อันนยองฮาเซโย ส้มเองค่า ทักทายเป็นภาษาเกาหลีแบบนี้ไม่ได้จะมาเปิดถุงช้อปปิ้งจากเกาหลีนะคะ(ของจากกระทู้นั้นยังใช้ไม่หมดเลยTT) แต่จะมารีวิวคุชชั่นสายเกาที่เหมาะกับสาวไทย พร้อมแชร์การแต่งหน้าง่ายๆ แบบรวดเร็วให้ชมค่า
ถ้าอยากทราบแล้วว่าคุชชั่นสายเกาตัวไหนที่เหมาะกับคนไทยอย่างเรา และการแต่งหน้าแบบรวดเร็วและง่ายในสไตล์ของส้มเป็นยังไง ติดตามชมได้เลยย
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับคุชชั่นกันก่อน ส้มเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังงงๆ อยู่ว่าคุชชั่นคืออะไร?
เอาแบบง่ายที่สุดเลยนะ คุชชั่น คือ การนำรองพื้นหรือบีบีครีม มาใส่ฟองน้ำอยู่ในรูปแบบตลับที่หน้าตาเหมือนตลับแป้ง จะมาพร้อมกับพัฟ ซึ่งพัฟของคุชชั่นจะเรียกว่า air puff
คุชชั่นก็จะช่วยให้เราแต่งหน้าง่ายขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งนั่นเอง ><
ปกติคุชชั่นสายเกาก็จะเน้นงานฉ่ำวาว สไตล์เกาหลีเนอะ ไม่ค่อยคุมมัน สาวๆ ไทยที่มีปัญหาหน้ามันหรือเจอสภาพอากาศร้อน(มากกกกกก) อย่างบ้านเรา เวลาใช้คุชชั่นก็จะไม่รอดใช่ไหมล่ะคะ
ซึ่งส้มเจอคุชชั่นสายเกาที่ตอบโจทย์สาวไทยอย่างเราได้แล้ว ก็คือคุชชั่นที่ส้มจะรีวิวนั่นเอง
นั่นคือ Etude House Real Powder Cushion !!!
ตัวนี้มี spf50+ pa+++ ด้วยค่ะ
ใครเคยอ่านกระทู้เปิดถุงช้อปจากเกาหลีอลังการงานสร้างของส้มคงเคยเห็นกันแล้วแหละ แต่ตอนนั้นมันยังไม่เข้าไทยไง ส้มก็ซื้อมาใช้เล่นๆ แต่ตอนนี้นางเข้าแล้วนะจ๊ะ ซื้อได้ที่ไทยไม่ต้องพรีหรือบินไปเกาหลีแล้ว
มาทำความรู้จักกับ Etude House Real Powder Cushion กันค่ะ
คุชชั่นตัวนี้มีปริมาณ 14 กรัมค่ะ ใน 1 กล่องไม่มีรีฟิวเพิ่มให้นะคะ ตัวกล่องและตลับคุชชั่นสีออกครีมๆ ตรงขอบจะสีเงิน มีทองเล็กๆ ตัวตลับเขาจะบาง ไม่หนาเหมือนคุชชั่นส่วนใหญ่ เหมาะกับการพกพามากค่ะ
คือตลับสวยมากกก มีความเล่อค่า
ส่วนเฉดสี มีทั้งหมด 3 เฉดสีคือ Light Beige Natural Beige และ Honey Beige
ส้มไม่มีสี Honey Beige ให้ชมนะคะ
ส่วนตัวส้มลองที่เกาหลีแล้วสีhoney beige จะพอดีกับผิวส้มมากกกก ซึ่งปกติส้มไม่ชอบรองพื้นที่พอดีกับผิวมากๆ เวลาเฉดดิ้งแล้วรู้สึกไม่ค่อยสวย ส้มเลยใช้เป็นสี Natural beige
คุชชั่นตัวนี้รวม 5 สิ่งที่สาวๆ ต้องการรวมอยู่ในตัวเดียวเลย คือ Primer , BB cream , Concealer , Powder Pact , Oil control powder
และที่สำคัญก็คือ คุชชั่นตัวนี้เครมว่า เมื่อทาลงบนผิวแล้วจะเปลี่ยนจากเนื้อครีมเป็นเนื้อแป้งทันที ให้ลุคแมตต์ ควบคุมความมัน 10 ชม ปกปิดได้อย่างเรียบเนียน
โหหหห เครมแรงขนาดนี้ แถมรวมทุกอย่างที่สาวๆ ต้องการอยู่ในตัวเดียวอีก
เราจะเชื่อง่ายๆ ไม่ได้นะคะ มาพิสูจน์พร้อมกันเลยย
ปกติเวลาส้มไปเรียนนี่ก็จะรีบมากๆ จะแต่งหน้าจัดเต็มนี่อย่าหวัง เอาแค่ตื่นไปทันเรียนก็ยากแล้วค่ะ
