วันที่คนไทยเสพติดชีวิตหน้าจอ ใครอยากระบายความเครียด อยากด่า ต่อว่าอะไรก็ทำได้โดยง่าย เพียงแค่โพสต์รูปกับข้อความเท่านั้น สื่อต่างๆ ในยุคที่ไร้ซึ่งจริยธรรม จรรยาบรรณ ใครๆ ก็เป็นสื่อได้จากโทรศัพท์มือถือ แอบถ่าย โพสต์ข้อความแรงๆ ก็ดึงดูดความสนใจ ได้ยอดวิว ยอดคลิ๊กไปต่อยอดในการเพิ่มรายได้ เพื่อให้อยู่รอดจาก Digital Disruption โดยที่เนื้อหานั้นจะกระทบกับใครให้เสียหาย สื่อเหล่านั้นเว้นซึ่งความรับผิดชอบ
ในโลกออนไลน์หากใครก็ตามรู้สึกเกลียดชังก็กล่าวร้าย ป้ายสีกันได้ง่ายๆ เพราะไม่ได้มีการเผชิญหน้ากัน เช่น ข่าวดาราที่เห็นกันอยู่ทั่วไป ต่างฝ่ายต่างโพสต์โต้ตอบกันไปมาผ่านหน้าจอของตนเอง ความรุนแรง หยาบคาย ไม่สามารถควบคุม ยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง ขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก
ต่างจากการทะเลาะกันซึ่งๆ หน้า
ความขัดแย้งมักมี 2 ฝ่ายเสมอ แยกแยะกลุ่มได้ชัดเจนตามคู่ตรงข้ามที่แสดงความคิดเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ตอบโต้กันอยู่อย่างนั้น
ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือเจ้าของเพจ ยอดวิว ที่เป็นตัวเลขในการอ้างอิงในการขายโฆษณาให้เพจอยู่ได้
ผู้เสพก็หมดเวลาไปกับความกระหายใคร่รู้ อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แล้วก็ต้องการแสดงความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ วิจารณ์ผ่านข้อความทั้งดีและไม่ดีออกไป
Social Bullying เป็นการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด สร้างข้อมูล สร้างกระแสในเชิงลบบนเครือข่าย เพื่อเจตนาร้ายแก่ผู้อื่น
ด้วยสถิติในการอ่านของคนไทยที่น้อย คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง ขาดวิจารณญาณในการพินิจพิเคราะห์ในเชิงเหตุผล ที่มา สาเหตุและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ทำให้ผู้เสพโซเชียลกลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายเสียเอง เมื่อมีจำนวนมากขึ้นกลายเป็นกระแสกดดันเป็น Social Bullying ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหากไม่เข้มแข็งพอที่จะก้าวข้ามอาจทำให้ชีวิตพบกับความเลวร้าย เหยื่อทุกคนจึงควรได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมาย มาตรการการควบคุม และบทลงโทษที่เข้มข้นมากกว่าทุกวันนี้
การแพร่ภาพหรือข้อความที่บิดเบือน ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของเพจปลอม สำนักข่าว เกิดขึ้นมากมายทำลายสังคม
ไม่ควรปล่อยผ่าน ควรมีการควบคุมจัดการอย่างเร่งด่วน ไม่ควรเป็นชนวนความรุนแรงในสังคมอีกต่อไป
อย่าเป็นเครื่องมือให้สื่อที่ไม่ดีใช้เราในการสร้างกระแสอะไรก็ตามในการทำร้ายผู้อื่น มีสติ ในทุกๆครั้ง ก่อนที่จะคลิ๊ก หรือโพสต์อะไรลงไป
ก็จะเป็นการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง
Social Bullying เชื้อร้าย ทำลายสังคม
ในโลกออนไลน์หากใครก็ตามรู้สึกเกลียดชังก็กล่าวร้าย ป้ายสีกันได้ง่ายๆ เพราะไม่ได้มีการเผชิญหน้ากัน เช่น ข่าวดาราที่เห็นกันอยู่ทั่วไป ต่างฝ่ายต่างโพสต์โต้ตอบกันไปมาผ่านหน้าจอของตนเอง ความรุนแรง หยาบคาย ไม่สามารถควบคุม ยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง ขัดแย้งให้มากขึ้นไปอีก
ต่างจากการทะเลาะกันซึ่งๆ หน้า
ความขัดแย้งมักมี 2 ฝ่ายเสมอ แยกแยะกลุ่มได้ชัดเจนตามคู่ตรงข้ามที่แสดงความคิดเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ตอบโต้กันอยู่อย่างนั้น
ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือเจ้าของเพจ ยอดวิว ที่เป็นตัวเลขในการอ้างอิงในการขายโฆษณาให้เพจอยู่ได้
ผู้เสพก็หมดเวลาไปกับความกระหายใคร่รู้ อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แล้วก็ต้องการแสดงความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ วิจารณ์ผ่านข้อความทั้งดีและไม่ดีออกไป
Social Bullying เป็นการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด สร้างข้อมูล สร้างกระแสในเชิงลบบนเครือข่าย เพื่อเจตนาร้ายแก่ผู้อื่น
ด้วยสถิติในการอ่านของคนไทยที่น้อย คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง ขาดวิจารณญาณในการพินิจพิเคราะห์ในเชิงเหตุผล ที่มา สาเหตุและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ทำให้ผู้เสพโซเชียลกลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายเสียเอง เมื่อมีจำนวนมากขึ้นกลายเป็นกระแสกดดันเป็น Social Bullying ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหากไม่เข้มแข็งพอที่จะก้าวข้ามอาจทำให้ชีวิตพบกับความเลวร้าย เหยื่อทุกคนจึงควรได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมาย มาตรการการควบคุม และบทลงโทษที่เข้มข้นมากกว่าทุกวันนี้
การแพร่ภาพหรือข้อความที่บิดเบือน ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของเพจปลอม สำนักข่าว เกิดขึ้นมากมายทำลายสังคม
ไม่ควรปล่อยผ่าน ควรมีการควบคุมจัดการอย่างเร่งด่วน ไม่ควรเป็นชนวนความรุนแรงในสังคมอีกต่อไป
อย่าเป็นเครื่องมือให้สื่อที่ไม่ดีใช้เราในการสร้างกระแสอะไรก็ตามในการทำร้ายผู้อื่น มีสติ ในทุกๆครั้ง ก่อนที่จะคลิ๊ก หรือโพสต์อะไรลงไป
ก็จะเป็นการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง