แค่ก แค่ก สวัสดีค่ะ พวกเราชาวชายคายังสบายดีกันหรือเปล่าคะ ช่วงนี้เวลาออกไปไหนมาไหนก็ต้องมาเช็คค่าอากาศกันก่อนว่าต้องใส่หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 หรือเปล่า ฝุ่นจิ๋วขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของเรา 1 ใน 25 นี่น่ากลัวจริงๆ อย่างที่เรารู้กันในข่าวว่าสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังและมะเร็งอีกด้วย (คำเตือนจากองค์การอนามัยโลกเชียวนะ)
ฝุ่นจิ๋วแต่ไม่ใช่เรื่องจิ๋วๆ เลยนะคะ เราเลยต้องหาทางป้องกัน ช่วงเวลานี้หลายคนหาซื้อเครื่องฟอกอากาศ รอบรั้วชายคาขอรวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาฝากกันค่ะ
เครื่องฟอกอากาศทำงานยังไง
ระบบการกรองอากาศมีวิธีการทำงานหลักคือ อากาศที่ปนเปื้อน ฝุ่นละอองต่างๆ ถูกดึงเข้ามาผ่านตัวกรอง (Filter) ที่เหมาะสม โดยการหมุนของมอเตอร์ใบพัดเพื่อให้เกิดแรงดึงและดูดอากาศที่อยู่ภายในห้อง อากาศหลังจากผ่านตัวกรองจึงเป็นอากาศที่สะอาด เพราะอนุภาคขนาดต่างๆ ถูกกักไวในตัวกรอง
เครื่องฟอกอากาศใช้กำลังลมของใบพัดเพื่อดูดอากาศเข้าไปในเครื่องและทำความสะอาดอากาศ
เครื่องฟอกอากาศยิ่งมีเทคโนโลยีซับซ้อนแค่ไหน ราคาก็แพงตามขึ้นด้วย เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ
HEPA (High Efficiency Particulate Air) เป็นการดักจับฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากถึง 99.97% (ฝุ่นจิ๋วขนาด 2.5 ไมครอนเลยดักจับได้) วัสดุทำจากไฟเบอร์กลาสที่จัดเรียงกันไม่เป็นระเบียบเหมือนใยแมงมุมอย่างหนาแน่น เมื่ออากาศไหลผ่านจะดักจับอนุภาค และกักเก็บข้างในเส้นใย
การทำงานในส่วนของเครื่องฟอกอากาศมี 3 ขั้นตอนหลักด้วยกันคือ แผ่นกรองอนุภาคฝุ่นละอองขนาดใหญ่ (Pre-filter), แผ่นกรองอนุภาคขนาดเล็ก HEPA และแผ่นกรองคาร์บอนกำจัดกลิ่น
นอกจากนี้ยังเทคโนโลยีน่าสนใจอื่นๆ เช่น การใช้รังสีอัลตราไวโอเลตฆ่าเชื้อโรคในระดับยีนส์หรือโมเลกุล (DNA) ทำให้เซลล์เชื้อโรคตาย, การปล่อยประจุไฟฟ้าบวกและลบเข้าไปสลายเชื้อรา เชื้อไว้รัส แบคทีเรียในอากาศ, การทำงานร่วมกับไอน้ำ เครื่องจะปล่อยไอน้ำเข้าไปในบรรยากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพดักจับฝุ่น, เครื่องฟอกอากาศที่ติดตั้งกาวสำหรับดักจับยุง, เครื่องฟอกอากาศสร้างโอโซนช่วยกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อได้
ออปชั่นเสริมในเครื่องฟอกอากาศ
ที่นี้เราก็มาดูออปชั่นที่มีอยู่ในเครื่องฟอกอากาศกันบ้าง บางรุ่นมีการควบคุมโดยการสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน สัญญาณเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนเครื่องกรอง การตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ การควบคุมเครื่องด้วยระบบสัมผัสหรือรีโมทคอนโทรล ออปชั่นเสริมบางอย่างก็ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยน่าใช้ก็จริงอยู่ แต่ก่อนจะซื้อก็ควรลองคิดดูก่อนว่าเหมาะกับชีวิตประจำวันเรามั้ยถ้าเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายมากขึ้น
มาตรฐานอื่นๆ ที่อยากให้ดูเวลาซื้อเครื่องฟอกอากาศเช่น CADR (Clean Air Deliver Rate) เป็นมาตรฐานใช้คำนวณประสิทธิภาพว่าสามารถฟอกอากาศภายในห้องได้ดีแค่ไหน มีหน่วยเป็น ลบ.ม./ชั่วโมง ถ้ามีค่าเลขการทำงานมากก็แสดงว่ามีประสิทธิภาพมาก Air Volume หรือ Air Flow ปริมาณอากาศที่เข้าสู่เครื่องฟอกอากาศ ยิ่งค่าสูงมากเท่าไร ปริมาณอากาศที่ถูกกรองก็จะยิ่งเร็วขึ้นด้วย
