สวัสดีครับทุกคน
ผมอยากเล่าเรื่องที่เรียน ปโท ในสถาบันแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ให้ฟัง และอยากถามเพื่อนๆว่าผมควรทำยังไงต่อดี
ขอเริ่มเรื่องนะครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่จบ ปตรี เเล้วก็ทำงานเลย ทั้งเป็นครู และพนักงานเอกชน ได้ 2 ปี ตอนที่เป็นพนักงานเอกชนก็ได้ทำงานในตำแหน่งที่โอเครเลย
เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้จบมาตรงสายเท่าไร เวลาทำงานผมก็ได้แต่ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ บางชิ้งงานก็ออกมาดีมากๆ
จนทำให้ผมชอบที่จะเดินในสายงานนี้ อยากรู้วิธีการวิเคราะห์ข้อมมูลที่จะเอามาใช้ในงานที่ทำ ก็เลยตัดสินใจหาที่เรียนต่อ ปโท
ได้หาข้อมูลอยู่หลายเดือนว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี คณะไหนดี รูปแบบการเรียนการสอนเป็นยังไง
สรุปผมเลือกเรียนที่สถาบัน ปโท แห่งหนึ่ง เพราะสาขาที่ผมเลือกที่จะเรียนมีน้องรหัสตอน ปตรี และเพื่อนอีกคน ได้เรียนไปก่อนเเล้วตอนปี 60
ผมได้ปรึกษาพวกเค้าว่าเรียนเป็นยังไงบ้าง โอเครไหม พวกเค้าก็บอกว่าสาขานี้ดีมาก อาจารย์เก่งมาก
ผมตัดสินใจเรียนที่นี้ เพราะคิดว่ามันต้องได้ความรู้กลับมามากแน่เลย ได้ทำการสมัคร สอบ เเละก็ติดเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากติดที่นี่เเล้วผมก็เริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเรียน กลับไปทบทวนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ สถิติ และก็พวกเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
อีกวิชาที่เป็นปัญหาสำหรับผมก็คือภาษาอังกฤษ จากที่ปรึกษาน้องรหัสกับเพือนอีกคนเเล้ว พวกเค้าก็บอกว่า อาจารย์สอนเป็นภาษาไทยแต่เอกสาร
เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ซึ่งผมก็เจอแบบนี้ตอนเรียน ปตรี ก่อนเปิดเทอมผมก็ได้ลงพวกคอร์สภาษาอังกฤษบ้าง
ลืมบอกว่า ผมเลือกลงภาคปกตินะครับ เพราะด้วยค่าเทอมเเล้ว พอที่จะเก็บเงินเองจ่ายไหว
ตอนเรียนก็ได้ทำงานเกี่ยวกับวิเคราะห์ข้อมมุลเป็นพาร์ทไทม์บ้าง แต่หลักๆก็สอนพิเศษครับ
พอเปิดเทอม วันปฐมนิเทศก็เพิ่งมารู้ว่ามีเพื่อน ปตรี มาเรียนสาขานี้ด้วย 2 คน เเล้วก็รุ่นน้อง ปตรี อีกหลายคน ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่เรียนที่นี่
พอเปิดเรียนวันแรก ทุกอย่างที่คิดมันไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย ปีที่ผมเข้าคือปี 61 เทอม 1
รูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยนเป็นบรรยายภาษาอังกฤษทุกวิชา ทางสาขาให้เหตุผลว่าเพราะมีเพื่อนที่เป็นต่างชาติมาเรียน 1 คน ทำให้การเรียนการสอน
ต้องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (เพื่อนที่เป็นต่างชาติมาเรียน 1 คน คือคนที่มาจากพม่า) มันทำให้ผมหงุดหงิดมากและมีคำถามเกิดขึ้นในใจ
