สวัสดีค่ะทุกโค๊นนนนนน เรากลับมาอีกแล้ว และนี่ก็ถือเป็นกระทู้แรกในปี 2019 ด้วย เลยขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ทุกๆ คน และขอเริ่มต้นกระทู้แรกของปีด้วยการแชร์สิ่งที่ใช้แล้วชอบในปีที่ผ่านมา (นัชจะค่อยๆ ทยอยเขียนให้ได้อ่านกันทีละอย่างสองอย่างเนอะ) วันนี้เราจะให้เป็นคิวของคุชชั่นแล้วกัน เพราะเรากำลังติด จริงๆ ตอนแรกตั้งใจจะรวบไว้เยอะๆ ก่อน แต่ใช้ไปใช้มาอะไรที่เป็นประเภทคุชชั่นทั้งแบรนด์เกา แบรนด์ไทย ที่ได้ใช้ในช่วงปีที่ผ่านมาแล้วถูกใจเรา จนแน่ใจแล้วว่าเลิฟ มันมีอยู่แค่นี้จริงๆ ซึ่งถ้าไม่เขียนตอนนี้ก็คงจะไม่ได้เขียนแล้วล่ะ 5555555 งั้นเล่าต่อเลยนะ
สภาพผิวของนัชเป็นคนผิวผสมที่ออกจะค่อนไปทางมันกว่าสักหน่อย ผิวสองสีออกโทนเหลือง มีสิว สิวผด แล้วก็มีรอยดำ รอยแดงจากสิวด้วย เราก็เลยต้องใช้อะไรที่เน้นช่วยในเรื่องของการความคุมความมัน แล้วก็ต้องปกปิดรอยต่างๆ บนหน้าได้ด้วย ก็เลยมาลงเอยเลิฟๆ ที่คุชชั่น 2 ตัวนี้ค่ะ
เริ่มที่ตัวแรก หลายๆ คนน่าจะเคยได้ลองใช้ หรือเคยเห็นรีวิวมาบ้างแล้ว ก็คือ
LANEIGE BB Cushion Pore Control SPF50 PA+++ เราใช้สี No. 21 Beige นะคะ
คุชชั่นของลาเนจมันมีหลายสูตรมากนะ แต่ตัวนี้เป็นสูตรควบคุมความมัน ช่วยเบลอรูขุมขนเราให้ดูเล็กลง หน้าก็จะเนียนๆ ปกปิดพอได้ ได้ลุคกึ่งแมทท์ คือไม่มันวาวเท่าคุชชั่นแบรนด์เกาหลีอันอื่นๆ แล้วก็ป้องกันแสงแดดได้ด้วย ส่วนแพ็คเกจของลาเนจ ดูเรียบๆ สีขาว แต่หน้าตลับแอบเล่นแสงอยู่นะ เวลามีแสงส่องมากระทบก็กลายเป็นแบบโฮโลแกรมนิดๆ น่ารักดี
ข้างในตลับพอเปิดปุ๊บจะเจอกระจกอยู่ที่ฝาตลับบนอันเบอเร่อ มีฝาปิดฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่นที่วางพัพได้ตามปกติ ตัวพัพเนื้อค่อนข้างละเอียด ทำให้เกลี่ยคุชชั่นง่าย ถึงมันจะดูบอบบางไปนิดก็เถอะ ส่วนฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่น ทำมาเป็นลายๆ สวยดี แต่ตอนที่เอาพัพกดลงไปมันดูไม่ค่อยชุ่มเท่าไหร่ แต่ก็ได้เนื้อคุชชั่นออกมานะ แค่อาจจะต้องแตะหลายรอบนิดนึง
ตัวที่สอง เราไม่แน่ใจว่ามีคนได้ลองใช้กันมากขนาดไหนแล้ว แต่สำหรับเราอันนี้ต้องโดน ก็คือ
FACE SO! Asian Perfect Light Cushion (FACE SO อ่านว่า เฟสโซ) อันนี้เราใช้สี No. 03 Natural นะคะ