การบำรุงรักษา
Pre-filter สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้
แผ่นกรองฟอกอากาศหลัก HEPA เป็นชิ้นส่วนที่เมื่อใช้ไปก็หมดสภาพการใช้งาน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแวดล้อมด้วย เวลาซื้อควรถามพนักงานเรื่องระยะเวลาการใช้งานด้วยและราคาของแผ่นกรอง HEPA ด้วย แผ่นกรองมีหลายเกรด บางแบรนด์แผ่นกรองก็ใช้งานได้ 6-12 เดือน บางแบรนด์ก็ใช้งานได้ถึง 2 ปี เราสามารถตรวจเช็คได้ด้วยเองโดยการสังเกตจากกลิ่น ถ้ารู้สึกว่ามีกลิ่นไม่ดีออกมาจากเครื่องฟอกในช่วงที่ปล่อยอากาศบริสุทธิ์ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว
สำหรับตัวกรองอนุภาคขนาดใหญ่ (Pre-filter) ทำความสะอาดได้โดยการล้างด้วยน้ำและน้ำยาทำความสะอาดแล้วตากให้แห้ง ส่วนตัวกรองคาร์บอน เมื่อหมดสภาพการใช้งานก็ต้องซื้อใหม่เช่นเดียวกัน แต่เราก็สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองเพื่อยืดอายุใช้งาน โดยใช้วิธีดูดฝุ่นที่อาจจะเกาะติดบริเวณแผ่นกรองได้
เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับความต้องการ
- เครื่องฟอกอากาศที่เราต้องการในตอนนี้คือการดักจักฝุ่นจิ๋วอย่างแน่นอน นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนด้วยว่าต้องการใช้วิธีการจำกัดฝุ่นอย่างไรเช่น การใช้รังสีอัลตราไวโอเลตฆ่าเชื้อโรค การปล่อยประจุไฟฟ้าบวกและลบเข้าไปสลายเชื้อโรค รวมถึงอยากได้ออปชั่นเสริมอะไรบ้าง
- ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ก็เป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ใหญ่ๆ จะมีการรับรองจากสถาบันการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอยู่แล้ว
- การดีไซน์ว่าเหมาะกับห้องเราหรือเปล่า เดี๋ยวนี้มีการดีไซน์แบบเรียบ โค้งมน รูปทรงเหลี่ยม ถอดประกอบออกมาง่าย น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายได้สะดวก
- เล็งรุ่นที่ต้องการแล้วโหลดคู่มือมาอ่านทำความเข้าใจกันก่อนว่ามีฟังก์ชั่นอะไรที่เราต้องการหรือเปล่า
- เลือกดูตัวจริง ทดสอบวิธีการทำงาน ถามพนักงานขายให้ละเอียดว่ามีวิธีการใช้งานอย่างไร เช่น มีคุณสมบัติเด่นๆ อะไรเพิ่มขึ้น, ค่า CADR, ระบบการทำงานของใบพัดเสียงดังเกินไปหรือเปล่า
- ถามผู้ที่เคยใช้งานมาก่อนว่ารุ่นที่เล็งไว้เป็นอย่างไรบ้าง (จะเข้ามาถามในห้องชายคาก็ได้นะ)
- ราคาของเครื่องฟอกอากาศมีให้เลือกหลักพันจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ขนาด และแบรนด์ เลือกให้ถูกใจกับเงินในกระเป๋าเราดีกว่า ราคาที่อยากแนะนำคือ 5,000 - 30,000 บาท
- ขนาดของห้อง แต่ละรุ่นจะบอกว่าเหมาะกับขนาดห้องเท่าไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือรู้ขนาดของห้องที่ใช้งานเครื่องฟอกอากาศและใช้ให้ถูกต้อง เลือกสเปคที่ใช้ได้มากกว่าพื้นที่จริงได้ แต่ไม่ควรเลือกสเปคที่ต่ำกว่าพื้นที่
ถึงแม้ว่าเวลานี้เครื่องฟอกอากาศจะขาดตลาดอยู่ แต่ตอนนี้เพื่อนๆ ก็ได้ข้อมูลเรื่องเครื่องฟอกอากาศแล้วนะคะ ถึงเวลาที่สินค้าเข้ามจะได้ซื้อได้ถูกกับสิ่งที่ต้องการ
ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 นะคะ เพื่อนๆ มีคำแนะนำเรื่องเครื่องฟอกอากาศ หรือมีวิธีไหนที่อยากแชร์เกี่ยวกับการทำเครื่องฟอกอากาศได้ด้วยตัวเอง ก็สามารถแชร์ได้ในกระทู้นี้เลยค่ะ เราจะก้าวข้ามผ่านทางของฝุ่นไปด้วยกัน...
