หรือโลกกำลังกลายเป็นดินแดนที่เราไม่รู้จักอีกต่อไป
ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนขนาดที่คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าร้อนกว่านรก หลายเมืองมีอุณหภูมิทะลุ 50 องศา ค้างคาวแม่ไก่ร่วงลงมาตายหลายหมื่นตัวเพราะทนความร้อนไม่ไหว ร้อนขนาดเอาไข่ใส่กระทะมาวางบนถนนก็สุกเอง และตอนนี้ยังเกิดไฟป่าขนาดใหญ่หลายจุดบนเกาะแทสมาเนีย (ซ้ายบน)
ภาคกลางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดากำลังเผชิญกับ Polar Vortex กระแสลมกรดขั้วโลก ที่นำเอาสภาพอากาศเย็นยะเยือกแบบขั้วโลกเคลื่อนลงมาต่ำผิดปกติ อันเป็นผลมาจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมอ่อนกำลัง กระแสลมขั้วโลกจึงเคลื่อนต่ำส่งผลให้อุณหภูมิติดลบในระดับ 40-50 องศา ไม่แนะนำให้อยู่กลางแจ้งเกิน 5 นาที เพราะอาจแข็งตายได้ เช่นเมืองชิคาโกแช่แข็ง (ขวาบน)
ปลายปีที่แล้ว หลายพื้นที่ทั่วโลกเผชิญกับพายุที่ซัดเข้าฝั่ง (Storm surge) ที่รุนแรงมาก ดังภาพพายุซัดถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา(ซ้ายล่าง) เนื่องมาจากพายุที่มีกำลังแรงขึ้นเพราะน้ำทะเลอุ่นขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ถึง 40% ในขณะที่ระดับน้ำทะเลก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากน้ำทะเลอุ่นที่ขยายตัว และแผ่นน้ำแข็งจากสองขั้วโลกที่ละลายเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่กรุงเทพมหานคร (ขวาล่าง) และเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในเอเชีย กำลังเผชิญกับควันพิษ มลภาวะ และฝุ่น PM2.5 จากการจราจร การเผาไหม้ทั้งในที่โล่งและโรงงานอุตสาหกรรม เมื่ออากาศไม่หมุนเวียน เกิดความผกผันของอุณหภูมิ (Inversion) เป็นฝาโดมดักหมอกควันพิษ จนการหายใจกลายเป็นภัยต่อสุขภาพ
ความจริงเราอยู่ในวิกฤติอย่างนี้มานานแล้ว และมีแต่จะวิกฤติขึ้นเรื่อยๆ เพราะการทำลายระบบนิเวศที่คอยค้ำจุนชีวิต และการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศสุดขั้ว ขยะพลาสติกที่ท้วมท้นมหาสมุทร และฝุ่นควันพิษที่กำลังกัดกินปอดคนเมือง คือหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทำให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมต้องเป็นหัวข้อที่นักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักพัฒนา และประชาชนให้ความสำคัญและลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร และอยู่มุมไหนของโลก
เครดิต
https://www.facebook.com/Re4Reef/photos/a.1760604577585108/2127976094181286/?type=3&theater
สภาพอากาศที่สุดขั้ว ตอนนี้ ที่ อเมริกาหนาว ติดลบ -40 -50 องศา กับ ออสเตรเลีย ร้อนแตะ 50องศา (อันไหนโหดกว่ากัน)
หรือโลกกำลังกลายเป็นดินแดนที่เราไม่รู้จักอีกต่อไป
ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนขนาดที่คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าร้อนกว่านรก หลายเมืองมีอุณหภูมิทะลุ 50 องศา ค้างคาวแม่ไก่ร่วงลงมาตายหลายหมื่นตัวเพราะทนความร้อนไม่ไหว ร้อนขนาดเอาไข่ใส่กระทะมาวางบนถนนก็สุกเอง และตอนนี้ยังเกิดไฟป่าขนาดใหญ่หลายจุดบนเกาะแทสมาเนีย (ซ้ายบน)
ภาคกลางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาและแคนาดากำลังเผชิญกับ Polar Vortex กระแสลมกรดขั้วโลก ที่นำเอาสภาพอากาศเย็นยะเยือกแบบขั้วโลกเคลื่อนลงมาต่ำผิดปกติ อันเป็นผลมาจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมอ่อนกำลัง กระแสลมขั้วโลกจึงเคลื่อนต่ำส่งผลให้อุณหภูมิติดลบในระดับ 40-50 องศา ไม่แนะนำให้อยู่กลางแจ้งเกิน 5 นาที เพราะอาจแข็งตายได้ เช่นเมืองชิคาโกแช่แข็ง (ขวาบน)
ปลายปีที่แล้ว หลายพื้นที่ทั่วโลกเผชิญกับพายุที่ซัดเข้าฝั่ง (Storm surge) ที่รุนแรงมาก ดังภาพพายุซัดถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา(ซ้ายล่าง) เนื่องมาจากพายุที่มีกำลังแรงขึ้นเพราะน้ำทะเลอุ่นขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ถึง 40% ในขณะที่ระดับน้ำทะเลก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากน้ำทะเลอุ่นที่ขยายตัว และแผ่นน้ำแข็งจากสองขั้วโลกที่ละลายเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่กรุงเทพมหานคร (ขวาล่าง) และเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในเอเชีย กำลังเผชิญกับควันพิษ มลภาวะ และฝุ่น PM2.5 จากการจราจร การเผาไหม้ทั้งในที่โล่งและโรงงานอุตสาหกรรม เมื่ออากาศไม่หมุนเวียน เกิดความผกผันของอุณหภูมิ (Inversion) เป็นฝาโดมดักหมอกควันพิษ จนการหายใจกลายเป็นภัยต่อสุขภาพ
ความจริงเราอยู่ในวิกฤติอย่างนี้มานานแล้ว และมีแต่จะวิกฤติขึ้นเรื่อยๆ เพราะการทำลายระบบนิเวศที่คอยค้ำจุนชีวิต และการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สภาพอากาศสุดขั้ว ขยะพลาสติกที่ท้วมท้นมหาสมุทร และฝุ่นควันพิษที่กำลังกัดกินปอดคนเมือง คือหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทำให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมต้องเป็นหัวข้อที่นักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นักพัฒนา และประชาชนให้ความสำคัญและลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร และอยู่มุมไหนของโลก
เครดิต https://www.facebook.com/Re4Reef/photos/a.1760604577585108/2127976094181286/?type=3&theater