PF ประกาศแผนปี 62 เดินหน้ากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาโครงการ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

กระทู้ข่าว

“พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค”เดินหน้ากลยุทธ์การพัฒนาโครงการ  สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน ต่อยอดการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัย ด้านทิศทางธุรกิจปี 2562 วางเป้าขายของกลุ่มบริษัทที่ 21,600 ล้านเปิดโครงการใหม่รวม 20 โครงการมูลค่า 38,400 ล้าน


นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ และนางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงินบริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)แถลงถึงแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทโดยกลยุทธ์ในปีนี้ จะเดินหน้าต่อยอดการพัฒนาโครงการที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์พลังงานอย่างจริงจัง เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยเริ่มตั้งแต่การเปิดตัวโครงการบ้านนวัตกรรมภายใต้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้างไปจนถึงการอยู่อาศัยได้อย่างสบาย และปลอดภัยจากปัญหามลพิษโดยความร่วมมือกับ เซกิซุย เคมิคอล ประเทศญี่ปุ่นบริษัทยังได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านพลังงานในการนำเทคโนโลยีด้าน Smart Energy ได้แก่ EV Wall Charger (เป็นผลิตภัณฑ์ที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR และ ปตท.ได้ร่วมกันพัฒนาขึ้น โดยเข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ในกลุ่มบ้านระดับไฮเอนด์และรองรับมาตรฐาน EV Ready ในบ้านระดับทั่วไป)  และอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการและหารือกับปตท. ในการนำเทคโนโลยีการจัดการพลังงาน (Smart energy monitoring and management) โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ พลังงานหมุนเวียน เช่น Solar PV เพื่อนำมาให้บริการในโครงการของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นครั้งแรกในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

บริษัทยังจะมีแนวทางการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมได้แก่การเดินหน้าต่อเนื่องสร้างพื้นที่ทะเลสาบอีก 3 แห่งรวมเป็นพื้นที่ 183 ไร่ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในโครงการ มีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวในโครงการ โดยเพิ่มต้นไม้เพื่อช่วยฟอกอากาศการจัดการขยะภายในโครงการโดยเพิ่มจำนวนบ้านที่ก่อสร้างด้วยระบบพรีแฟบ เป็น 80% ของจำนวนบ้านทั้งหมด หรือ 2,000 หลังในปีนี้เพื่อลดปัญหาเศษวัสดุที่เกิดจากงานก่อสร้าง มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในโครงการ ด้านประหยัดพลังงานมีแนวคิดอาคารประหยัดพลังงาน โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งคลับเฮ้าส์และสำนักงานขาย ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพื่อนำมาใช้ในอาคาร และเปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดเป็นหลอดประหยัดไฟรวมทั้งติดตั้งโคมไฟถนนอัจฉริยะที่ทำงานอัตโนมัติ มีกล้อง CCTV ใช้พลังงานจากโซล่าเซล


สำหรับแผนงานในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้กลุ่มบริษัทตั้งเป้าขาย 21,600 ล้านบาท ประกอบด้วย เป้าขายของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 20,500 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท และคอนโดประเทศญี่ปุ่น 1,500 ล้านบาทสำหรับเป้าขายแกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งไว้ที่ 1,100 ล้านบาท การเปิดโครงการใหม่ ปีนี้ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีแผนเปิด 17 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 16 โครงการ 18,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ 2,000 ล้านบาทขณะที่แกรนด์ แอสเสทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท และ โครงการวิลล่าจังหวัดระยอง มูลค่า 2,300 ล้านบาท

นอกเหนือจากการเปิดตัวโครงการบ้านนวตกรรมระบบโมดูลาร์ ภายใต้ความร่วมมือกับเซกิซุย เคมิคอลในเดือนมีนาคมนี้  พร้อมกันใน 4 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, แจ้งวัฒนะและรัตนาธิเบศร์รวมมูลค่า 2,200 ล้านบาท ในไตรมาส 4 บริษัทยังจะมีการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ภายใต้ความร่วมมือกับ ฮ่องกง แลนด์ทำเลแจ้งวัฒนะ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และ ทำเลบางนา มูลค่า 5,000 ล้านบาท ด้านโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับซูมิโตโม ฟอเรสทรี ได้แก่ โครงการไฮด์ เฮอริเทจทองหล่อคอนโดมิเนียมไฮเอนด์มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาทกำหนดเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ และ มีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาถนนเจริญนคร มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/2562 อีกด้วย


สำหรับประมาณการรายได้ของกลุ่มบริษัทปีนี้ตั้งไว้ที่ 27,555ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 20,000 ล้านบาท  รายได้ของแกรนด์ แอสเสทฯ 1,100 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจโรงแรม 4,500 ล้านบาท  รายได้จากการขายที่ดิน 1,740 ล้านบาทและจากธุรกิจให้เช่าอีก 215 ล้านบาทโดยมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า ซึ่งปีนี้ กลุ่มบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ถึง 32.29% หรือ 6,813 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทปีนี้ประมาณการรายได้จากธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มขึ้นจากโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ซึ่งได้รับผลจากการเปิดตัวของไอคอนสยาม  นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิทอย่างเป็นทางการของในเดือนมีนาคมนี้ พร้อมทั้งยังมีการเปิดบริการห้องอาหารรูฟท็อป และเน้นธุรกิจ MICE เพื่อเพิ่มรายได้ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม

#
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่