สวัสดีค่ะทุกคน เราเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งจะมี account พันทิป หลังจากที่ตามอ่านกระทู้คนอื่นมาหลายปี จนมาช่วงหลังๆ เราเริ่มรู้สึกว่า อืม...เวลาอ่านกระทู้ที่เพื่อนๆ ไปเที่ยวกันมาแล้วเรารู้สึกมีแรงบันดาลใจ (โดยเฉพาะอ่านเวลาทำงาน 555) กับอืกเหตุผลคืออ่านของคนอื่นมาเยอะละ เราควรจะทำตัวเป็นประโยชน์แชร์ประสบการณ์ตัวเองให้โลกรับรู้บ้าง
สรุปรวบยอดก่อนนะ คือทุกทริปเรามีแฟนเราเป็นคู่หูตุนาหงันที่กอดคอ ตบหัวลูบหลัง พากันไป ใช้ iPhone ถ่ายรูปทุกทริปซึ่งแฟนเราเป็นคนถ่าย ส่วนเรานั้นมีหน้าที่กินและโพสต์ท่าที่คิดว่าสวย อ้อนและก่อกวนแฟนไปวันๆ เราก็กล้าๆ กลัวๆ ในการเขียนอยู่นาน เลยทำให้ดองทริปนี้ไว้ครบ 2 ปีพอดี (กลับมาทำ scrapbook) เลยเอาว่ะ มาเล่าให้คนอื่นฟังดูบ้าง
ทริปดองนี้รายละเอียดคงมีไม่มากนะ คิดซะว่าชีวิตเรามีสาระกันมาเยอะแล้ว วันนี้เรามาเน้นความบันเทิง ได้โปรดอย่าถือสา พยายามจะระลึกมาจากไฮโปทาลามัสแล้วได้แค่นี้ สัญญาว่าทริปหน้าจะมีรูปมาเพื่อรีวิวโดยเฉพาะ นี่มันสรุปรวบยอดยังไงเนี่ย สรุปของเกริ่นนำอีกที
เข้าสาระความบันเทิงเลยละกันค่ะ เราไปญี่ปุ่นวันที่ 1-7 มกราคม 2016 บินด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บินเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ก็ 3 2 1 บรื้นนน เครื่อง take off พร้อม Happy New Year 2016 ตอนนั้นเราได้ตั๋วประมาณ 11,000 บาทต่อคน รวมโหลดน้ำหนักกระเป๋าแล้วทุกสิ่งอย่าง (สรุปค่าใช้จ่ายรวมไว้ให้ตอนท้ายนะ) มาค่ะ time machine ย้อนหลังไปเที่ยวกัน
Day 1: 1 Jan - Narita - Shibuya - Meiiji Shrine - Disney Store - Ashikaga Route-inn - Ashikaga Flower Park
หลับยาวๆ ไปตื่นมาป๊าปปป เจ็ดโมงเช้าของญี่ปุ่น เมฆบนน่านฟ้าญี่ปุ่น ขาวใส
ข้ามขั้นตอนในสนามบินไปวาร์ปเข้ามาอยู่ที่ชิบูย่าเลย รวดเร็วแบบฉบับ 4.0 ก็หาที่เอากระเป๋าเดินทางไปฝากล็อคเกอร์เพราะเย็นนี้เราจะออกนอกเมือง ตอนนี้ขอวอร์มก่อน อยากจะบอกว่าใครมาญี่ปุ่นวันที่ 1 ม.ค ต้องแพลนให้ดี เพราะเราไม่รู้ไงวันนี้เป็นวันหยุดร้านอาหาร ห้างส่วนใหญ่จะปิด แต่ที่เปิดแน่ๆ คือศาลเจ้าเมจิ ศาลคู่บ้านคู่เมืองที่ทุกคนรู้จักกันดี แต่จะไม่รู้จักก็มวลมหาชนนับร้อยนับพันที่แห่แหนมาไหว้ขอพร คิวยาวเป็นหมื่นลี้ ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้มาไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ข้อดีคือถึงคนจะเยอะแต่เค้าก็ยังมีระเบียบ ลูกเด็กเล็กแดงที่พามาก็น่าร๊ากกกก คาวาอี้เน๊ะ