ว่าตอนสัมภาษณ์ทำไมไม่แจ้งว่าจะมีเพื่อนต่าชาติมาเรียน ซึ่งมันควรจะแจ้งก่อนที่ผมจะจ่ายเงินเรียน เหมือนโดนหลอกมายังไงไม่รุ้
ผมพยายามคิดบวกตลอดเวลาที่เรียนที่นี่ว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนที่เรียนด้วย 3 คนเราก็พยายามที่จะปลอบใจกัน ให้กำลังใจกันครับ
หลักจากเรียนไปได้สัก1 เดือน ความรู้ที่ผมอยากได้มันไม่ได้อย่างที่คิดเพราะฟังอังกฤษไม่ออก มันยิ่งทำให้ผมท่อแท้มาก และเหนื่อยมาก
ทั้งเรียน ตอนเย็นสอนพิเศษ กลับห้อมมาอ่าน textbook แล้วที่อ่านไปมันเข้าใจเนื้อหาที่ถูกต้องรึเปล่าก็ไม่รุ้
ตอนเรียนผมก็พยามให้อาจารย์อธิบายไทยควบคู่กันบ้าง แต่ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างด้วยเวลาเรียนที่จำกัด
พอสอบกลางภาคคะแนนก็ออกมาไม่ดีนัก ผมก็พยามยามหาวิธีทำยังไงดีถึงจะได้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมด
เลยตัดสินใจแอบเข้าไปนั่งเรียนนกับภาคพิเศษ เสาร์-อาทิตย์อีกรอบ พอเข้าไปครั้งแรก ความรู้สึกว่าแบบ นี้และคือสิ่งที่ผมต้องการจากที่นี้
เพราะภาคพิเศษอาจารย์บรรยายเป็นภาษาไทยหมดเลย และอธิบายละอียดมากด้วย
แต่พอเป็นภาคปกติ อาจารย์บรรยายเป็นอังกฤษ นศ ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ทำให้การดำเนินเนื้อหาการสอนได้ช้ากว่าภาคพิเศษมาก
อาจารย์ภาคปกติกับภาคพอเศษเป็นคนเดียวกันครับ
เปรียบเทียบกันง่ายๆ เช่นคะแนนสอบ ค่าเฉลี่ยของภาคพิเศษ อยู่ 70 ส่วนภาคปกติอยู่ 40 ซึ่งมีห่างกันค่อนข้างมากเลยที่เดียว
หลังจากที่ได้ไปแอบเรียนกับภาคพิเศษเเล้ว ผมเลยตัดสินใจยกเลิกงานสอนวัน เสาร์ อาทิตย์ทั้งหมด เพื่อมาเรียนอีกรอบพร้อมภาคพิเศษ
ตลอดเวลาที่เรียนมา 1 เทอม มันเหนื่อยมาก เพราะวันธรรมาดาก็ต้องเข้าเรียนเพื่อเชคชื่อ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องเข้าเรียนเพราะอยากได้ความรู้จริง
ตอนเย็ตก็ต้องสอน งานที่ต้องทำส่งอาจารย์ก็เยอะมาก
ผมพยายามร้องเรียนรูปแบบการเรียนการสอนหลายครั้งก็ไม่มีผลอะไรเลย จนผมนอนคิดทุกคืนว่าที่เรามาเรียนที่นี้มันคือสิ่งที่ต้องการจริงๆรึเปล่า
พอจบ1เทอม วันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันรับฟังความคิดเห็น นศ ภาคปกติ เป็นวันที่อาจารย์ดูแลหลักสูตร กับ นศ ได้พูดคุยกัน
นศ ส่วนใหญ่ในวันนั้นพยายามพูดปัญหาว่าการเรียนการสอนแบบนี้มันเป็นอุปสรรคก่อนการเรียนการสอนมาก ความเท่าเทียมกัน
ระหว่างภาคพิเศษกับภาคปกติ ผมพยายามพูดว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญมาก แต่ความเข้ามจในเนื้อหาที่เรียนต้องมาก่อนรึเปล่า
สำเนียงภาษาอังกฤษของอาจารย์บ้างคนก็ฟังยากมาก อยากให้อาจารย์เปลี่ยนให้อาจารย์ทุกคนสอนบรรยายไทยเหมือนภาคพิเศษ
เพราะทุกคนที่มาที่นี้อยากได้ความร็ไม่ได้อยากได้ภาษาอังกฤษ แล้วหลายๆคนก็พูดในเชิงนี้ คำตอบของหัวหน้าหลักสูตรคือ ไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้