แบรนด์นี้เค้าเป็นเครื่องสำอางเพื่องานผิว ที่สำคัญคือเค้าเอาเมคอัพ อาร์ติสท์ระดับท็อปๆ ของเกาหลีมาช่วยคิดค้นสูตรเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพอากาศ และสภาพผิวของคนไทยโดยเฉพาะด้วย ก็เลยได้ออกมาเป็นคุชชั่นที่เป็นแบบเนื้อแมทท์ แต่เป็นงานผิว ช่วยควบคุมความมัน และป้องกันแสงแดดด้วย (ล่าสุดคือคุชชั่นตัวนี้ ได้รางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์คุชชั่นของปี 2018 จากนิตยสาร Cleo ด้วยนะเออออ เริ่ดจริง ต้องยอม) ส่วนแพ็คเกจ มันดูดีที่สุดเลยเว่ยแก เรียบๆ แต่ดูดี ดูแพงนะอันนี้ ชอบ
ข้างในตลับคุชชั่นไม่ต่างกันเท่าไหร่นะ คือ พอเปิดปุ๊บจะเจอกระจกอยู่ที่ฝาตลับบนเหมือนกัน มีฝาปิดฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่นที่วางพัพได้แบบเดียวกัน แต่พัฟของเฟสโซ! เรารู้สึกว่ามันหนากว่านิดดดนึงเลยรู้สึกจะนิ่มๆ กว่าหน่อย เนื้อค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน ใช้เกลี่ยคุชชั่นได้ง่าย ส่วนฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่น รูที่ฟองน้ำนี่ละเอียดยิบๆๆๆๆ เลย กดลงไปนิดเดียวคือชุ่ม ได้เนื้อคุชชั่นมาแบบสะใจ แต่ไม่ได้เลอะเทอะนะ
วิธีใช้คุชชั่นของเรา ก็คือ หลังลงพวกสกินแคร์แล้ว ทาครีมกันแดดเสร็จสักพัก ก็ใช้พัฟค่อยๆ แตะฟองน้ำเนื้อคุชชั่น เอาทีละนิดเนอะ ไม่ต้องเยอะ ค่อยๆ ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วก็รอให้เนื้อคุชชั่นแห้งจนเซ็ตตัวกับผิว ถ้ามีตรงไหนที่ต้องการปกปิดเป็นพิเศษก็ค่อยๆ ทาทับเฉพาะตรงนั้นเนอะ มันก็จะดูไม่หนา แล้วก็เนียนกว่าด้วย เสร็จแล้วเราก็ใช้แป้งฝุ่นทาทับอีกทีเพื่อเซ็ตทุกอย่างให้อยู่ทนแล้วก็แมทท์มากขึ้นค่ะ
เทสให้ดูสักเล็กน้อยเนื้อและสีของคุชชั่น ทั้งสองแบรนด์เนื้อดีนะ ไม่เหนียวเหนอะ เกลี่ยง่าย แห้งไว สีอาจจะมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (เล็งดีๆ) คือ ของลาเนจสีค่อนข้างขาว สว่าง ส่วนของเฟสโซ จะออกโทนเหลืองกว่า
(เราเอาลิปแมทท์ ลิปทินท์ แล้วก็ดินสอเขียนคิ้วมาแทนรอยดำรอยแดงก่อนแล้วกันเนอะ)