ลองเปลี่ยนเป็นรูปขาวดำ ทำให้บรรยากาศดูคลาสสิคมากราวกับย้อนไปในยุคสมัยเมจิโชกุน อิคคิวซังอะไรแถวๆ นั้น
แฟนเราไม่ใช่สายดีสนีย์แต่ยังเมตตาเราให้แวะมาที่ Disney Store ที่อยู่ย่านชิบูย่า หาไม่ยากเพราะทางเข้าก็เป็นเป็นปราสาทดีสนีย์ ข้างในก็ของขายเยอะดี เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้ต้องการเล่นเครื่องเล่น หรือใครไม่มีเวลาไป Tokyo Disneyland เราแนะนำให้แวะมาที่นี่ สนองตัณหาล้มละลายช็อปเงินหมดได้เหมือนกัน
เดินเล่นดูข้างทางไปเรื่อยๆ ข้างทางจริงๆ เข้าร้านไม่ค่อยได้เพราะร้านส่วนใหญ่หยุดปีใหม่ ใจกลางเมืองเวลาร้านปิดบรรยากาศก็แปลกไปอีกแบบนะ ข้อดีคือคุณมีที่กว้างขวางให้ถ่ายรูปได้แบบไม่มีใครรบกวน จากนั้นก็ได้เวลาอันสมควรเราจะเดินทางออกนอกเมืองด้วยการนั่งรถไฟน่าจะสัก 2-3 ชั่วโมงได้มั๊ง เพราะคืนนี้เราจะไปดู Lighthing ที่ Ashikaga กัน ตอนนั้นเราใช้ Google Map ก็นั่งไปตามที่พี่กู๋บอกเลย ไม่หลง เราจองโรงแรม (ถ้าจำไม่ผิด) Ashikaga Route-inn เดินจากสถานีไปไกลพอควร ก็ลากกระเป๋าเดินไปทำกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บ ศรัทธาในพี่กู๋ของเรา Check in
ตอนนั้นคือสามทุ่มแล้ว จริงๆ โรงแรมมีรถรับส่งฟรีไป Ashikaga Flower Park แต่พวกเราไปไม่ทันและขี้เกียจรอ คิดว่าคงไปเองไม่ยาก สรุปงงจ้าาาา ในความมืดมิดเราก็พบทางสว่างเมื่อเจอคนญี่ปุ่นจึงถามทาง เค้าพยายามจะช่วยนะ แต่ช่วยเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งพวกเราฟังไม่รู้เรื่องเลยจ้าาา สรุปคนญี่ปุ่นคนนั้นพาเราไปขึ้นรถเค้าและขับพาเรามาส่งถึงหน้าที่หมายของเราเลย ตลอดทางเค้าก็พยายามคุยกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น อาโน เต๊ะๆ อิชิ นิคุง อิ๊ เอ้อ ซาน ซื่อ...และหัวเราะคนเดียวมาตลอดทาง เราก็ฟังไม่รู้เรื่องไง อยากจะบอกเค้าไปว่ารู้จักแค่ ชิบะ 5555 แต่พวกเราก็หัวเราะตามเค้านะ จนมาวันนี้ยังตลกตัวเองว่า วันนั้นพวกเราก็กล้าเนอะ เค้าเรียกเราไปขึ้นรถก็ไป
ถึงล้าวววววว มันคือลานกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยไฟประดับ (ค่าไฟน่าจะแพง) เราก็เดินชมไปตามทาง อากาศเริ่มเย็นลงตอนนี้ก็เกือบจะ 0 องศาแล้ว มีบางทีก็หิมะตกแต่สวยจริงๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ เราเป็นคนชอบดูไฟช่วงปีใหม่ ปีนี้เป็นความโชคดีที่แฟนเราพามาดูไฟที่นี่ เค้าก็จะประดับไฟรูปแบบต่างๆ มีหลายสีหลายโซน รูปอาจแสงไม่ค่อยสวย แต่อยากให้ทุกคนมาเชยชมด้วยตาตัวเอง มันอลังการไฟล้านดวง
หนาวมากหรือถ้าหิว ที่นี่เค้ามีร้านราเม็งอุ่นๆ อร่อยด้วยนะ แวะมาพักได้ ราคาไม่แรง เสียดายลืมถ่ายรูปราเม็งมา สาระคือแค่จะบอกว่ามีร้านราเม็งอร่อยดี
Day 2: 2 Jan - Ashikaga - Skiing @ Yuzawa Kogen - Hotel Justice
วันที่ 2 มีแค่นี้ จบ… เห้ย!! ยังไม่ทันเล่าเลย จะจบได้ไง @#$%$$
เอาใหม่นะ วันนี้เรานั่งรถไฟจาก Ashikaga มาลงที่สถานี Yuzawa Station เพื่อมารับรถเช่าที่จองไว้กับ Toyota เพราะหลังจากนี้เราจะขับรถเที่ยวกันแล้วค่ะ เย้… บรรยากาศตรงที่รับรถก็จะเป็นออฟฟิศเล็กๆ ของ Toyota มีป้ายชัดเจน มีส่วนลาดจอนรถที่จอดรถเช่าไว้มากมาย
Yuzawa Station เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่โตโออ่า มีของกิน ร้านอาหาร ขนมขายมากมาย สามารถแวะช้อปปิ้งซื้อขนมและของที่ระลึกได้ก่อนเดินไปรับรถ ซึ่งเดินไม่ไกลจากสถานี หาไม่ยาก ขั้นตอนการรับรถก็ไม่ยากมาก รวมๆ ก็จะมีตรวจรับรถ แจ้งระเบียบวิธีการคืนรถ เข้าใจง่ายค่ะ พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จากนั้นเราก็บรื้นนนน ขับไป Hotel Justice เราก็เปิดพี่กู๋ ฝากศรัทธาไว้ที่พี่กู๋เกิ้ลของเรา ระหว่างทางก็รายล้อมไปด้วยหิมะสวยงามมาก
ช่วงนี้เป็น High Season ของโรงแรมย่านนี้เพราะเป็นช่วงเล่นสกี ใครจะมาต้องจองล่วงหน้ากันนานนิดนึงค่ะ และค่าห้องค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ ห้องเล็กจุ๋มจิ๋ม กางกระเป๋าเดินทางก็ไม่มีที่เดิน ตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่ Facility ทุกอย่างพร้อม ดี สะอาด ที่สำคัญคือบรรยากาศข้างนอกค่ะ
โรงแรมอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ของเราคือเปิดมาแล้วเป็นแบบนี้เลย เห็นคนญี่ปุ่นพาลูกหลานออกมาเล่นสกีกันสนุกเลยค่ะ Yuzawa อยู่ไม่ห่างจากใจกลางโตเกียวมาก ถือเป็นที่ที่สามารถมาเล่นสกีได้อย่างสะดวก หน้าหนาวกับสกีคงจะเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นเค้าล่ะค่ะ เด็กญี่ปุ่นตัวน้อยเจออากาศหนาวๆ แก้มแดง น่าหยิกแก้มมาก 5555
นี่ก็ไม่พลาด มาถึง Yuzawa Kogen แล้วทักษะไม่พร้อม แต่ใจพร้อม เห็นเด็กๆ เล่นแล้วดูสนุกมาก เราก็ต้องลองซะหน่อย ใครอุปกรณ์ไม่พร้อมที่นี่เค้ามีบริการให้เช่าชุด รองเท้า อุปกรณ์ พร้อมครูสอนที่เค้าจะมาสอนเป็นคอร์สสั้น 1 ชั่วโมงให้พอได้พื้นฐานสำหรับคนที่ไม่เคย ยังบริสุทธิ์กับสกี เรื่องชุดสำคัญนะคะ มาถึงนี่แล้วไม่อยากให้กลัวเปลือง เช่าเถอะ มันจำเป็นว่าเสื้อและกางเกงที่ใส่มันควรจะกันน้ำ เผื่อเราเลนสกีแล้วล้ม (ล้มแน่ๆ รับรอง) พื้นเป็นหิมะหนา ถ้าชุดไม่กันน้ำคือตัวเราจะเปียกปอน
