ก่อนอื่นเลยขอบอกว่าอยู่คอนโดนี้มาประมาน 2 ปี แล้วค่ะ ซื้อไว้ตั้งแต่ยังไม่ทุบตึกเก่าทิ้ง รอมาเกือบ 5 ปีจนกว่าจะสร้างเสร็จ พอสร้างเสร็จก็ย้ายเข้ามาอยู่ จะพูดถึงแต่เรื่องส่วนกลางแล้วกันนะคะ ช่วงแรก ๆ การเข้าคอนโดได้จะต้องมีคีย์การ์ด แตะประตูก่อนขึ้นลิฟต์ และแตะลิฟต์ ซึ่งก็เป็นปกติตามคอนโดทั่วๆไปค่ะ และพื้นที่ส่วนกลางที่กำลังจะพูดถึงประกอบไปด้วย ห้องอ่านหนังสือ ห้องนั่งเล่น สระว่ายน้ำและห้องฟิตเนส ซึ่งตอนอยู่คอนโดแรก ๆ มีคนมาใช้พื้นที่ส่วนกลางเยอะมากค่ะ เนื่องจากคอนโดอยู่ใกล้มหาลัย ทำให้มีลูกบ้านที่เป็นเด็กมหาลัยอยู่เยอะ ก็จะมีลูกบ้านพาเพื่อนเข้ามาใช้บริการเยอะในช่วงแรก ๆ ค่ะ ก็แอบน่าเบื่อนิดหน่อย เพราะเวลาอยากใช้ห้องส่วนกลางในการอ่านหนังสือ ก็ไม่ได้ใช้ เพราะที่เต็มตลอด

          ผ่านไปช่วงนึง ทางคอนโดเริ่มมีการประกาศให้ลูกบ้านสามารถนำบริวารเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลางอย่างพอประมาณ คนก็น้อยลงไประดับนึง จนล่าสุดมี มาตรการใช้ริสแบนด์ ทำให้ในการใช้ทุกครั้ง ต้องนำริสแบนด์และคีย์การ์ด(เพื่อแตะเข้าห้องส่วนกลาง)ติดตัวไปด้วย โดยกฎก็คือ เจ้าของร่วมได้ 1 เส้น เป็นเส้นสีดำ และบริวารได้อีก 2 เส้น รวมเป็นห้องละ 3 เส้น ถ้าห้องใหญ่ก็จะได้เพิ่มเป็น 4 เส้น โดยทั้งหมดนี้ทุกคนต้องลงทะเบียนรายชื่อ ทำให้ห้องที่จขกท.อยู่ สามารถใช้ส่วนกลางได้ 3 คน ก็คือ พ่อ แม่ และก็เรา ค่ะ
          ซึ่งส่วนตัวชอบพาเพื่อนมาอ่านหนังสือด้วยอยู่แล้วค่ะ มาครั้งละ1-2คน ไม่เคยเกินนี้ หลังจากมีกฎนี้ขึ้นมา ก็รู้สึกขัดๆนิดนึงแล้วค่ะ เพราะหลังจากนี้เท่ากับเราพาเพื่อนเข้ามาใช้ส่วนกลางไม่ได้แล้วใช่มั้ย เพราะเราไม่สะดวกใช้ห้องตัวเอง เนื่องจากมันไม่ได้กว้าง และแอบรกหน่อย ๆ ก็อยากอ่านในส่วนกลางกับเพื่อนมากกว่า ปล.ในห้องเรามีแค่เรากับพ่อที่ใช้ห้องส่วนกลางบ่อย ๆ

          จนมาวันนี้ จากที่ไม่ได้ใช้ห้องส่วนกลางมานาน เพราะเราชอบเข้าไปใช้แค่ช่วงสอบแค่นั้นค่ะ แต่วันนี้เข้าไปใช้ เพราะเพิ่งกลับมาจากเที่ยวกับเพื่อน เลยจะตัดคลิปวิดีโอที่อัดมา ก่อนเข้าห้องส่วนกลางก็ต้องโชว์ริสแบนด์กับรปภ.หน้าห้อง พร้อมเซ็นชื่อ ห้อง และเวลาที่เข้าใช้บริการ เสร็จแล้วเราก็เข้าไป นั่งบนโซฟาในห้องส่วนกลาง ซึ่งเป็นโซฟายาว มีหมอน 4 ใบ แล้วตามสไตล์ก็คือนั่งเล่นคอมอยู่ที่ตัก ก็ไหลหลงไปเรื่อยๆ เป็นนอน ซึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไร เพราะปกติก็เข้ามานอนเล่นอยู่แล้ว นอนหลับก็เคยมาแล้ว คนอื่นก็ทำ ไม่ใช่เราคนเดียว แต่วันนี้สิ่งที่เจอคือ รปภ.หน้าห้องเดินเข้ามา บอกว่า " ลูกบ้านนอนไม่ได้นะ ที่มีไว้นั่งเท่านั้น ไม่สามารถนอนได้ " เราก็หงิดๆ แต่ก็ตอบเค้าไปว่าโอเคค่ะ ละก็ลุกขึ้นมานั่งเล่น
