โรคหัดระบาดในสหรัฐ เหตุผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูกฉีดวัคซีน
Fri, 2019-02-01 08:31
สหรัฐอเมริกา: รัฐวอชิงตันประกาศวิกฤตฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เมื่อโรคหัดระบาด เหตุผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูกฉีดวัคซีน
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศวิกฤติฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหลังพบโรคหัดระบาดในเด็กมากถึง 35 รายในเมืองคลาร์ก เค้าท์ตี้ (Clark County) โดยทั้งหมดอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 1-10 ปี (พบผู้ติดเชื้อเป็นผู้ใหญ่เพียง 1 รายจากทั้งหมด) โดยทางรัฐวอชิงตันเผยสาเหตุมาจากที่ผู้ปกครองไม่ยอมให้บุตรหลานตัวเองเข้ารับวัคซีนภูมิคุ้มกันทุกชนิด
โรคหัด (measles) เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสหัด สามารถแพร่กระจายและติดต่อกันผ่านทางอากาศหายใจ รวมถึงผ่านการสัมผัสน้ำลายหรือน้ำมูก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันสุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อได้ง่าย โดยในระยะแยกของผู้ป่วยจะมีไข้สูงมากถึง 40 องศา น้ำมูกไหล เยื่อจมูกอักเสบ ตาแดงจากเยื่อตาแดงอักเสบ จากนั้น 2-3 วันจะเริ่มมีจุดสีขาวขึ้นในปาก 3-5 วันตามมาด้วยผื่นแดงแบนๆ ไล่จากใบหน้าลามไปทั้งตัว โดยเชื้อมักอยู่ภายในร่างกายได้ถึง 7-10 วัน ทั้งยังสามารถพบภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ท้องร่วง ตาบอด สมองอักเสบหรือปอดอักเสบ เป็นต้น
ปัจจุบัน โรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้ หากได้รับวัคซีนโรคหัด โดยผลจากการใช้วัคซีนดังกล่าวสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้เป็นอย่างดี ทั้งหลังจากมีการใช้วัคซีนโรคหัดอย่างกว้างขวาง หลายประเทศได้ประกาศให้โรคหัดถูกกำจัดหมดจากประเทศตัวเอง รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่ประกาศไว้เมื่อปี 2000 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี โรคหัดกลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งในรัฐวอชิงตัน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่เด็กส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกันใดๆ เป็นจำนวนมาก กล่าวคือ ไม่ได้รับการฉีดวันซีนป้องกันโรคต่างๆ สืบเนื่องจากผู้ปกครองไม่ยินยอมให้รับ
VOX สำนักข่าวสัญชาติอเมริกันเปิดเผยสถิติน่าสนใจว่า ในเมืองคลาร์ก เค้าท์ตี้ รัฐวอชิงตันซึ่งพบการระบาดโรคหัดอยู่นั้น ปัจจุบัน (ปี 2017 – 2018) มีเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันต่างๆ มากถึง 7.9% เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมปี 2015 อยู่ที่ 5.9% ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานค่าเฉลี่ยแห่งชาติที่กำหนดไว้เพียง 2%
อย่างไรก็ดี ตามหลักกฎหมายแห่งรัฐมากกว่า 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถมีสิทธิที่จะไม่ยินยอมให้บุตรหลานตัวเองรับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันใดๆ ตามหลักศาสนาหรือความเชื่อของตน ยกเว้น 3 รัฐ เท่านั้น ได้แก่ รัฐมิสซิสซิปปี รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ที่มีกฎหมายเข้มงวดให้เด็กทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันทุกประเภท
“ปี 2000 สหรัฐอเมริกาประกาศให้โรคหัดถูกกำจัดออกจากประเทศหมดแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกครั้ง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความเพิกเฉย ความอ่อนแอทางกฎหมายและความล้มเหลวของรัฐในการรณรงค์สนับสนุนให้ทุกคนรับวัคซีนภูมิคุ้มกัน” ปีเตอร์ ฮอเทซ (Peter Hotez) นักวิจัยด้านโรคติดเชื้อจากวิทยาลัยการแพทย์เบเลอร์ (Baylor College of Medicine infectious diseases researcher) ทิ้งท้าย
ที่มา: Washington declared a public health emergency over measles. Thank vaccine-refusing parents. (www.vox.com)
https://www.vox.com/2019/1/27/18199514/measles-outbreak-2018-clark-county-washington
https://www.hfocus.org/content/2019/02/16798