แอคติ้งเนี่ย เก่ง เอาจริงๆ คือนึกว่าโอ๊ย...ง่าย มันจะไปยากอะไร ใส่รองเท้า มีไม้เท้าไถไปคล้ายๆเล่น scooter ตอนประถม หึ...เห็นเด็กตัวจิ๊ดเดียวไถคล่อง ไปได้ไกลมาก สงสัยไถสกีได้ก่อนจะเดินได้อ่ะ ตัดภาพมาที่เรานั้น ไถอยู่ที่เดิมจะเดินหน้ามันถอยหลัง จะเบรกก็ไม่อยู่ ขา 2 ข้างค่อยๆ ฉีก 180 องศาเพราะพื้นมันลื่น คนญี่ปุ่นที่เล่นอยู่ข้างต้องมาช่วยยันไว้ จบคอร์สนอกจากสกีแล้ว เราน่าจะได้ skill ยิมนาสติกมาด้วย แต่ก็สนุกนะผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมงก็เริ่มไถได้ระยะสัก 5 เมตร 55555 ใครยังไม่เคย มาญี่ปุ่นครั้งหน้าเราเชียร์ให้ทุกคนมาลองนะ ก็เป็นกิจกรรมที่สนุก เปลี่ยนบรรยากาศ บันเทิงเชื่อเรา
เหนื่อยละ ขาจะฉีก หิมะรายล้อม แต่เราจั๊กกะแร้เปียก เลยคุยกับแฟน (ที่กำลังไถสกีอย่างสนุก วิ่งฉิวเลย) ว่าพอเหอะ ที่ Yuzawa Kogen เค้ามีกระเช้า ห้าโมงเย็นแล้วเราขึ้นกระเช้าไปบนเขากัน
นั่นอ่ะ อย่างที่เห็นในรูปภูเขา ต้นไม้ผลัดใบถูกคลุมไปด้วยหิมะ Winter is coming!!! สวยมาก ใครจะมาแนะนำให้เชคเวลาพระอาทิตย์ตกไว้ก่อนเลย ถ้ามาขึ้นกระเช้าช่วงพระอาทิตย์ตก เราว่าจะงามงดสวยสดในโลกา ขึ้นมาบนนี้ นอกจากหิมะขาวฟูเหมือนบิงซู เรายังจะได้เห็นวิวพาโนรามาที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ได้พบเจอกับนักสกีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีทักษะสกีชั้นสูง (เลยต้องมาเล่นบนที่สูงๆ ตึ่งโป๊ะ!) แล้วก็มีเสาระฆังที่ทุกคนจะต้องมาสั่นระฆัง เต๊งๆ เราก็สั่นนะ หนาวตัวสั่น ถถถถ
จริงๆ อยากเอารูปเซลฟี่กับแฟนมาลงนะ แต่ก็อย่าเลยเกรงใจคนมาอ่านเจอ คือวิวข้างหลังมันสวยจนคิดว่า เหมือนเอาหน้าคนสองคนมา photoshop แปะใส่อ่ะ เราอยากให้เห็นจริงๆ ว่ามันสวย เอารูปนี้ไปดูแทน อันนี้คือข้างหลังเป็นผู้เขานะ เลยเส้นขอบหิมะไปก็คือร่วงลงไปอ่ะ (ถ้าร่วงคงไม่มีใครเก็บเราไปเยียวยา ฝึกวิทยายุทธ์แบบหนังจีนแน่) เผื่อเวลากันหน่อยบนนี้เค้าไม่ได้ให้เราวิ่งเล่นนาน พอเริ่มจะใกล้มืดเจ้าหน้าที่จะเริ่มมาไล่ให้เราลง ฟ้ามืดบนเขามันคงอันตรายมั๊งเดี๋ยวมี white walker มาจับไปกิน
จบวันที่สองแบบสวยๆ ด้วยการกลับไปเดินเล่นแถวๆ Yuzawa Station ซอกซอยให้เดินเล่น ร้านอาหารน่ากินมากมาย ก็เลือกๆ ดู เราเข้าร้านที่มันดู local หน่อยๆ เพราะอยากลองแบบท้องถิ่นจริงๆ เลยจบวันนี้ด้วยโซบะร้อนๆ อร่อยโคตร อย่าลืมซดน้ำที่ไว้จิ้มโซบะนะ เห็นเหยือกข้างๆ ถ้วยน้ำจิ้มมั๊ย เอาไว้เติมตอนท้าย จะได้ไม่เค็มเกินไป คนญี่ปุ่นเค้าบอกว่ากินน้ำซุปโซบะแล้วจะสวยอ่ะ เราซดหมดถ้วยเลย สวยยยย