การปกปิดทำได้ดีทั้งคู่นะ แต่ของเฟสโซดูปกปิดได้มากกว่า คือมันแทบจะไม่เห็นสีเห็นรอยที่ขีดได้เลย ส่วนของลาเนจยังพอเห็นอยู่บ้างลางๆ ถ้าทาทับอีกสักรอบก็น่าจะปกปิดได้ใกล้เคียงกับเฟสโซเลย
มาเทสที่เหม่งเราบ้าง เรามีรอยสิว แล้วก็พวกสิวผดที่หน้าผากนะ (ขออภัยแสงมันแรงไปนิด)
ในรูปมองไม่ค่อยต่างเลยเนอะ คือมันช่วยปกปิดได้ทั้งคู่ แต่ของเฟสโซสีมันเข้ากับผิวเรามากกว่าก็เลยดูจะเนียนกว่า
ความรู้สึกส่วนตัวหลังใช้
สำหรับลาเนจ มีความรู้สึกว่าเจ้าตัวนี้ไม่ได้ช่วยควบคุมความมันในความรู้สึกของเราสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ทำให้หน้ามันขึ้นนะ หลังจากลงคุชชั่นเสร็จแบบยังไม่เซตด้วยแป้งยังมีความหน้าวาวๆ อยู่บ้าง ต้องเซ็ตด้วยแป้งฝุ่น ส่วนการเบลอรูขุมขนเราว่าโอเคเลย ช่วยให้หน้าเนียนขึ้นได้อยู่ ความติดทนก็โอเคนะ ถ้าไม่ได้เอาหน้าไปใช้แบบสมบุกสมบันอะไรมากมาย ระหว่างวันมีหลุดบ้างนิดหน่อย แต่สีไม่ดรอปลงเลย
สำหรับเฟสโซ เจ้าตัวนี้เป็นคุชชั่นตัวแรกและตัวเดียวที่เราใช้แล้วหน้าไม่มันเยิ้ม ยิ่งพอลงคุชชั่นเสร็จแล้วเซ็ตด้วยแป้ง คือแมทท์เลย แต่ไม่หนานะ มันยังมีความผิวๆ อยู่ ในระหว่างวันสีก็ไม่ดรอปนะ แต่อาจจะมีมันบ้างนิดๆ ตรงทีโซน ก็ซับๆ เอาหรือทาแป้งแบบใช้แปรงปัดๆ นิดหน่อยก็โอเคแล้ว แต่สิ่งที่ชอบมากๆ ของคุชชั่นตัวนี้ก็คือเรื่องการช่วยปกปิดพวกรูขุมขน รอยดำ รอยแดงที่ทำได้ดีมากกกกกก ข้อนี้คือเราเลิฟที่สุด อีกอย่างที่สำคัญคือ ติดทนจริงๆ
สรุปอย่างนี้แล้วกัน
คุชชั่น 2 ตัวนี้ ดีทั้งคู่ แต่ลาเนจ มีความฉ่ำกว่า ดูโกลวๆ ฉ่ำนิดๆ สไตล์เกาๆ อ่ะแหล่ะ ส่วนเฟสโซจะแมทท์กว่า ปกปิดดีกว่า เวลาจะใช้ก็ดูการใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นหลักเนอะ แบบวันไหนใช้ชีวิตส่วนใหญ่แบบไม่ต้องทำไรมาก เดินห้างสวยๆ แอร์เย็นๆ หรือวันนั้นหน้าไม่มีปัญหาผิวเท่าไหร่ก็จิ้มลาเนจ ส่วนวันไหนมีออกแดดเจออากาศร้อน หรือ ผิวมีรอยสิวรอยอะไรที่ต้องการการปกปิดเป็นพิเศษแล้วอยากให้หน้าเนียนกริบผิวสวย ก็จิ้มเฟสโซเลย เลือกเอา
ทั้งสองแบรนด์นี้หาซื้อไม่ยากจ้า คุชชั่น FACE SO! ซื้อได้จาก EVEANDBOY BEAUTRIUM พวกร้าน Boots ก็มีขายน้า ราคาตลับละ 755.- ส่วนคุชชั่น Laneige ราคากล่องละ 1,500.- มาพร้อมรีฟิล 1 ชิ้น ไปดูที่ช็อปได้ ใครสะดวกตรงไหนพุ่งไปตรงนั้นจ้า
