เพิ่งเข้าขบวนมาถามว่า “หนูโอเคไหม” เท่านั้น

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุเธอได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พร้อมประสานขอดูภาพวงจรปิดจึงทำให้ทราบว่า คนก่อเหตุจะมีพฤติกรรม นั่งรถวนๆ สายสีลม โดยจะยืนอยู่บริเวณหัวและท้ายขบวนเพราะคนเยอะสุด ดังนั้นๆ สาวที่ชอบอยู่บริเวณดังกล่าวระวังกันด้วย อย่างไรก็ดีหากรู้ตัวถูกลวนลามขึ้นมาไม่ต้องอาย ตะโกนด่าได้เลย เอาให้คนสนใจ

และถ้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ ควรเปิดกล้องโทรศัพท์ไว้รอก็ได้ เผื่อทุกอย่างมันฉับพลันจะได้ไม่พลาด และเป็นหลักฐานล่าตัวคนร้ายได้ รวมไปถึงถามชื่อและเบอร์โทรศัพท์คนยืนข้างๆ หรือคนที่เห็นเหตุการณ์ไว้ด้วย เพื่อให้ช่วยเป็นพยานตอนไปแจ้งความ เพราะต่อให้ไม่มีหลักฐานเป็นรูปหรือคลิป แต่ก็ยังมีพยานบุคคลเอาผิดได้อยู่

MTHAI
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ในที่สาธารณะการที่คนๆนึงถูกทำร้ายหรือรังแกโดยที่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วย ยิ่งสังคมเมืองมีแต่คนที่มีการศึกษาสูงยิ่งจะไม่กล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงด้วยเลยครับ สิ่งนี้จึงเป็นช่องโหว่ให้คนจิตไม่ปกติได้โอกาสลงมือกระทำกับเหยื่อ แต่หากในสถานที่แห่งนั้นเกิดมีพลเมืองดีที่มีความกล้าหาญมากหรือมีประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้เพียงคนเดียวหรือไม่กี่คน(เคยมีเหตุการณ์บนรถเมล์ผมดูจากรายการทีวีนะครับ ขนาดคนขับรถปิดประตูกักคนโรคจิตไว้ แต่สุดท้ายมันก็อาศัยจังหวะหนีลงไปได้ เพราะคนหลายคนในนั้นไม่มีใครกล้าจับกุมตัวมันครับเพราะมันขู่ว่าจะสู้) คนโรคจิตเหล่านี้จะมีวิธีในการเอาตัวเองรอดครับ ทั้งการแสดงความก้าวร้าวใส่ และการรู้จักหลบหนีไปจากสถานที่นั้นได้โดยเร็ว ซึ่งมันยากต่อการที่จะควบคุมตัวเขาไว้ เป็นการเสี่ยงอันตรายจนเกินไปของพลเมืองดีครับ

เคยมีเหตุการณ์ที่คนถูกทำร้ายอยู่กลางแจ้ง มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมามากมาย แต่ไม่มีคนไหนเลยที่จะรีบเข้าไปช่วยเหยื่อนะครับ มันเป็นช่องโหว่ของสังคมที่คนไม่รู้จักกันครับ ตราบต่อเมื่อมีฮีโร่ซัก 1 คนที่เข้าไปช่วยแล้วปลอดภัยเท่านั้นแหละครับ จึงจะมีคนอื่นๆตามเข้าไปช่วยซ้ำ ในหลายๆเหตุการณ์เหยื่อโดนรุมฟัน รุมแทง ต่อหน้าต่อตาคนหมู่มากจนตายไปตรงนั้น จึงเป็นกรณีศึกษาให้ได้วิเคราะห์ครับว่าการเอาตัวรอดในที่สาธารณะที่คนมักคิดว่าปลอดภัยนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง

ฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างในกรณีอีก ให้คุณผู้หญิงมองหาผู้ชายในสถานที่แห่งนั้นที่คุณเล็งเห็นผลได้ว่า มีแววดาที่แสดงความกล้าหาญ หรือมีร่างกายที่ใหญ่โตพอที่ป้องกันคุณได้ ให้คุณเดินไปหาเขาครับแล้วจับที่แขนเขาบอกเขาว่าพี่ช่วยหนูด้วยค่ะ แล้วคุณก็เดินไปหลบที่ด้านหลังเขานะครับ ถ้าเขาไม่ช่วยอะไรคุณเลย ไม่ถามไถ่อะไรคุณเลย และยังทำท่าทางจะหลบหลีกให้กับคนโรคจิตที่เดินตามคุณมา ก็ขอให้คุณชิ่งเดินหลีกหนีออกไปหาคนอื่นๆต่อไปครับ พยายามสบตาทุกคนด้วยสีหน้าที่ขอความช่วยเหลือ แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันครับ คุณผู้หญิงบางท่านจิตใจกล้าหาญกว่าผู้ชายและไม่ชอบเห็นใครถูกรังแกก็มีครับ เดินไปหาเขาหรือเธอและหลบไปด้านหลังตัวเขาหรือเธอ เป็นการใช้จิตวิทยาทางสังคมกดดันคนที่เดินตามคุณครับ ผมเชื่อว่าจะมีลูกผู้ชายในนั้นแสดงตัวปกป้องคุณแน่นอนครับ