วันที่ 3 จนถึงตอนจบเราไปต่อในคอมเมนต์นะคะ
หนาวที่แล้วฉันไปญี่ปุ่นเที่ยว Yuzawa และ Gunma
สรุปรวบยอดก่อนนะ คือทุกทริปเรามีแฟนเราเป็นคู่หูตุนาหงันที่กอดคอ ตบหัวลูบหลัง พากันไป ใช้ iPhone ถ่ายรูปทุกทริปซึ่งแฟนเราเป็นคนถ่าย ส่วนเรานั้นมีหน้าที่กินและโพสต์ท่าที่คิดว่าสวย อ้อนและก่อกวนแฟนไปวันๆ เราก็กล้าๆ กลัวๆ ในการเขียนอยู่นาน เลยทำให้ดองทริปนี้ไว้ครบ 2 ปีพอดี (กลับมาทำ scrapbook) เลยเอาว่ะ มาเล่าให้คนอื่นฟังดูบ้าง
ทริปดองนี้รายละเอียดคงมีไม่มากนะ คิดซะว่าชีวิตเรามีสาระกันมาเยอะแล้ว วันนี้เรามาเน้นความบันเทิง ได้โปรดอย่าถือสา พยายามจะระลึกมาจากไฮโปทาลามัสแล้วได้แค่นี้ สัญญาว่าทริปหน้าจะมีรูปมาเพื่อรีวิวโดยเฉพาะ นี่มันสรุปรวบยอดยังไงเนี่ย สรุปของเกริ่นนำอีกที
เข้าสาระความบันเทิงเลยละกันค่ะ เราไปญี่ปุ่นวันที่ 1-7 มกราคม 2016 บินด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บินเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ก็ 3 2 1 บรื้นนน เครื่อง take off พร้อม Happy New Year 2016 ตอนนั้นเราได้ตั๋วประมาณ 11,000 บาทต่อคน รวมโหลดน้ำหนักกระเป๋าแล้วทุกสิ่งอย่าง (สรุปค่าใช้จ่ายรวมไว้ให้ตอนท้ายนะ) มาค่ะ time machine ย้อนหลังไปเที่ยวกัน
Day 1: 1 Jan - Narita - Shibuya - Meiiji Shrine - Disney Store - Ashikaga Route-inn - Ashikaga Flower Park
หลับยาวๆ ไปตื่นมาป๊าปปป เจ็ดโมงเช้าของญี่ปุ่น เมฆบนน่านฟ้าญี่ปุ่น ขาวใส
ข้ามขั้นตอนในสนามบินไปวาร์ปเข้ามาอยู่ที่ชิบูย่าเลย รวดเร็วแบบฉบับ 4.0 ก็หาที่เอากระเป๋าเดินทางไปฝากล็อคเกอร์เพราะเย็นนี้เราจะออกนอกเมือง ตอนนี้ขอวอร์มก่อน อยากจะบอกว่าใครมาญี่ปุ่นวันที่ 1 ม.ค ต้องแพลนให้ดี เพราะเราไม่รู้ไงวันนี้เป็นวันหยุดร้านอาหาร ห้างส่วนใหญ่จะปิด แต่ที่เปิดแน่ๆ คือศาลเจ้าเมจิ ศาลคู่บ้านคู่เมืองที่ทุกคนรู้จักกันดี แต่จะไม่รู้จักก็มวลมหาชนนับร้อยนับพันที่แห่แหนมาไหว้ขอพร คิวยาวเป็นหมื่นลี้ ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้มาไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ข้อดีคือถึงคนจะเยอะแต่เค้าก็ยังมีระเบียบ ลูกเด็กเล็กแดงที่พามาก็น่าร๊ากกกก คาวาอี้เน๊ะ
ลองเปลี่ยนเป็นรูปขาวดำ ทำให้บรรยากาศดูคลาสสิคมากราวกับย้อนไปในยุคสมัยเมจิโชกุน อิคคิวซังอะไรแถวๆ นั้น
