เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงนักแสดงคุณภาพอีกคนในวงการหนังฮฮลลีวู้ด ทอม ครูซ คงลอยหน้าเข้ามาของใครหลายๆคน แกคนนี้โลดแล่นในวงการหนังมากว่า 30 ปี โด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในบทนักบินกองทัพเรือสหรัฐ มาเวอริค ในเรื่อง Top Gun ในปี 1986 ผลงานการกำกับของ Tony Scott และมีอีกบทบาทสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกทึ่งในตัวของแก คือบทสายลับหน่วยไอเอ็มเอฟ อีธาน ฮันท์ ในหนังชุด Mission Impossible ที่ทุกภาคแกจะแสดงฉากเสี่ยงตายด้วยตัวเอง และมีอีกหลายผลงานหลากหลายแนวที่น่าจดจำของชายที่มีชื่อว่า ทอม ครูซ
วันนี้ผมมารีวิวหนังเก่าหนังดังในอดีตของน้าทอมกัน เรื่อง The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร (2003) เป็นผลงานการกำกับของ Edward Zwick ที่ร่วมงานกับทอม ครูซ มา
สองครั้งแล้ว ในเรื่องนี้และเรื่อง Jack Reacher Never Go Back ในปี 2016 หนังเรื่องนี้เป็นหนังทุนสูงอีกเรื่องของค่าย Warner Bros. ที่ลงทุนเยอะทั้งการเซ็ตฉากต่างๆทั้งดูเหมือนในยุค 1870 จริงๆ จำลองบ้านเมือง สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นให้เสมือนจริงที่สุด ใช้ CGI ไม่มาก เน้นความสมจริง หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศนิวซีแลนด์ ก่อนทำการถ่ายทำตัว ทอม ครูซ ต้องไปฝึกการใช้ดาบซามูไรกับผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายเดือน เพื่อความสมจริงในการแสดงหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ยังได้นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่นมาแสดงอย่าง เคน นาวาตะเบะ ที่มาแสดงในหนังฮฮลลีวู้ดเรื่องแรก หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนว ย้อนยุคประวัติศาสตร์ ดราม่า สงคราม แสดงให้เห็นถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความรักต่อชาติ และเชิดชูเหล่านักรบซามูไร
หนังเล่าเรื่องถึงนายทหารอเมริกันฝีมือดี ผู้กอง เนธาน อัลเกรน (ครูซ) ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝันร้ายในเหตุการณ์สงคราม ที่ตัวเขารู้สึกผิดและสิ้นหวัง เขาได้รับการติดต่อจ้างวานจาก คนในรัฐบาลญี่ปุ่นนำโดย ชายชื่อว่า อุโมระ ที่จ้างเขาให้ไปฝึกทหารญี่ปุ่นเพื่อทำการต่อสู้กำจัดพวกนักรบซามูไร ที่ถูกมองว่าเป็นกบฏของชาติ เป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติ เป็นพวกคนป่าเถื่อน เมื่อเนธานและคณะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เขาได้ฝึกกลยุทธการรบ และฝึกการใช้อาวุธปืนให้กับพวกชาวบ้านญี่ปุ่นที่ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร ที่ไม่เคยใช้ปืนมาก่อน แต่ด้วยความเร่งรีบของอุโมระที่ต้องการกำจัดเหล่าซามูไร ในขณะที่เนธานนั่นยังฝึกพวกทหารที่ยังไม่พร้อมรบ ทำให้พวกเขานั่นต้องออกศึกกับพวกซามูไร ในขณะที่พวกทหารยังใช้อาวุธปืนไม่ชำนาญ ระหว่างการสู้รบนั้น ทหารหลายนายและพวกซามูไรล้มตาย เนธาน คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตแต่ถูกจับตัวไปโดยพวกซามูไรในฐานะเชลยศึก เนธานได้พบกับคัตซึโมโต้ (เคน) หัวหน้านักรบซามูไร และพวกพ้อง เขาได้เข้าไปอยู่ เรียนรู้ สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงในหมู่บ้านของซามูไร ที่ถือได้ว่าเป็น ซามูไรกลุ่มสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เนธานได้รู้ถึงความจริงที่ว่าพวกซามูไรไม่ใช่กลุ่มคนป่าเถื่อน โหดร้าย ทารุณ ถ่วงความเจริญของชาติ อย่างที่ทางรัฐบาลกรอกหู เนธานและคัตซึโมโต้ต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในคณะที่เวลาถอยเข้ามาเรื่อยๆ กับการทำศึกครั้งใหญ่ที่คืบคลานเข้ามา พวกซามูไรต้องรับมือกับพวกทหารขององค์จักรพรรดิที่รับการฝึกอาวุธอย่างหนัก และมีกำลังพลมากกว่า ในขณะที่เนธานนั่นยอมมาเป็นพวกซามูไร พร้อมต่อสู้เพื่อรักษาเกียรติ์และ ศักดิ์ศรีไว้