อย่าให้คนโรคจิตใช้จิตวิทยาของสังคมตัวใครตัวมันมารังแกคุณได้ ในที่สาธารณะคนเราไม่ได้พูดจากัน ไม่รู้จักกัน ไม่รู้ที่มาที่ไปของคน 2 คน มันก็เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าช่วยครับ แต่ถ้าได้รู้ว่าคุณถูกรังแก และทั้งคู่ไม่รู้จักกัน โดยลักษณะนิสัยคนไทยแล้วไม่มีใครชอบครับ จิตอาสาในเมืองไทยเยอะแยะครับแต่เราต้องรู้จักวิธีรวมคน(รวมตรีน) ซึ่งถ้าคุณผู้ชายท่านไหนเห็นผู้หญิงถูกรังแกในที่สาธารณะ มันก็มีวิธีในการพูดเพื่อรวบรวมสหบาทาก่อนที่คุณจะเข้าไปเดี่ยวกับคนโรคจิตนะครับ จะได้ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยลำพัง ไม่มีใครอยากเห็นฮีโร่ที่ตายไปแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 8
ใครจำเคสเมื่อ 20 แีที่แล้วได้บ้าง
มีผู้หญิงโดนกระชากสร้อย 1 สลึง ราคา  สมัยนั้นน่าจะ ไม่กี่พันบาท

ผู้หญิงคะโกนให้คนช่วย
มีสามล้อ จอดรถลงไปช่วยโดนคนร้ายแทงตายคาที่
เหตุเกิด แถว วัดหนัง  ตลาดพลู

คิดดู สร้อยสบึงนึง  ไม่กี่พันิ จริงปล่อยไปเลย แต่สามล้อไปช่วยจับคนร้ายตายเลย  เอาชีวิตไปแลกกับของไม่กี่พัน

สมมุติต่อ ถ้าสามล้อเกิดต่อสู้ชนะ เอาคันเกียร์รถตีคนร้ายตาย

สามล้อจะเจอข้อ ทำเกิรกว่าเหตุติดคุกอีก

นี่แค่โดนล้วงนิดหน่อย คนเข้าไปข่วยอาจตายฟรี หรือติดคุกถ้าเกิดไปต่อยคนร้ายตาย

เป็นผม เจอร้องให้ช่วย  ผมเดินหนีก่อนเลย  พร้อมโทรแจ้ง  191

พอดีภาระเยอะ  พ่อ  แม่ แก่ ผมต้องดูแล  หมอนัดต้องพาไปหาหมอ

ดังนั้น  ผมขอผ่านครับ

อย่างถ้ามีโจรมาปล้น ผมให้ของหมดเลยครับไม่สู้  แต่ขอค่ารถเมล์โจรครับ  เวินหาใหม่ได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 16
ตอนเกิดเหตุไม่มีใครช่วยหรอกครับ   แต่ ตอนพาไปทำแผน มักจะพากันกรูช่วยกันกระทืบ
เพราะคนไทย เก่งได้เพราะคนหมู่มากเท่านั้น  เรื่องที่จะให้เข้าไปช่วยตัวคนเดียว ไม่กล้าหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าไม่ได้เห็นจังๆกับตาผมก็ไม่กล้ายุ่งด้วยหรอก คุณรู้ได้ยังไงว่าผู้ชายคนนั้นทำจริงหรือป่าว ใครจะไปรู้ เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าอยู่ดีๆโดนผู้หญิงข้างๆโวยวายว่าไปลวนลามเค้าทั้งที่ตัวเองยืนอยู่เฉยๆ จะทำอะไรต้องมองให้รอบด้านด้วย ไม่งั้นคนบริสุทธิ์อาจจะซวยไปด้วย
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าเข้าไปช่วยจับคนร้าย.  คนร้ายบาดเจ็บ. โดนคดีอาญานะครับ.  อาจโดนหนักกว่าคนร้ายอีก.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่