ข้อมูลอ้างอิง
คุณ Thanate Nate
https://ppantip.com/topic/38088477
https://www.sod.co.th
https://home.kku.ac.th/chuare/12/airfilter.pdf
http://www.acat.or.th/download/acat_or_th/journal-17/17%20-%2006.pdf
แชร์...ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
ฝุ่นจิ๋วแต่ไม่ใช่เรื่องจิ๋วๆ เลยนะคะ เราเลยต้องหาทางป้องกัน ช่วงเวลานี้หลายคนหาซื้อเครื่องฟอกอากาศ รอบรั้วชายคาขอรวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาฝากกันค่ะ
ระบบการกรองอากาศมีวิธีการทำงานหลักคือ อากาศที่ปนเปื้อน ฝุ่นละอองต่างๆ ถูกดึงเข้ามาผ่านตัวกรอง (Filter) ที่เหมาะสม โดยการหมุนของมอเตอร์ใบพัดเพื่อให้เกิดแรงดึงและดูดอากาศที่อยู่ภายในห้อง อากาศหลังจากผ่านตัวกรองจึงเป็นอากาศที่สะอาด เพราะอนุภาคขนาดต่างๆ ถูกกักไวในตัวกรอง
เครื่องฟอกอากาศยิ่งมีเทคโนโลยีซับซ้อนแค่ไหน ราคาก็แพงตามขึ้นด้วย เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ HEPA (High Efficiency Particulate Air) เป็นการดักจับฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอน ได้มากถึง 99.97% (ฝุ่นจิ๋วขนาด 2.5 ไมครอนเลยดักจับได้) วัสดุทำจากไฟเบอร์กลาสที่จัดเรียงกันไม่เป็นระเบียบเหมือนใยแมงมุมอย่างหนาแน่น เมื่ออากาศไหลผ่านจะดักจับอนุภาค และกักเก็บข้างในเส้นใย
การทำงานในส่วนของเครื่องฟอกอากาศมี 3 ขั้นตอนหลักด้วยกันคือ แผ่นกรองอนุภาคฝุ่นละอองขนาดใหญ่ (Pre-filter), แผ่นกรองอนุภาคขนาดเล็ก HEPA และแผ่นกรองคาร์บอนกำจัดกลิ่น
นอกจากนี้ยังเทคโนโลยีน่าสนใจอื่นๆ เช่น การใช้รังสีอัลตราไวโอเลตฆ่าเชื้อโรคในระดับยีนส์หรือโมเลกุล (DNA) ทำให้เซลล์เชื้อโรคตาย, การปล่อยประจุไฟฟ้าบวกและลบเข้าไปสลายเชื้อรา เชื้อไว้รัส แบคทีเรียในอากาศ, การทำงานร่วมกับไอน้ำ เครื่องจะปล่อยไอน้ำเข้าไปในบรรยากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพดักจับฝุ่น, เครื่องฟอกอากาศที่ติดตั้งกาวสำหรับดักจับยุง, เครื่องฟอกอากาศสร้างโอโซนช่วยกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อได้
ที่นี้เราก็มาดูออปชั่นที่มีอยู่ในเครื่องฟอกอากาศกันบ้าง บางรุ่นมีการควบคุมโดยการสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน สัญญาณเตือนเมื่อต้องเปลี่ยนเครื่องกรอง การตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ การควบคุมเครื่องด้วยระบบสัมผัสหรือรีโมทคอนโทรล ออปชั่นเสริมบางอย่างก็ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยน่าใช้ก็จริงอยู่ แต่ก่อนจะซื้อก็ควรลองคิดดูก่อนว่าเหมาะกับชีวิตประจำวันเรามั้ยถ้าเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายมากขึ้น
มาตรฐานอื่นๆ ที่อยากให้ดูเวลาซื้อเครื่องฟอกอากาศเช่น CADR (Clean Air Deliver Rate) เป็นมาตรฐานใช้คำนวณประสิทธิภาพว่าสามารถฟอกอากาศภายในห้องได้ดีแค่ไหน มีหน่วยเป็น ลบ.ม./ชั่วโมง ถ้ามีค่าเลขการทำงานมากก็แสดงว่ามีประสิทธิภาพมาก Air Volume หรือ Air Flow ปริมาณอากาศที่เข้าสู่เครื่องฟอกอากาศ ยิ่งค่าสูงมากเท่าไร ปริมาณอากาศที่ถูกกรองก็จะยิ่งเร็วขึ้นด้วย