แฟนเราไม่ใช่สายดีสนีย์แต่ยังเมตตาเราให้แวะมาที่ Disney Store ที่อยู่ย่านชิบูย่า หาไม่ยากเพราะทางเข้าก็เป็นเป็นปราสาทดีสนีย์ ข้างในก็ของขายเยอะดี เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้ต้องการเล่นเครื่องเล่น หรือใครไม่มีเวลาไป Tokyo Disneyland เราแนะนำให้แวะมาที่นี่ สนองตัณหาล้มละลายช็อปเงินหมดได้เหมือนกัน
เดินเล่นดูข้างทางไปเรื่อยๆ ข้างทางจริงๆ เข้าร้านไม่ค่อยได้เพราะร้านส่วนใหญ่หยุดปีใหม่ ใจกลางเมืองเวลาร้านปิดบรรยากาศก็แปลกไปอีกแบบนะ ข้อดีคือคุณมีที่กว้างขวางให้ถ่ายรูปได้แบบไม่มีใครรบกวน จากนั้นก็ได้เวลาอันสมควรเราจะเดินทางออกนอกเมืองด้วยการนั่งรถไฟน่าจะสัก 2-3 ชั่วโมงได้มั๊ง เพราะคืนนี้เราจะไปดู Lighthing ที่ Ashikaga กัน ตอนนั้นเราใช้ Google Map ก็นั่งไปตามที่พี่กู๋บอกเลย ไม่หลง เราจองโรงแรม (ถ้าจำไม่ผิด) Ashikaga Route-inn เดินจากสถานีไปไกลพอควร ก็ลากกระเป๋าเดินไปทำกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บ ศรัทธาในพี่กู๋ของเรา Check in
ตอนนั้นคือสามทุ่มแล้ว จริงๆ โรงแรมมีรถรับส่งฟรีไป Ashikaga Flower Park แต่พวกเราไปไม่ทันและขี้เกียจรอ คิดว่าคงไปเองไม่ยาก สรุปงงจ้าาาา ในความมืดมิดเราก็พบทางสว่างเมื่อเจอคนญี่ปุ่นจึงถามทาง เค้าพยายามจะช่วยนะ แต่ช่วยเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งพวกเราฟังไม่รู้เรื่องเลยจ้าาา สรุปคนญี่ปุ่นคนนั้นพาเราไปขึ้นรถเค้าและขับพาเรามาส่งถึงหน้าที่หมายของเราเลย ตลอดทางเค้าก็พยายามคุยกับเราเป็นภาษาญี่ปุ่น อาโน เต๊ะๆ อิชิ นิคุง อิ๊ เอ้อ ซาน ซื่อ...และหัวเราะคนเดียวมาตลอดทาง เราก็ฟังไม่รู้เรื่องไง อยากจะบอกเค้าไปว่ารู้จักแค่ ชิบะ 5555 แต่พวกเราก็หัวเราะตามเค้านะ จนมาวันนี้ยังตลกตัวเองว่า วันนั้นพวกเราก็กล้าเนอะ เค้าเรียกเราไปขึ้นรถก็ไป
ถึงล้าวววววว มันคือลานกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยไฟประดับ (ค่าไฟน่าจะแพง) เราก็เดินชมไปตามทาง อากาศเริ่มเย็นลงตอนนี้ก็เกือบจะ 0 องศาแล้ว มีบางทีก็หิมะตกแต่สวยจริงๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ เราเป็นคนชอบดูไฟช่วงปีใหม่ ปีนี้เป็นความโชคดีที่แฟนเราพามาดูไฟที่นี่ เค้าก็จะประดับไฟรูปแบบต่างๆ มีหลายสีหลายโซน รูปอาจแสงไม่ค่อยสวย แต่อยากให้ทุกคนมาเชยชมด้วยตาตัวเอง มันอลังการไฟล้านดวง
หนาวมากหรือถ้าหิว ที่นี่เค้ามีร้านราเม็งอุ่นๆ อร่อยด้วยนะ แวะมาพักได้ ราคาไม่แรง เสียดายลืมถ่ายรูปราเม็งมา สาระคือแค่จะบอกว่ามีร้านราเม็งอร่อยดี