ทอมแสดงบทดราม่าดีมากๆ เป็นทหารที่ดูสิ้นหวัง รู้สึกผิดกับเหตุการณ์สังหารชาวอินเดียนแดง ติดเหล้า แต่ถึงเวลาออกศึกสงครามก็เก่งมีฝีมือมากๆ เคน วานาตะเบะ ก็แสดงในบท คัตซึโมโต้ ได้ดีมากๆเช่นกัน สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษออกเสียงได้ดี หนังมีหลายซีนหลายคำพูดที่แฝงนัยยะต่างๆไว้ให้คนดูคิดตาม หนังแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของตัวเนธานและคัตซึโมโต้ได้ดี ฉากทำสงครามฉากท้ายสุดของเรื่อง คือ ดูยิ่งใหญ่มากๆ ใช้คนจริงๆมาแสดง ระเบิดกันจริงๆ ดูกี่ครั้งผมก็ยังขนลุกอยู่ บทน้องสาวของคัตซึโมโต้ นักแสดงสาวญี่ปุ่นก็แสดงได้ดีครับ นางดูเก็บกด กดดัน ใจจริงไม่อยากช่วยเนธานไว้หรอก เพราะพี่แกไปฆ่าสามีนางตอนรบกันฉากแรก แต่ด้วยความจำเป็น นางแสดงสีหน้าออกมาได้ดูดีมากๆครับ หนังเรื่องนี้มีหลายซีนที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เนธานมาหาองค์จักรพรรดิเป็นซีนที่สนทนากันได้ลึกซึ้งกินใจมากๆ
ถ้าตีความของหนังจริงๆ พวกซามูไรไม่ได้เป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติหรอกครับ พวกเขาต้องการรักษาวัฒนธรรม ประเพณี ให้อยู่คงเดิม อย่าไปเห่อหรือรับวัฒนธรรมของชาติตะวันตกมากเกินไปจนจำว่าเรามาจากไหน พวกคัตซึโมโต้ไม่ได้ห้าม การแต่งกายแบบตะวันตก การพูดภาษาอังกฤษ หรือการใช้อาวุธปืน เพียงแต่จงอย่าลืมความเป็นตัวของตัวเราเอง หนังทำดีมากๆครับ ผมดูกี่ครั้งก็ซึ้ง ยิ่งฉากพวกซามูไรขี่ม้าฝ่าดงปืนกลมาตายนี่คือ น้ำตาไหลเลย ขนาดคนในประเทศกันเองต่างความคิดกันไม่มากถึงขนาดมาเข่นฆ่ากันโดยที่รู้อยู่แล้วว่าพวกซามูไรสู้ไม่ได้ ขนาดตัวเนธานเป็นฝรั่งยังเข้าใจมากกว่าคนในประเทศเดียวกันเลย ผมให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 9/10 ครับ ตัดไปคะแนนนึงตรง ตอนจบมันเศร้าไปหน่อย
รีวิวหนังดังในตำนาน The Last Samurai (2003) หนังที่น่าจดจำอีกเรื่องของ Tom Cruise
วันนี้ผมมารีวิวหนังเก่าหนังดังในอดีตของน้าทอมกัน เรื่อง The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร (2003) เป็นผลงานการกำกับของ Edward Zwick ที่ร่วมงานกับทอม ครูซ มา
สองครั้งแล้ว ในเรื่องนี้และเรื่อง Jack Reacher Never Go Back ในปี 2016 หนังเรื่องนี้เป็นหนังทุนสูงอีกเรื่องของค่าย Warner Bros. ที่ลงทุนเยอะทั้งการเซ็ตฉากต่างๆทั้งดูเหมือนในยุค 1870 จริงๆ จำลองบ้านเมือง สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นให้เสมือนจริงที่สุด ใช้ CGI ไม่มาก เน้นความสมจริง หนังเรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศนิวซีแลนด์ ก่อนทำการถ่ายทำตัว ทอม ครูซ ต้องไปฝึกการใช้ดาบซามูไรกับผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายเดือน เพื่อความสมจริงในการแสดงหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ยังได้นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่นมาแสดงอย่าง เคน นาวาตะเบะ ที่มาแสดงในหนังฮฮลลีวู้ดเรื่องแรก หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนว ย้อนยุคประวัติศาสตร์ ดราม่า สงคราม แสดงให้เห็นถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ ความเสียสละ ความรักต่อชาติ และเชิดชูเหล่านักรบซามูไร