การแต่งหน้าของส้มก็จะเป็นอะไรที่ง่ายและรวดเร็วค่ะ ดังนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ ว่าส้มแต่งหน้ายังไง…
ให้ดูหน้าสดกันก่อน ส้มมีสิวและรอยสิวอลังการงานสร้างมาก
ขั้นตอนแรกก็มาเริ่มลงคุชชั่นกันเลยค่ะ เทคนิคการลงคุชชั่นของส้มคือ แตะออกมาปริมาณนิดเดียวก็พอค่ะ แล้วเริ่มลงจากกลางหน้าออกสู่กรอบหน้า
(เทคนิคนี้จะช่วยให้เรากะปริมาณการใช้ได้ง่ายและสามารถช่วยเบลนสีคุชชั่นและเพิ่มมิติให้กับใบหน้า เพราะเราลงสีที่ที่สว่างตรงกลางหน้ามากกว่าตรงกรอบหน้าค่ะ)
การลงคุชชั่นจะใช้วิธีการกดๆ ไม่ปาดหรือถูนะคะ ส่วนจุดไหนที่ต้องการ การปกปิดเพิ่มก็กดย้ำๆ เป็นจุดๆ ไปค่ะ
ลงคุชชั่นเสร็จเรียบร้อยค่ะ จะเห็นว่ารอยสิวจางลงเยอะเลยแต่ก็กลบไม่หมด เพราะ ส้มมีรอยที่ชัดมากๆ ต้องเข้าใจว่าคุชชั่นไม่ใช่ Full coverage foundation จึงไม่สามารถกลบได้ 100% เพราะฉะนั้นใครมีรอยสิวที่ชัดมากๆ แบบส้มแนะนำให้ลงคอนซิลเลอร์ก่อนใช้คุชชั่น ถ้าอยากปิดสนิทจริงๆ หรือจะเผยผิวบ้างเล็กน้อยก็จะดูเป็นธรรมชาติค่ะ
*ส้มไม่ปัดแก้ม เพราะอยากให้เห็นคุชชั่นชัดๆ นะคะ
จากนั้นก็มาเขียนคิ้ว ปัดมาสคาร่าคิ้ว แล้วก็ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าค่ะ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการทาลิปสติกค่ะ วันนี้ส้มใช้ Etude House lip talk dear my blooming PK027
เท่านี้ก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
ดูจากในภาพจะเห็นว่ามันไม่ได้แมตต์แบบไม่มีมิตินะคะ ยังคงมีความเกาหลีอยู่ ผิวสวยมากๆค่า
เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่ามันเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งจริงๆ ส้มก็จะใช้กระดาษซับหน้าซับให้ดูค่า
เห็นชัดเลยนะคะ ว่าไม่มีอะไรติดกระดาษออกมาเลย แสดงว่าเขาเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งและไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลยค่ะ
เดี๋ยวส้มจะพาไปพิสูจน์ว่าคุชชั่นตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 10 ชมจริงรึป่าว
ตอนบ่ายๆ ก็มีความมันขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ ปกติส้มจะมันตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วTT
พอครบ 10 ชม. หน้าส้มก็มันสุดๆ เลยค่ะ ถือว่าคุมมันดีงามมาก
หลังจากครบ 10 ชม. เลยลองซับหน้าด้วยทิชชู่ดู พอซับเสร็จหน้าก็จะหายมันแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะ
เย้ มาสรุปกันดีกว่า
สำหรับมนุษย์หน้ามันแบบส้มบอกเลยว่าต้องเลิฟแน่นอน เพราะมันคุมมันดีงาม ระหว่างวันก็จะมีความมันขึ้นมาเป็นปกติเนอะ ถ้าหน้ามันมากๆ ก็ใช้ทิชชู่ซับออกก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ
สำหรับมนุษย์ผิวแห้งที่กลัวว่าคุชชั่นตัวนี้ให้ลุคแมตต์ คุมมันแล้วจะไม่เหมาะ บอกเลยว่าใช้ได้นะค่ะ เพราะตอนส้มซื้อจากที่เกาหลีได้ลองใช้ที่นั่น คือสภาพอากาศแห้งแถมลองใช้ตอนกลับไทยด้วย อากาศบนเครื่องนี่แห้งมากๆ จะบอกว่ารอดจ้า ไม่แครกเลยค่ะ
Tips : ถ้าผิวแห้งมากๆ หลังใช้คุชชั่นและระหว่างวันให้ฉีดสเปย์น้ำแร่เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว
อย่างที่ส้มบอกตั้งแต่ต้นนะคะ ว่าเป็นคุชชั่นสายเกาหลีที่เหมาะกับสาวไทยอย่างเรา เพราะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ได้ดีเลย ก็คือ สามารถประหยัดเวลาในการแต่งหน้าตอนเช้าที่รีบๆ และเหมาะกับอากาศบ้านเรานั่นเอง
ใช้ตัวเดียวจบเลย คอนซิลเลอร์กับแป้งเนี่ยเก็บไปได้เลยค่ะ เพราะคุชชั่นตัวนี้ปกปิดได้ดีและเปลี่ยนเป็นแป้งทันทีและคุมมันได้ดีงามมากกก
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากทราบที่สุด นั่นก็คือ ราคา! ราคาตลับจริง 790 บาท และรีฟิว 450 บาทค่ะ
หาซื้อที่ได้ร้านค้าอีทูดี้ เฮ้าท์ ประเทศไทย ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์
ย้ำอีกรอบ! เข้าไทยเรียบร้อยไม่ต้องไปตามหาเหมือนส้มนะคะ TT
ก่อนจากกันขอแจ้งข่าวนิดนึงง ตอนนี้ส้มเปิด Fanpage แล้วน้า อย่าลืมเข้าไปกดไลด์กันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/mikanbeauty/?ref=bookmarks
แล้วก็ตอนนี้ส้มได้เป็น 1 ใน 12 คน เข้าร่วมโครงการ Pinknista ของ Etude House ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน้า
สำหรับกระทู้นี้ส้มก็ต้องขอตัวลาก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่า บะบายยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Fanpage : Mikanbeauty
IG : Ssommikan
Blog : mikanbeauty.bloggang.com
Youtube : Mikan beauty
[SR] รีวิวคุชชั่นสายเกาที่เหมาะกับสาวไทย+how to แต่งหน้าง่ายๆ แบบรวดเร็ว by mikanbeauty
ถ้าอยากทราบแล้วว่าคุชชั่นสายเกาตัวไหนที่เหมาะกับคนไทยอย่างเรา และการแต่งหน้าแบบรวดเร็วและง่ายในสไตล์ของส้มเป็นยังไง ติดตามชมได้เลยย
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับคุชชั่นกันก่อน ส้มเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังงงๆ อยู่ว่าคุชชั่นคืออะไร?
เอาแบบง่ายที่สุดเลยนะ คุชชั่น คือ การนำรองพื้นหรือบีบีครีม มาใส่ฟองน้ำอยู่ในรูปแบบตลับที่หน้าตาเหมือนตลับแป้ง จะมาพร้อมกับพัฟ ซึ่งพัฟของคุชชั่นจะเรียกว่า air puff
คุชชั่นก็จะช่วยให้เราแต่งหน้าง่ายขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งนั่นเอง ><
ปกติคุชชั่นสายเกาก็จะเน้นงานฉ่ำวาว สไตล์เกาหลีเนอะ ไม่ค่อยคุมมัน สาวๆ ไทยที่มีปัญหาหน้ามันหรือเจอสภาพอากาศร้อน(มากกกกกก) อย่างบ้านเรา เวลาใช้คุชชั่นก็จะไม่รอดใช่ไหมล่ะคะ
ซึ่งส้มเจอคุชชั่นสายเกาที่ตอบโจทย์สาวไทยอย่างเราได้แล้ว ก็คือคุชชั่นที่ส้มจะรีวิวนั่นเอง
นั่นคือ Etude House Real Powder Cushion !!!