ผลที่ได้มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าหรือขั้นตอนการบำรุง ขั้นตอนการแต่งหน้าของแต่ละคนด้วยเนอะ ชอบตัวไหนก็ลองไปซื้อมาใช้ดูนะคะ เผื่อจะเจอคุชชั่นตัวโปรดแบบที่นัชกำลังเลิฟๆ อยู่ ก็ เป็น ได้ 555555 สำหรับวันนี้ก็แค่นี้แหล่ะ ไว้มีอะไรดีๆ แล้วเราไม่ขี้เกียจจะมาแชร์กันใหม่น้า ไปแล้วค่า บายจ้า
[SR] 2 อันดับคุชชั่น 2018 ใช้แล้วเลิฟมาก
สภาพผิวของนัชเป็นคนผิวผสมที่ออกจะค่อนไปทางมันกว่าสักหน่อย ผิวสองสีออกโทนเหลือง มีสิว สิวผด แล้วก็มีรอยดำ รอยแดงจากสิวด้วย เราก็เลยต้องใช้อะไรที่เน้นช่วยในเรื่องของการความคุมความมัน แล้วก็ต้องปกปิดรอยต่างๆ บนหน้าได้ด้วย ก็เลยมาลงเอยเลิฟๆ ที่คุชชั่น 2 ตัวนี้ค่ะ
เริ่มที่ตัวแรก หลายๆ คนน่าจะเคยได้ลองใช้ หรือเคยเห็นรีวิวมาบ้างแล้ว ก็คือ LANEIGE BB Cushion Pore Control SPF50 PA+++ เราใช้สี No. 21 Beige นะคะ
คุชชั่นของลาเนจมันมีหลายสูตรมากนะ แต่ตัวนี้เป็นสูตรควบคุมความมัน ช่วยเบลอรูขุมขนเราให้ดูเล็กลง หน้าก็จะเนียนๆ ปกปิดพอได้ ได้ลุคกึ่งแมทท์ คือไม่มันวาวเท่าคุชชั่นแบรนด์เกาหลีอันอื่นๆ แล้วก็ป้องกันแสงแดดได้ด้วย ส่วนแพ็คเกจของลาเนจ ดูเรียบๆ สีขาว แต่หน้าตลับแอบเล่นแสงอยู่นะ เวลามีแสงส่องมากระทบก็กลายเป็นแบบโฮโลแกรมนิดๆ น่ารักดี
ข้างในตลับพอเปิดปุ๊บจะเจอกระจกอยู่ที่ฝาตลับบนอันเบอเร่อ มีฝาปิดฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่นที่วางพัพได้ตามปกติ ตัวพัพเนื้อค่อนข้างละเอียด ทำให้เกลี่ยคุชชั่นง่าย ถึงมันจะดูบอบบางไปนิดก็เถอะ ส่วนฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่น ทำมาเป็นลายๆ สวยดี แต่ตอนที่เอาพัพกดลงไปมันดูไม่ค่อยชุ่มเท่าไหร่ แต่ก็ได้เนื้อคุชชั่นออกมานะ แค่อาจจะต้องแตะหลายรอบนิดนึง
ตัวที่สอง เราไม่แน่ใจว่ามีคนได้ลองใช้กันมากขนาดไหนแล้ว แต่สำหรับเราอันนี้ต้องโดน ก็คือ FACE SO! Asian Perfect Light Cushion (FACE SO อ่านว่า เฟสโซ) อันนี้เราใช้สี No. 03 Natural นะคะ