แผ่นกรองฟอกอากาศหลัก HEPA เป็นชิ้นส่วนที่เมื่อใช้ไปก็หมดสภาพการใช้งาน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแวดล้อมด้วย เวลาซื้อควรถามพนักงานเรื่องระยะเวลาการใช้งานด้วยและราคาของแผ่นกรอง HEPA ด้วย แผ่นกรองมีหลายเกรด บางแบรนด์แผ่นกรองก็ใช้งานได้ 6-12 เดือน บางแบรนด์ก็ใช้งานได้ถึง 2 ปี เราสามารถตรวจเช็คได้ด้วยเองโดยการสังเกตจากกลิ่น ถ้ารู้สึกว่ามีกลิ่นไม่ดีออกมาจากเครื่องฟอกในช่วงที่ปล่อยอากาศบริสุทธิ์ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว
สำหรับตัวกรองอนุภาคขนาดใหญ่ (Pre-filter) ทำความสะอาดได้โดยการล้างด้วยน้ำและน้ำยาทำความสะอาดแล้วตากให้แห้ง ส่วนตัวกรองคาร์บอน เมื่อหมดสภาพการใช้งานก็ต้องซื้อใหม่เช่นเดียวกัน แต่เราก็สามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองเพื่อยืดอายุใช้งาน โดยใช้วิธีดูดฝุ่นที่อาจจะเกาะติดบริเวณแผ่นกรองได้
- เครื่องฟอกอากาศที่เราต้องการในตอนนี้คือการดักจักฝุ่นจิ๋วอย่างแน่นอน นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนด้วยว่าต้องการใช้วิธีการจำกัดฝุ่นอย่างไรเช่น การใช้รังสีอัลตราไวโอเลตฆ่าเชื้อโรค การปล่อยประจุไฟฟ้าบวกและลบเข้าไปสลายเชื้อโรค รวมถึงอยากได้ออปชั่นเสริมอะไรบ้าง
- ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ก็เป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ใหญ่ๆ จะมีการรับรองจากสถาบันการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอยู่แล้ว
- การดีไซน์ว่าเหมาะกับห้องเราหรือเปล่า เดี๋ยวนี้มีการดีไซน์แบบเรียบ โค้งมน รูปทรงเหลี่ยม ถอดประกอบออกมาง่าย น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายได้สะดวก
- เล็งรุ่นที่ต้องการแล้วโหลดคู่มือมาอ่านทำความเข้าใจกันก่อนว่ามีฟังก์ชั่นอะไรที่เราต้องการหรือเปล่า
- เลือกดูตัวจริง ทดสอบวิธีการทำงาน ถามพนักงานขายให้ละเอียดว่ามีวิธีการใช้งานอย่างไร เช่น มีคุณสมบัติเด่นๆ อะไรเพิ่มขึ้น, ค่า CADR, ระบบการทำงานของใบพัดเสียงดังเกินไปหรือเปล่า
- ถามผู้ที่เคยใช้งานมาก่อนว่ารุ่นที่เล็งไว้เป็นอย่างไรบ้าง (จะเข้ามาถามในห้องชายคาก็ได้นะ)
- ราคาของเครื่องฟอกอากาศมีให้เลือกหลักพันจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ขนาด และแบรนด์ เลือกให้ถูกใจกับเงินในกระเป๋าเราดีกว่า ราคาที่อยากแนะนำคือ 5,000 - 30,000 บาท
- ขนาดของห้อง แต่ละรุ่นจะบอกว่าเหมาะกับขนาดห้องเท่าไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือรู้ขนาดของห้องที่ใช้งานเครื่องฟอกอากาศและใช้ให้ถูกต้อง เลือกสเปคที่ใช้ได้มากกว่าพื้นที่จริงได้ แต่ไม่ควรเลือกสเปคที่ต่ำกว่าพื้นที่
ถึงแม้ว่าเวลานี้เครื่องฟอกอากาศจะขาดตลาดอยู่ แต่ตอนนี้เพื่อนๆ ก็ได้ข้อมูลเรื่องเครื่องฟอกอากาศแล้วนะคะ ถึงเวลาที่สินค้าเข้ามจะได้ซื้อได้ถูกกับสิ่งที่ต้องการ
ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 นะคะ เพื่อนๆ มีคำแนะนำเรื่องเครื่องฟอกอากาศ หรือมีวิธีไหนที่อยากแชร์เกี่ยวกับการทำเครื่องฟอกอากาศได้ด้วยตัวเอง ก็สามารถแชร์ได้ในกระทู้นี้เลยค่ะ เราจะก้าวข้ามผ่านทางของฝุ่นไปด้วยกัน...
ข้อมูลอ้างอิง
คุณ Thanate Nate
https://ppantip.com/topic/38088477
https://www.sod.co.th
https://home.kku.ac.th/chuare/12/airfilter.pdf
http://www.acat.or.th/download/acat_or_th/journal-17/17%20-%2006.pdf