โรคหัดระบาดในสหรัฐ เหตุผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูกฉีดวัคซีน
Fri, 2019-02-01 08:31
สหรัฐอเมริกา: รัฐวอชิงตันประกาศวิกฤตฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เมื่อโรคหัดระบาด เหตุผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูกฉีดวัคซีน
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศวิกฤติฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหลังพบโรคหัดระบาดในเด็กมากถึง 35 รายในเมืองคลาร์ก เค้าท์ตี้ (Clark County) โดยทั้งหมดอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 1-10 ปี (พบผู้ติดเชื้อเป็นผู้ใหญ่เพียง 1 รายจากทั้งหมด) โดยทางรัฐวอชิงตันเผยสาเหตุมาจากที่ผู้ปกครองไม่ยอมให้บุตรหลานตัวเองเข้ารับวัคซีนภูมิคุ้มกันทุกชนิด
โรคหัด (measles) เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสหัด สามารถแพร่กระจายและติดต่อกันผ่านทางอากาศหายใจ รวมถึงผ่านการสัมผัสน้ำลายหรือน้ำมูก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันสุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อได้ง่าย โดยในระยะแยกของผู้ป่วยจะมีไข้สูงมากถึง 40 องศา น้ำมูกไหล เยื่อจมูกอักเสบ ตาแดงจากเยื่อตาแดงอักเสบ จากนั้น 2-3 วันจะเริ่มมีจุดสีขาวขึ้นในปาก 3-5 วันตามมาด้วยผื่นแดงแบนๆ ไล่จากใบหน้าลามไปทั้งตัว โดยเชื้อมักอยู่ภายในร่างกายได้ถึง 7-10 วัน ทั้งยังสามารถพบภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ท้องร่วง ตาบอด สมองอักเสบหรือปอดอักเสบ เป็นต้น
ปัจจุบัน โรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้ หากได้รับวัคซีนโรคหัด โดยผลจากการใช้วัคซีนดังกล่าวสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้เป็นอย่างดี ทั้งหลังจากมีการใช้วัคซีนโรคหัดอย่างกว้างขวาง หลายประเทศได้ประกาศให้โรคหัดถูกกำจัดหมดจากประเทศตัวเอง รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่ประกาศไว้เมื่อปี 2000 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี โรคหัดกลับมาระบาดรุนแรงอีกครั้งในรัฐวอชิงตัน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่เด็กส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกันใดๆ เป็นจำนวนมาก กล่าวคือ ไม่ได้รับการฉีดวันซีนป้องกันโรคต่างๆ สืบเนื่องจากผู้ปกครองไม่ยินยอมให้รับ
VOX สำนักข่าวสัญชาติอเมริกันเปิดเผยสถิติน่าสนใจว่า ในเมืองคลาร์ก เค้าท์ตี้ รัฐวอชิงตันซึ่งพบการระบาดโรคหัดอยู่นั้น ปัจจุบัน (ปี 2017 – 2018) มีเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันต่างๆ มากถึง 7.9% เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมปี 2015 อยู่ที่ 5.9% ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานค่าเฉลี่ยแห่งชาติที่กำหนดไว้เพียง 2%
อย่างไรก็ดี ตามหลักกฎหมายแห่งรัฐมากกว่า 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถมีสิทธิที่จะไม่ยินยอมให้บุตรหลานตัวเองรับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันใดๆ ตามหลักศาสนาหรือความเชื่อของตน ยกเว้น 3 รัฐ เท่านั้น ได้แก่ รัฐมิสซิสซิปปี รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ที่มีกฎหมายเข้มงวดให้เด็กทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันทุกประเภท
“ปี 2000 สหรัฐอเมริกาประกาศให้โรคหัดถูกกำจัดออกจากประเทศหมดแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกครั้ง สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความเพิกเฉย ความอ่อนแอทางกฎหมายและความล้มเหลวของรัฐในการรณรงค์สนับสนุนให้ทุกคนรับวัคซีนภูมิคุ้มกัน” ปีเตอร์ ฮอเทซ (Peter Hotez) นักวิจัยด้านโรคติดเชื้อจากวิทยาลัยการแพทย์เบเลอร์ (Baylor College of Medicine infectious diseases researcher) ทิ้งท้าย
ที่มา: Washington declared a public health emergency over measles. Thank vaccine-refusing parents. (www.vox.com)
https://www.vox.com/2019/1/27/18199514/measles-outbreak-2018-clark-county-washington
https://www.hfocus.org/content/2019/02/16798