แบรนด์นี้เค้าเป็นเครื่องสำอางเพื่องานผิว ที่สำคัญคือเค้าเอาเมคอัพ อาร์ติสท์ระดับท็อปๆ ของเกาหลีมาช่วยคิดค้นสูตรเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพอากาศ และสภาพผิวของคนไทยโดยเฉพาะด้วย ก็เลยได้ออกมาเป็นคุชชั่นที่เป็นแบบเนื้อแมทท์ แต่เป็นงานผิว ช่วยควบคุมความมัน และป้องกันแสงแดดด้วย (ล่าสุดคือคุชชั่นตัวนี้ ได้รางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์คุชชั่นของปี 2018 จากนิตยสาร Cleo ด้วยนะเออออ เริ่ดจริง ต้องยอม) ส่วนแพ็คเกจ มันดูดีที่สุดเลยเว่ยแก เรียบๆ แต่ดูดี ดูแพงนะอันนี้ ชอบ ข้างในตลับคุชชั่นไม่ต่างกันเท่าไหร่นะ คือ พอเปิดปุ๊บจะเจอกระจกอยู่ที่ฝาตลับบนเหมือนกัน มีฝาปิดฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่นที่วางพัพได้แบบเดียวกัน แต่พัฟของเฟสโซ! เรารู้สึกว่ามันหนากว่านิดดดนึงเลยรู้สึกจะนิ่มๆ กว่าหน่อย เนื้อค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน ใช้เกลี่ยคุชชั่นได้ง่าย ส่วนฟองน้ำที่บรรจุเนื้อคุชชั่น รูที่ฟองน้ำนี่ละเอียดยิบๆๆๆๆ เลย กดลงไปนิดเดียวคือชุ่ม ได้เนื้อคุชชั่นมาแบบสะใจ แต่ไม่ได้เลอะเทอะนะ
วิธีใช้คุชชั่นของเรา ก็คือ หลังลงพวกสกินแคร์แล้ว ทาครีมกันแดดเสร็จสักพัก ก็ใช้พัฟค่อยๆ แตะฟองน้ำเนื้อคุชชั่น เอาทีละนิดเนอะ ไม่ต้องเยอะ ค่อยๆ ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วก็รอให้เนื้อคุชชั่นแห้งจนเซ็ตตัวกับผิว ถ้ามีตรงไหนที่ต้องการปกปิดเป็นพิเศษก็ค่อยๆ ทาทับเฉพาะตรงนั้นเนอะ มันก็จะดูไม่หนา แล้วก็เนียนกว่าด้วย เสร็จแล้วเราก็ใช้แป้งฝุ่นทาทับอีกทีเพื่อเซ็ตทุกอย่างให้อยู่ทนแล้วก็แมทท์มากขึ้นค่ะ
เทสให้ดูสักเล็กน้อยเนื้อและสีของคุชชั่น ทั้งสองแบรนด์เนื้อดีนะ ไม่เหนียวเหนอะ เกลี่ยง่าย แห้งไว สีอาจจะมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (เล็งดีๆ) คือ ของลาเนจสีค่อนข้างขาว สว่าง ส่วนของเฟสโซ จะออกโทนเหลืองกว่า
การปกปิดทำได้ดีทั้งคู่นะ แต่ของเฟสโซดูปกปิดได้มากกว่า คือมันแทบจะไม่เห็นสีเห็นรอยที่ขีดได้เลย ส่วนของลาเนจยังพอเห็นอยู่บ้างลางๆ ถ้าทาทับอีกสักรอบก็น่าจะปกปิดได้ใกล้เคียงกับเฟสโซเลย
มาเทสที่เหม่งเราบ้าง เรามีรอยสิว แล้วก็พวกสิวผดที่หน้าผากนะ (ขออภัยแสงมันแรงไปนิด)ในรูปมองไม่ค่อยต่างเลยเนอะ คือมันช่วยปกปิดได้ทั้งคู่ แต่ของเฟสโซสีมันเข้ากับผิวเรามากกว่าก็เลยดูจะเนียนกว่า