           สักพักพ่อเรามา เพราะจะเข้าไปฟิตเนส แต่เข้าไม่ได้เพราะไม่มีริสแบนด์ เราเลยเอาออกไปให้พ่อ แต่รปภ.คนนั้นก็ไม่ให้เข้า เค้าให้เหตุผลว่ามันเป็นกฎ จะเวียนริสแบนด์แบบนี้ไม่ได้ เราก็ถามว่าทำไม เค้าก็อ้างอยู่นั่นว่ามันเป็นกฎ มีปัญหาอะไรให้ไปคุยกับนิติบุคคล แต่ตอนนั้นนิติฯ ปิดแล้ว เพราะเกิน 6 โมงแล้ว เราก็ถามว่าแล้วจะให้ทำยังไง สิ่งที่เค้าตอบคือ " ถ้าจะให้พ่อเข้าใช้ฟิตเนส น้องต้องออกมาจากห้องนั่งเล่นนะคะ จะเข้าพร้อมกันไม่ได้ " เราก็เลยถามไปอีกว่าทำไมเข้าพร้อมกันไม่ได้ เค้าก็ตอบแค่ มันเป็นกฎๆๆๆ มีกล้องวงจรปิดดูอยู่ เราก็ถามว่าใครดูอยู่คะ แล้วทำไมต้องดู ก็แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมเข้าพร้อมกันไม่ได้ เค้าก็พูดอย่างเดียวว่าทำตามกฎ แล้วเสริมว่า "น้องจะมาพูดแบบนี้กับพี่ไม่ได้นะคะ ลูกพี่เรียนวิศวะมาเหมือนกัน" ถ้าให้เดาคือเค้าจะบอกว่าลูกเค้ามีการศึกษา เราไม่มีสิทธิไปพูดกับเค้าแบบนั้น ซึ่งเราไม่เข้าใจมากๆว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการที่ลูกเค้าเรียนวิศวะ ที่เราทำไปคือเราสงสัย เราเรียกร้องสิทธิ เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่หรอคะ เราเป็นคนที่ Speak my mind อยู่แล้ว ทำไมการที่เราถามหาเหตุผลถึงเป็นอะไรที่ทำไม่ได้
           ส่วนนึงเราก็เข้าใจเค้านะคะว่ามันเป็นกฎ แต่สงสัยว่าพูดกันแบบนี้ได้หรอ ไม่มีวิธีแก้ปัญหาอื่นเลยหรอคะ แล้วการแก้ปัญหาแบบนี้มันไม่เป็นการเอาเปรียบลูกบ้านเกินไปหน่อยหรอคะ ค่าส่วนกลางก็จ่ายแพง เป็นหลักหมื่น ใช้ก็ไม่บ่อย หลังๆแทบไม่ได้เข้าใช้บริการเลยเพราะมันยุ่งมาก ๆ กว่าจะได้ใช้ครั้งนึง คือเป็นคอนโด ก็ควรเป็นที่พักผ่อนปะค่ะ ก็เปรียบเสมือนบ้านเรา กฎของทางนิติทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่คุก จะใช้อะไรก็ต้องขออนุญาตยุ่งยากไปหมด เสียเวลามาก ๆ ค่ะ จะบอกว่าส่วนกลางที่นี่ดีนะคะ สะอาด น่าใช้ ติดที่ยุ่งยากมากนี่แหละค่ะ รปภ.ก็หน้าไม่รับแขก(มานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่เคยมีปัญหานี้) เพื่อนหลาย ๆ คนที่อยู่ที่นี่ก็เห็นด้วย แล้วยิ่งไปกว่านั้นเราอยู่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องส่วนกลาง การที่จะต้องลงไปติดต่อขอรับริสแบนด์ทุกครั้งที่ใช้นี่ต้องเสียเวลาขนาดไหน ตัวคอนโดก็ราคาเริ่มต้น 5 ล้าน ไม่ใช่ถูกๆ มาปฏิบัติ มาตั้งกฎกันจนคิดว่าขออยู่ฟรีๆ เบื่อค่ะ หรือนี่ปกติสำหรับทุกคอนโดคะ เพราะคอนโดที่อยู่อีกที่ก็ไม่ได้มีปัญหาแบบนี้ค่ะ แค่คีย์การ์ด 1 ใบ ทำได้แทบทุกอย่าง