หนังเล่าเรื่องถึงนายทหารอเมริกันฝีมือดี ผู้กอง เนธาน อัลเกรน (ครูซ) ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝันร้ายในเหตุการณ์สงคราม ที่ตัวเขารู้สึกผิดและสิ้นหวัง เขาได้รับการติดต่อจ้างวานจาก คนในรัฐบาลญี่ปุ่นนำโดย ชายชื่อว่า อุโมระ ที่จ้างเขาให้ไปฝึกทหารญี่ปุ่นเพื่อทำการต่อสู้กำจัดพวกนักรบซามูไร ที่ถูกมองว่าเป็นกบฏของชาติ เป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติ เป็นพวกคนป่าเถื่อน เมื่อเนธานและคณะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เขาได้ฝึกกลยุทธการรบ และฝึกการใช้อาวุธปืนให้กับพวกชาวบ้านญี่ปุ่นที่ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร ที่ไม่เคยใช้ปืนมาก่อน แต่ด้วยความเร่งรีบของอุโมระที่ต้องการกำจัดเหล่าซามูไร ในขณะที่เนธานนั่นยังฝึกพวกทหารที่ยังไม่พร้อมรบ ทำให้พวกเขานั่นต้องออกศึกกับพวกซามูไร ในขณะที่พวกทหารยังใช้อาวุธปืนไม่ชำนาญ ระหว่างการสู้รบนั้น ทหารหลายนายและพวกซามูไรล้มตาย เนธาน คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตแต่ถูกจับตัวไปโดยพวกซามูไรในฐานะเชลยศึก เนธานได้พบกับคัตซึโมโต้ (เคน) หัวหน้านักรบซามูไร และพวกพ้อง เขาได้เข้าไปอยู่ เรียนรู้ สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงในหมู่บ้านของซามูไร ที่ถือได้ว่าเป็น ซามูไรกลุ่มสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เนธานได้รู้ถึงความจริงที่ว่าพวกซามูไรไม่ใช่กลุ่มคนป่าเถื่อน โหดร้าย ทารุณ ถ่วงความเจริญของชาติ อย่างที่ทางรัฐบาลกรอกหู เนธานและคัตซึโมโต้ต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในคณะที่เวลาถอยเข้ามาเรื่อยๆ กับการทำศึกครั้งใหญ่ที่คืบคลานเข้ามา พวกซามูไรต้องรับมือกับพวกทหารขององค์จักรพรรดิที่รับการฝึกอาวุธอย่างหนัก และมีกำลังพลมากกว่า ในขณะที่เนธานนั่นยอมมาเป็นพวกซามูไร พร้อมต่อสู้เพื่อรักษาเกียรติ์และ ศักดิ์ศรีไว้
ทอมแสดงบทดราม่าดีมากๆ เป็นทหารที่ดูสิ้นหวัง รู้สึกผิดกับเหตุการณ์สังหารชาวอินเดียนแดง ติดเหล้า แต่ถึงเวลาออกศึกสงครามก็เก่งมีฝีมือมากๆ เคน วานาตะเบะ ก็แสดงในบท คัตซึโมโต้ ได้ดีมากๆเช่นกัน สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษออกเสียงได้ดี หนังมีหลายซีนหลายคำพูดที่แฝงนัยยะต่างๆไว้ให้คนดูคิดตาม หนังแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของตัวเนธานและคัตซึโมโต้ได้ดี ฉากทำสงครามฉากท้ายสุดของเรื่อง คือ ดูยิ่งใหญ่มากๆ ใช้คนจริงๆมาแสดง ระเบิดกันจริงๆ ดูกี่ครั้งผมก็ยังขนลุกอยู่ บทน้องสาวของคัตซึโมโต้ นักแสดงสาวญี่ปุ่นก็แสดงได้ดีครับ นางดูเก็บกด กดดัน ใจจริงไม่อยากช่วยเนธานไว้หรอก เพราะพี่แกไปฆ่าสามีนางตอนรบกันฉากแรก แต่ด้วยความจำเป็น นางแสดงสีหน้าออกมาได้ดูดีมากๆครับ หนังเรื่องนี้มีหลายซีนที่น่าจดจำ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เนธานมาหาองค์จักรพรรดิเป็นซีนที่สนทนากันได้ลึกซึ้งกินใจมากๆ
ถ้าตีความของหนังจริงๆ พวกซามูไรไม่ได้เป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติหรอกครับ พวกเขาต้องการรักษาวัฒนธรรม ประเพณี ให้อยู่คงเดิม อย่าไปเห่อหรือรับวัฒนธรรมของชาติตะวันตกมากเกินไปจนจำว่าเรามาจากไหน พวกคัตซึโมโต้ไม่ได้ห้าม การแต่งกายแบบตะวันตก การพูดภาษาอังกฤษ หรือการใช้อาวุธปืน เพียงแต่จงอย่าลืมความเป็นตัวของตัวเราเอง หนังทำดีมากๆครับ ผมดูกี่ครั้งก็ซึ้ง ยิ่งฉากพวกซามูไรขี่ม้าฝ่าดงปืนกลมาตายนี่คือ น้ำตาไหลเลย ขนาดคนในประเทศกันเองต่างความคิดกันไม่มากถึงขนาดมาเข่นฆ่ากันโดยที่รู้อยู่แล้วว่าพวกซามูไรสู้ไม่ได้ ขนาดตัวเนธานเป็นฝรั่งยังเข้าใจมากกว่าคนในประเทศเดียวกันเลย ผมให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 9/10 ครับ ตัดไปคะแนนนึงตรง ตอนจบมันเศร้าไปหน่อย