เพิ่งดูมา เห็นว่ายังไม่มีใครรีวิวเลยจะขอรีวิวเป็นคนแรก แต่ออกตัวไว้ก่อนว่า จขกท. ไม่ค่อยถนัดการรีวิวแบบ no spoil เท่าไหร่ เพราะคิดไม่ออกว่าถ้าไม่เล่าเรื่องแล้วจะเขียนให้มันน่าสนใจได้ยังไง เลยจะขอสปอยล์บ้างนิด ๆ ประมาณ 20% คิดว่าอ่านแล้วไปดูก็ไม่น่าจะทำให้เสียอรรถรสนะครับ



อย่างแรกเลยนางเอกหน้าคุ้น ๆ อ๋อ คนที่เล่นเป็นนางเอก starwar rogue 1 นั่นเอง มาคราวนี้เธอรับบทเป็นทนายความที่มีลูกมีครอบครัวแล้ว แล้วได้รับทำคดีหนึ่งเหมือนเป็นคดีเล็ก ๆ แต่ความจริงไม่เล็ก ใหญ่เลยแหละ คดีเกี่ยวกับการขอลดหย่อนภาษีให้กับผู้ดูแลผู้สูงอายุในบ้าน แต่ ชาลส์ มอริตซ์ (ลูกความ) ไม่ได้รับสิทธินั้น เนื่องจากกฎหมายนี้ให้สิทธิเฉพาะผู้ดูแลที่เป็นสตรีเท่านั้น เรื่องราวนี้เกิดในยุค 60 ขึ้น 70 ความเป็นเสรีชนกำลังฮิตกำลังเบ่งบานเลย รูธ กรินส์เบิร์ก นางเอก ก็เลยจะอุทธรณ์คำตัดสินของศาลภาษีต่อศาลสูงว่า กฎหมายควรจะครอบคลุมสิทธินี้ถึงผู้ชายด้วยถึงจะถูก ที่บอกว่าคดีนี้เหมือนเล็กแต่มันใหญ่ เพราะว่าผลกระทบมันไปถึงระดับอาจต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเลยนะสิ เบื้องต้นนางเอกของเราคิดประเด็นสำหรับการต่อสู้ไว้ 3 ประเด็น

1. จริยธรรม (moral) ของกฎหมาย ความเป็นธรรม ศีลธรรม อะไรพวกนี้ กฎหมายไม่เป็นธรรมกับทุกคน ในที่นี้คือไ่ม่เป็นธรรมกับเพศสภาพ ทั้งที่ลูกความของเธอทำหน้าที่กตัญญูต่อแม่ แต่โดนกฎหมายเอาผิดว่าเลี่ยงภาษี

2. สมมุติฐานของการร่างกฎหมายไม่รอบด้าน เพราะคิดว่า มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ทำหน้าที่ดูแลคนในบ้าน ความจริงผู้ชายที่ทำหน้าที่นี้ก็มี เช่นลูกความเธอเป็นต้น

3. วัฒนธรรมเปลี่ยนไป โลกเปลี่ยนไปแล้ว กระแสความเท่าเทียมที่คนเดินประท้วงกัน ต่อไปผู้หญิงอาจทำงานนอกบ้าน ผู้ชายดูแลลูกอยู่บ้านก็ได้ กฎหมายต้องเปลี่ยนตาม

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ก็ยังไม่เพียงพอที่ทำให้เธอชนะคดีได้อยู่ดี อัยการ (ทนายความของรัฐบาล) มีเคสตัวอย่างมากมายที่ทำให้เห็นว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีแรก เป็นเพียงอีกหนึ่งคดีที่ก็เคยพิจารณาไปแล้วและก็จะแพ้เหมือนคดีก่อน ๆ ทำให้ทนายความหญิง รูธ กรินส์เบิร์ก ต้องงัดประเด็นที่ 4 ซึ่งแน่นอนในที่นี้จะไม่สปอยล์ ลองไปดูกันว่าเธอคิดประเด็นอะไรได้เพิ่มในการต่อสู้คดี และแม้ว่าฉากว่าความในศาลสูงจะเป็นไฮไลท์ของเรื่อง แต่หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้พ่น ๆ ๆ กันเรื่องคดีเพียงอย่างเดียว ยังมีพื้นที่สำหรับพูดถึงเรื่องครอบครัว การต่อสู้ในการเรียนการทำงาน การเอาชนะอุปสรรคในใจที่หวาดกลัวเพราะไม่มีประสบการณ์ ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะสัมพันธ์ส่งเสริมกับประเด็นหลัก และเป็นวัตถุดิบให้เธอมาใช้ในคดีด้วย คือแค่จะเอาเรื่องขึ้นศาลให้ได้ก็ต้องทำหลายอย่างเลย

มาถึงการให้คะแนน ความชอบของผมอยู่ที่ 7/10 มีหักไปบ้างไม่เกี่ยวกับคุณภาพหนังหรือนักแสดง เป็นเพียงรู้สึกว่าความเร้าใจมันน้อยไปหน่อย แล้วก็มีบางฉากที่ดูครีเช่ บางส่วนที่ไม่เข้าใจบ้าง แต่รวม ๆ เรื่องนี้ก็ประทับใจ ไม่ผิดหวังที่ได้ดู คิดว่าคนที่เรียนกฎหมายมาน่าจะเข้าใจเรื่องได้ดีกว่าผมแน่นอน



จบการรีวิวครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