Day 2: 2 Jan - Ashikaga - Skiing @ Yuzawa Kogen - Hotel Justice
วันที่ 2 มีแค่นี้ จบ… เห้ย!! ยังไม่ทันเล่าเลย จะจบได้ไง @#$%$$
เอาใหม่นะ วันนี้เรานั่งรถไฟจาก Ashikaga มาลงที่สถานี Yuzawa Station เพื่อมารับรถเช่าที่จองไว้กับ Toyota เพราะหลังจากนี้เราจะขับรถเที่ยวกันแล้วค่ะ เย้… บรรยากาศตรงที่รับรถก็จะเป็นออฟฟิศเล็กๆ ของ Toyota มีป้ายชัดเจน มีส่วนลาดจอนรถที่จอดรถเช่าไว้มากมาย
Yuzawa Station เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่โตโออ่า มีของกิน ร้านอาหาร ขนมขายมากมาย สามารถแวะช้อปปิ้งซื้อขนมและของที่ระลึกได้ก่อนเดินไปรับรถ ซึ่งเดินไม่ไกลจากสถานี หาไม่ยาก ขั้นตอนการรับรถก็ไม่ยากมาก รวมๆ ก็จะมีตรวจรับรถ แจ้งระเบียบวิธีการคืนรถ เข้าใจง่ายค่ะ พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี จากนั้นเราก็บรื้นนนน ขับไป Hotel Justice เราก็เปิดพี่กู๋ ฝากศรัทธาไว้ที่พี่กู๋เกิ้ลของเรา ระหว่างทางก็รายล้อมไปด้วยหิมะสวยงามมาก
ช่วงนี้เป็น High Season ของโรงแรมย่านนี้เพราะเป็นช่วงเล่นสกี ใครจะมาต้องจองล่วงหน้ากันนานนิดนึงค่ะ และค่าห้องค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ ห้องเล็กจุ๋มจิ๋ม กางกระเป๋าเดินทางก็ไม่มีที่เดิน ตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่ Facility ทุกอย่างพร้อม ดี สะอาด ที่สำคัญคือบรรยากาศข้างนอกค่ะ
โรงแรมอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ของเราคือเปิดมาแล้วเป็นแบบนี้เลย เห็นคนญี่ปุ่นพาลูกหลานออกมาเล่นสกีกันสนุกเลยค่ะ Yuzawa อยู่ไม่ห่างจากใจกลางโตเกียวมาก ถือเป็นที่ที่สามารถมาเล่นสกีได้อย่างสะดวก หน้าหนาวกับสกีคงจะเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นเค้าล่ะค่ะ เด็กญี่ปุ่นตัวน้อยเจออากาศหนาวๆ แก้มแดง น่าหยิกแก้มมาก 5555
นี่ก็ไม่พลาด มาถึง Yuzawa Kogen แล้วทักษะไม่พร้อม แต่ใจพร้อม เห็นเด็กๆ เล่นแล้วดูสนุกมาก เราก็ต้องลองซะหน่อย ใครอุปกรณ์ไม่พร้อมที่นี่เค้ามีบริการให้เช่าชุด รองเท้า อุปกรณ์ พร้อมครูสอนที่เค้าจะมาสอนเป็นคอร์สสั้น 1 ชั่วโมงให้พอได้พื้นฐานสำหรับคนที่ไม่เคย ยังบริสุทธิ์กับสกี เรื่องชุดสำคัญนะคะ มาถึงนี่แล้วไม่อยากให้กลัวเปลือง เช่าเถอะ มันจำเป็นว่าเสื้อและกางเกงที่ใส่มันควรจะกันน้ำ เผื่อเราเลนสกีแล้วล้ม (ล้มแน่ๆ รับรอง) พื้นเป็นหิมะหนา ถ้าชุดไม่กันน้ำคือตัวเราจะเปียกปอน
