เมื่อทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพสำคัญกว่า “ฝีเท้า”? ......By Ekkono

กระทู้สนทนา
#BuildUpWithEKKONO
เมื่อทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพ สำคัญกว่า “ฝีเท้า” ?

เชื่อว่าแฟนบอลหลายท่านคงเคยได้ยินคำถามคลาสสิคตลอดกาลอย่าง “ทำไมเด็กไทยเวลาโตขึ้นมาถึงเตะบอลไม่เก่ง ?” อันเป็นผลพวงจากผลงานของแข้งไทยในระดับเยาวชนที่มักจะทำผลงานได้ดีในรุ่นเล็กๆ หรือรุ่นที่อายุยังไม่มาก โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคนี้ ไล่มาตั้งแต่ชุด U16, ทีมนักเรียนไทย, U19 ที่เราครองความเป็นเต้ยเหนือชาติอื่นในอาเซียน

แต่ในระดับ “เอเชีย” หล่ะ… นั่นแหละครับ จึงเป็นข้อสงสัยของหลายๆ คน ว่า เหตุไฉนนักเตะไทยจึงไม่สามารถนำความเก่งกาจที่มีติดตัวมาตั้งแต่ยังเป็น “ละอ่อน” ไปฟาดฟันกับเหล่าเสือสิงห์กระทิงแรดระดับทวีปได้สักที

อะไรคือสิ่งที่ทำให้เด็กไทย “หยุด” พัฒนา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเราควรจะไปได้ไกลกว่านั้น ?

“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ แต่จากประสบการณ์ของผม ผมมองว่าเด็กไทยช่วงอายุ 14-16 มีความสามารถที่แทบไม่ต่างจากเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่ สเปน เลยด้วยซ้ำ” ซัลบาดอร์ บาเลโร่ การ์เซีย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี อินโทรการถกประเด็นนี้ได้อย่างน่าสนใจ

“แต่คุณรู้มั๊ยอะไรคือปัจจัยที่ทำให้นักฟุตบอลดาวรุ่งของไทยหลายคนไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น… มันคือทัศนคติ และการใช้ชีวิตแบบมืออาชีพ โดยเฉพาะชีวิตข้างนอกสนาม”

นั่นคือสิ่งสำคัญที่เราต้องยอมรับว่า มันเกิดขึ้นกับเด็กไทยจริง และ “เอคโคโน่” มองเห็นถึงวิธีการเข้ามาจัดการกับเรื่องเหล่านี้ ด้วยการเปลี่ยนแนวคิดการเล่นฟุตบอล “บางส่วน” ของนักเตะเหล่านั้นตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้พวกเขาไปไกลในเส้นทางลูกหนังให้ได้ไกล และยั่งยืนที่สุด ดั่งสุภาษิตที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก”

เพราะ ฟุตบอล ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวในสนาม หากแต่การใช้ชีวิตอย่างมีระบบ มีวินัย รู้จักบทบาทที่ตัวเองกำลังรับผิดชอบ แต่ยังเปี่ยมด้วยความสุขต่างหาก คือสิ่งที่ เอคโคโน่ ต้องการให้เกิดขึ้นกับเด็กไทย

“เราต้องการสอนเด็กๆ เหล่านี้ให้รู้จักวิธีการใช้ชีวิตที่ถูกต้องยามคุณอยู่นอกสนาม คุณต้องรู้จักหลักโภชนาการว่าสิ่งที่ทานเข้าไปนั้นจะเกิดประโยชน์ หรือให้ผลอย่างไร มีการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้อย่างจริงจังเพื่อพัฒนาร่างกายอย่างถูกต้อง และปลอดภัย รวมถึงการพักผ่อนที่ถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้สิ่งใด เราไม่ได้บอกสิ่งเหล่านี้เพียงแค่เด็กๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ปกครองด้วย ผมมั่นใจมากๆ ว่า หากสิ่งที่เราได้ปลูกฝังไปมันซึมซับ และเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมที่มีความสม่ำเสมอเมื่อไหร่ ในอนาคตเราจะมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมอีกมากมาย โดยเริ่มจากชุด U19”

“เมื่อคุณมีทัศนคติที่ถูกต้อง คุณก็จะก้าวไปสู่คำว่า มืออาชีพ โดยปริยาย คุณอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะคุณทำมันทุกวัน ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำจนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงเวลานั้น ทีมชาติไทยจะมีนักเตะชั้นเยี่ยมเพิ่มมาทีละคน ทีละคน จนกลายเป็นทีมที่มีแต่ มืออาชีพ ลงสนาม”

“ทุกอย่างมันอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจน หรือทันทีในวันนี้ แต่บางอย่างมันย่อมต้องใช้เวลา โดยเฉพาะสิ่งที่เราไม่เคยทำ หรือหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันมาก่อนอย่างการปลูกฝังทัศนคติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่เริ่มลงมือทำในวันนี้ เราก็จะเสียเวลาไปมากขึ้นเรื่อยๆ… นั่นแหละคือค่าเสียโอกาสที่เราไม่สามารถเอากลับคืนมาได้” กุนซือมาดเข้มจากแดนกระทิง ทิ้งท้าย

ในโลกของฟุตบอล… บางทีฝีเท้าเพียวๆ อาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าทีมๆ นั้นจะต้องประสบความสำเร็จเสมอไป เราเห็นตัวอย่างของนักเตะที่ฉายแววความเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ยังเล็ก แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปอย่างที่ควรจะเป็นเนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นขาดระเบียบวินัย เล่นฟุตบอลด้วยทัศนคติที่ผิดๆ รวมถึงขาดการดูแลสภาพร่างกายที่ถูกต้อง พอทีมมีองค์ประกอบที่ผิดๆ สุดท้ายทุกอย่างก็พังทลายราวกับปราสาททรายที่ถูกคลื่นซัดริมชายฝั่ง...

เราเคยบอกว่าโปรเจค “ช้างเผือก” คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญของ เอคโคโน่ และทีมชาติไทย แต่หากจะบอกว่า สิ่งที่สำคัญ และท้าทายมากกว่าโปรเจคนั้นก็คือ การปรับทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพของเด็กไทยต่างหาก ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยรักษา พัฒนาฝีเท้าเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้ก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ พร้อมยกระดับทีมชาติไทยให้ไปสู่การเป็นท็อปทีมของเอเชียให้ได้ในอนาคต…

ทัศนคติ คือสิ่งที่รอไม่ได้ ถึงเวลาแล้วครับที่เราต้องจริงจังกับมัน !!!

#ช้างศึก #Ekkono #เอคโคโน่ #เชียร์ไทยใจเดียวกัน #TogetherAsOne #ฟุตบอลทีมชาติไทย #บอลไทย #Thailand

Credit : เพจช้างศึก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่