ตัวนี้มี spf50+ pa+++ ด้วยค่ะ
ใครเคยอ่านกระทู้เปิดถุงช้อปจากเกาหลีอลังการงานสร้างของส้มคงเคยเห็นกันแล้วแหละ แต่ตอนนั้นมันยังไม่เข้าไทยไง ส้มก็ซื้อมาใช้เล่นๆ แต่ตอนนี้นางเข้าแล้วนะจ๊ะ ซื้อได้ที่ไทยไม่ต้องพรีหรือบินไปเกาหลีแล้ว
มาทำความรู้จักกับ Etude House Real Powder Cushion กันค่ะ
คุชชั่นตัวนี้มีปริมาณ 14 กรัมค่ะ ใน 1 กล่องไม่มีรีฟิวเพิ่มให้นะคะ ตัวกล่องและตลับคุชชั่นสีออกครีมๆ ตรงขอบจะสีเงิน มีทองเล็กๆ ตัวตลับเขาจะบาง ไม่หนาเหมือนคุชชั่นส่วนใหญ่ เหมาะกับการพกพามากค่ะ
คือตลับสวยมากกก มีความเล่อค่า
ส่วนเฉดสี มีทั้งหมด 3 เฉดสีคือ Light Beige Natural Beige และ Honey Beige
ส้มไม่มีสี Honey Beige ให้ชมนะคะ
ส่วนตัวส้มลองที่เกาหลีแล้วสีhoney beige จะพอดีกับผิวส้มมากกกก ซึ่งปกติส้มไม่ชอบรองพื้นที่พอดีกับผิวมากๆ เวลาเฉดดิ้งแล้วรู้สึกไม่ค่อยสวย ส้มเลยใช้เป็นสี Natural beige
คุชชั่นตัวนี้รวม 5 สิ่งที่สาวๆ ต้องการรวมอยู่ในตัวเดียวเลย คือ Primer , BB cream , Concealer , Powder Pact , Oil control powder
และที่สำคัญก็คือ คุชชั่นตัวนี้เครมว่า เมื่อทาลงบนผิวแล้วจะเปลี่ยนจากเนื้อครีมเป็นเนื้อแป้งทันที ให้ลุคแมตต์ ควบคุมความมัน 10 ชม ปกปิดได้อย่างเรียบเนียน
โหหหห เครมแรงขนาดนี้ แถมรวมทุกอย่างที่สาวๆ ต้องการอยู่ในตัวเดียวอีก
เราจะเชื่อง่ายๆ ไม่ได้นะคะ มาพิสูจน์พร้อมกันเลยย
ปกติเวลาส้มไปเรียนนี่ก็จะรีบมากๆ จะแต่งหน้าจัดเต็มนี่อย่าหวัง เอาแค่ตื่นไปทันเรียนก็ยากแล้วค่ะ
การแต่งหน้าของส้มก็จะเป็นอะไรที่ง่ายและรวดเร็วค่ะ ดังนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ ว่าส้มแต่งหน้ายังไง…
ให้ดูหน้าสดกันก่อน ส้มมีสิวและรอยสิวอลังการงานสร้างมาก
ขั้นตอนแรกก็มาเริ่มลงคุชชั่นกันเลยค่ะ เทคนิคการลงคุชชั่นของส้มคือ แตะออกมาปริมาณนิดเดียวก็พอค่ะ แล้วเริ่มลงจากกลางหน้าออกสู่กรอบหน้า
(เทคนิคนี้จะช่วยให้เรากะปริมาณการใช้ได้ง่ายและสามารถช่วยเบลนสีคุชชั่นและเพิ่มมิติให้กับใบหน้า เพราะเราลงสีที่ที่สว่างตรงกลางหน้ามากกว่าตรงกรอบหน้าค่ะ)
การลงคุชชั่นจะใช้วิธีการกดๆ ไม่ปาดหรือถูนะคะ ส่วนจุดไหนที่ต้องการ การปกปิดเพิ่มก็กดย้ำๆ เป็นจุดๆ ไปค่ะ
ลงคุชชั่นเสร็จเรียบร้อยค่ะ จะเห็นว่ารอยสิวจางลงเยอะเลยแต่ก็กลบไม่หมด เพราะ ส้มมีรอยที่ชัดมากๆ ต้องเข้าใจว่าคุชชั่นไม่ใช่ Full coverage foundation จึงไม่สามารถกลบได้ 100% เพราะฉะนั้นใครมีรอยสิวที่ชัดมากๆ แบบส้มแนะนำให้ลงคอนซิลเลอร์ก่อนใช้คุชชั่น ถ้าอยากปิดสนิทจริงๆ หรือจะเผยผิวบ้างเล็กน้อยก็จะดูเป็นธรรมชาติค่ะ
*ส้มไม่ปัดแก้ม เพราะอยากให้เห็นคุชชั่นชัดๆ นะคะ
จากนั้นก็มาเขียนคิ้ว ปัดมาสคาร่าคิ้ว แล้วก็ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าค่ะ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการทาลิปสติกค่ะ วันนี้ส้มใช้ Etude House lip talk dear my blooming PK027
เท่านี้ก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