แอคติ้งเนี่ย เก่ง เอาจริงๆ คือนึกว่าโอ๊ย...ง่าย มันจะไปยากอะไร ใส่รองเท้า มีไม้เท้าไถไปคล้ายๆเล่น scooter ตอนประถม หึ...เห็นเด็กตัวจิ๊ดเดียวไถคล่อง ไปได้ไกลมาก สงสัยไถสกีได้ก่อนจะเดินได้อ่ะ ตัดภาพมาที่เรานั้น ไถอยู่ที่เดิมจะเดินหน้ามันถอยหลัง จะเบรกก็ไม่อยู่ ขา 2 ข้างค่อยๆ ฉีก 180 องศาเพราะพื้นมันลื่น คนญี่ปุ่นที่เล่นอยู่ข้างต้องมาช่วยยันไว้ จบคอร์สนอกจากสกีแล้ว เราน่าจะได้ skill ยิมนาสติกมาด้วย แต่ก็สนุกนะผ่านไปสัก 2-3 ชั่วโมงก็เริ่มไถได้ระยะสัก 5 เมตร 55555 ใครยังไม่เคย มาญี่ปุ่นครั้งหน้าเราเชียร์ให้ทุกคนมาลองนะ ก็เป็นกิจกรรมที่สนุก เปลี่ยนบรรยากาศ บันเทิงเชื่อเรา
เหนื่อยละ ขาจะฉีก หิมะรายล้อม แต่เราจั๊กกะแร้เปียก เลยคุยกับแฟน (ที่กำลังไถสกีอย่างสนุก วิ่งฉิวเลย) ว่าพอเหอะ ที่ Yuzawa Kogen เค้ามีกระเช้า ห้าโมงเย็นแล้วเราขึ้นกระเช้าไปบนเขากัน
นั่นอ่ะ อย่างที่เห็นในรูปภูเขา ต้นไม้ผลัดใบถูกคลุมไปด้วยหิมะ Winter is coming!!! สวยมาก ใครจะมาแนะนำให้เชคเวลาพระอาทิตย์ตกไว้ก่อนเลย ถ้ามาขึ้นกระเช้าช่วงพระอาทิตย์ตก เราว่าจะงามงดสวยสดในโลกา ขึ้นมาบนนี้ นอกจากหิมะขาวฟูเหมือนบิงซู เรายังจะได้เห็นวิวพาโนรามาที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ได้พบเจอกับนักสกีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีทักษะสกีชั้นสูง (เลยต้องมาเล่นบนที่สูงๆ ตึ่งโป๊ะ!) แล้วก็มีเสาระฆังที่ทุกคนจะต้องมาสั่นระฆัง เต๊งๆ เราก็สั่นนะ หนาวตัวสั่น ถถถถ
จริงๆ อยากเอารูปเซลฟี่กับแฟนมาลงนะ แต่ก็อย่าเลยเกรงใจคนมาอ่านเจอ คือวิวข้างหลังมันสวยจนคิดว่า เหมือนเอาหน้าคนสองคนมา photoshop แปะใส่อ่ะ เราอยากให้เห็นจริงๆ ว่ามันสวย เอารูปนี้ไปดูแทน อันนี้คือข้างหลังเป็นผู้เขานะ เลยเส้นขอบหิมะไปก็คือร่วงลงไปอ่ะ (ถ้าร่วงคงไม่มีใครเก็บเราไปเยียวยา ฝึกวิทยายุทธ์แบบหนังจีนแน่) เผื่อเวลากันหน่อยบนนี้เค้าไม่ได้ให้เราวิ่งเล่นนาน พอเริ่มจะใกล้มืดเจ้าหน้าที่จะเริ่มมาไล่ให้เราลง ฟ้ามืดบนเขามันคงอันตรายมั๊งเดี๋ยวมี white walker มาจับไปกิน
จบวันที่สองแบบสวยๆ ด้วยการกลับไปเดินเล่นแถวๆ Yuzawa Station ซอกซอยให้เดินเล่น ร้านอาหารน่ากินมากมาย ก็เลือกๆ ดู เราเข้าร้านที่มันดู local หน่อยๆ เพราะอยากลองแบบท้องถิ่นจริงๆ เลยจบวันนี้ด้วยโซบะร้อนๆ อร่อยโคตร อย่าลืมซดน้ำที่ไว้จิ้มโซบะนะ เห็นเหยือกข้างๆ ถ้วยน้ำจิ้มมั๊ย เอาไว้เติมตอนท้าย จะได้ไม่เค็มเกินไป คนญี่ปุ่นเค้าบอกว่ากินน้ำซุปโซบะแล้วจะสวยอ่ะ เราซดหมดถ้วยเลย สวยยยย
วันที่ 3 จนถึงตอนจบเราไปต่อในคอมเมนต์นะคะ