สำหรับลาเนจ มีความรู้สึกว่าเจ้าตัวนี้ไม่ได้ช่วยควบคุมความมันในความรู้สึกของเราสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ทำให้หน้ามันขึ้นนะ หลังจากลงคุชชั่นเสร็จแบบยังไม่เซตด้วยแป้งยังมีความหน้าวาวๆ อยู่บ้าง ต้องเซ็ตด้วยแป้งฝุ่น ส่วนการเบลอรูขุมขนเราว่าโอเคเลย ช่วยให้หน้าเนียนขึ้นได้อยู่ ความติดทนก็โอเคนะ ถ้าไม่ได้เอาหน้าไปใช้แบบสมบุกสมบันอะไรมากมาย ระหว่างวันมีหลุดบ้างนิดหน่อย แต่สีไม่ดรอปลงเลย
สำหรับเฟสโซ เจ้าตัวนี้เป็นคุชชั่นตัวแรกและตัวเดียวที่เราใช้แล้วหน้าไม่มันเยิ้ม ยิ่งพอลงคุชชั่นเสร็จแล้วเซ็ตด้วยแป้ง คือแมทท์เลย แต่ไม่หนานะ มันยังมีความผิวๆ อยู่ ในระหว่างวันสีก็ไม่ดรอปนะ แต่อาจจะมีมันบ้างนิดๆ ตรงทีโซน ก็ซับๆ เอาหรือทาแป้งแบบใช้แปรงปัดๆ นิดหน่อยก็โอเคแล้ว แต่สิ่งที่ชอบมากๆ ของคุชชั่นตัวนี้ก็คือเรื่องการช่วยปกปิดพวกรูขุมขน รอยดำ รอยแดงที่ทำได้ดีมากกกกกก ข้อนี้คือเราเลิฟที่สุด อีกอย่างที่สำคัญคือ ติดทนจริงๆ
คุชชั่น 2 ตัวนี้ ดีทั้งคู่ แต่ลาเนจ มีความฉ่ำกว่า ดูโกลวๆ ฉ่ำนิดๆ สไตล์เกาๆ อ่ะแหล่ะ ส่วนเฟสโซจะแมทท์กว่า ปกปิดดีกว่า เวลาจะใช้ก็ดูการใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นหลักเนอะ แบบวันไหนใช้ชีวิตส่วนใหญ่แบบไม่ต้องทำไรมาก เดินห้างสวยๆ แอร์เย็นๆ หรือวันนั้นหน้าไม่มีปัญหาผิวเท่าไหร่ก็จิ้มลาเนจ ส่วนวันไหนมีออกแดดเจออากาศร้อน หรือ ผิวมีรอยสิวรอยอะไรที่ต้องการการปกปิดเป็นพิเศษแล้วอยากให้หน้าเนียนกริบผิวสวย ก็จิ้มเฟสโซเลย เลือกเอา
ทั้งสองแบรนด์นี้หาซื้อไม่ยากจ้า คุชชั่น FACE SO! ซื้อได้จาก EVEANDBOY BEAUTRIUM พวกร้าน Boots ก็มีขายน้า ราคาตลับละ 755.- ส่วนคุชชั่น Laneige ราคากล่องละ 1,500.- มาพร้อมรีฟิล 1 ชิ้น ไปดูที่ช็อปได้ ใครสะดวกตรงไหนพุ่งไปตรงนั้นจ้า
ผลที่ได้มันก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าหรือขั้นตอนการบำรุง ขั้นตอนการแต่งหน้าของแต่ละคนด้วยเนอะ ชอบตัวไหนก็ลองไปซื้อมาใช้ดูนะคะ เผื่อจะเจอคุชชั่นตัวโปรดแบบที่นัชกำลังเลิฟๆ อยู่ ก็ เป็น ได้ 555555 สำหรับวันนี้ก็แค่นี้แหล่ะ ไว้มีอะไรดีๆ แล้วเราไม่ขี้เกียจจะมาแชร์กันใหม่น้า ไปแล้วค่า บายจ้า
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้