ดูจากในภาพจะเห็นว่ามันไม่ได้แมตต์แบบไม่มีมิตินะคะ ยังคงมีความเกาหลีอยู่ ผิวสวยมากๆค่า
เพื่อให้ทุกคนเชื่อว่ามันเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งจริงๆ ส้มก็จะใช้กระดาษซับหน้าซับให้ดูค่า
เห็นชัดเลยนะคะ ว่าไม่มีอะไรติดกระดาษออกมาเลย แสดงว่าเขาเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งและไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลยค่ะ
เดี๋ยวส้มจะพาไปพิสูจน์ว่าคุชชั่นตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 10 ชมจริงรึป่าว
ตอนบ่ายๆ ก็มีความมันขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ ปกติส้มจะมันตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วTT
พอครบ 10 ชม. หน้าส้มก็มันสุดๆ เลยค่ะ ถือว่าคุมมันดีงามมาก
หลังจากครบ 10 ชม. เลยลองซับหน้าด้วยทิชชู่ดู พอซับเสร็จหน้าก็จะหายมันแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะ
เย้ มาสรุปกันดีกว่า
สำหรับมนุษย์หน้ามันแบบส้มบอกเลยว่าต้องเลิฟแน่นอน เพราะมันคุมมันดีงาม ระหว่างวันก็จะมีความมันขึ้นมาเป็นปกติเนอะ ถ้าหน้ามันมากๆ ก็ใช้ทิชชู่ซับออกก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ
สำหรับมนุษย์ผิวแห้งที่กลัวว่าคุชชั่นตัวนี้ให้ลุคแมตต์ คุมมันแล้วจะไม่เหมาะ บอกเลยว่าใช้ได้นะค่ะ เพราะตอนส้มซื้อจากที่เกาหลีได้ลองใช้ที่นั่น คือสภาพอากาศแห้งแถมลองใช้ตอนกลับไทยด้วย อากาศบนเครื่องนี่แห้งมากๆ จะบอกว่ารอดจ้า ไม่แครกเลยค่ะ
Tips : ถ้าผิวแห้งมากๆ หลังใช้คุชชั่นและระหว่างวันให้ฉีดสเปย์น้ำแร่เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว
อย่างที่ส้มบอกตั้งแต่ต้นนะคะ ว่าเป็นคุชชั่นสายเกาหลีที่เหมาะกับสาวไทยอย่างเรา เพราะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ได้ดีเลย ก็คือ สามารถประหยัดเวลาในการแต่งหน้าตอนเช้าที่รีบๆ และเหมาะกับอากาศบ้านเรานั่นเอง
ใช้ตัวเดียวจบเลย คอนซิลเลอร์กับแป้งเนี่ยเก็บไปได้เลยค่ะ เพราะคุชชั่นตัวนี้ปกปิดได้ดีและเปลี่ยนเป็นแป้งทันทีและคุมมันได้ดีงามมากกก
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากทราบที่สุด นั่นก็คือ ราคา! ราคาตลับจริง 790 บาท และรีฟิว 450 บาทค่ะ
หาซื้อที่ได้ร้านค้าอีทูดี้ เฮ้าท์ ประเทศไทย ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์
ย้ำอีกรอบ! เข้าไทยเรียบร้อยไม่ต้องไปตามหาเหมือนส้มนะคะ TT
ก่อนจากกันขอแจ้งข่าวนิดนึงง ตอนนี้ส้มเปิด Fanpage แล้วน้า อย่าลืมเข้าไปกดไลด์กันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็ตอนนี้ส้มได้เป็น 1 ใน 12 คน เข้าร่วมโครงการ Pinknista ของ Etude House ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน้า
สำหรับกระทู้นี้ส้มก็ต้องขอตัวลาก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่า บะบายยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้