เเล้วบอกให้พวกผมเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ควรย้ายสาขาหรือลาออกไป
ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า นี้เรียกว่าฟังความคิดเห็นหรือมาด่ากันแน่ ไม่รับฟังเลย มีเหตุผลข้ออ้างตลอดเลย
ลืมบอกไปว่าภาคพิเศษที่บรรยายไทย กับภาคปกติที่บรรยายภาษาอังกฤษตัดเกรดรวมกัน ซึ่งมันไม่แฟร์กับภาคปกติเลย
อาจารย์ก็ให้เหตุผลว่ามันต้องตัดรวมกันอยุ่เเล้ว ผมละงงเหตุผลอาจารย์มากเลย
ในวันรับฟังความคิดเห็นนี้ ไม่ได้อะไรเลยนอกจากคำด่า
นี้ก็ขึ้นเทอม2 เเล้วครับ ภาคปกติเรียนทั้งหมด 4วัน ผมก็ต้องมานั่งเรียนกับภาคพิเศษอีกเสาร์อาทิตย์
ไม่รุ้ว่าที่เสียเงินไป มันคุ้มกับความเหน่อยนี้ไหม
เพื่อนๆอ่านเรื่องของผมเเล้วคิดยังไงบ้างครับ ถ้ามีเหตุการแบบนี้เกิดกับเพื่อนๆ จะทำยังไงกันบ้างครับ
ยังไงขอกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ
คิดผิดที่เรียน ปโท
ผมอยากเล่าเรื่องที่เรียน ปโท ในสถาบันแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ให้ฟัง และอยากถามเพื่อนๆว่าผมควรทำยังไงต่อดี
ขอเริ่มเรื่องนะครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่จบ ปตรี เเล้วก็ทำงานเลย ทั้งเป็นครู และพนักงานเอกชน ได้ 2 ปี ตอนที่เป็นพนักงานเอกชนก็ได้ทำงานในตำแหน่งที่โอเครเลย
เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้จบมาตรงสายเท่าไร เวลาทำงานผมก็ได้แต่ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ บางชิ้งงานก็ออกมาดีมากๆ
จนทำให้ผมชอบที่จะเดินในสายงานนี้ อยากรู้วิธีการวิเคราะห์ข้อมมูลที่จะเอามาใช้ในงานที่ทำ ก็เลยตัดสินใจหาที่เรียนต่อ ปโท
ได้หาข้อมูลอยู่หลายเดือนว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี คณะไหนดี รูปแบบการเรียนการสอนเป็นยังไง
สรุปผมเลือกเรียนที่สถาบัน ปโท แห่งหนึ่ง เพราะสาขาที่ผมเลือกที่จะเรียนมีน้องรหัสตอน ปตรี และเพื่อนอีกคน ได้เรียนไปก่อนเเล้วตอนปี 60
ผมได้ปรึกษาพวกเค้าว่าเรียนเป็นยังไงบ้าง โอเครไหม พวกเค้าก็บอกว่าสาขานี้ดีมาก อาจารย์เก่งมาก
ผมตัดสินใจเรียนที่นี้ เพราะคิดว่ามันต้องได้ความรู้กลับมามากแน่เลย ได้ทำการสมัคร สอบ เเละก็ติดเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากติดที่นี่เเล้วผมก็เริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเรียน กลับไปทบทวนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ สถิติ และก็พวกเขียนโปรแกรมเบื้องต้น
อีกวิชาที่เป็นปัญหาสำหรับผมก็คือภาษาอังกฤษ จากที่ปรึกษาน้องรหัสกับเพือนอีกคนเเล้ว พวกเค้าก็บอกว่า อาจารย์สอนเป็นภาษาไทยแต่เอกสาร
เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ซึ่งผมก็เจอแบบนี้ตอนเรียน ปตรี ก่อนเปิดเทอมผมก็ได้ลงพวกคอร์สภาษาอังกฤษบ้าง
ลืมบอกว่า ผมเลือกลงภาคปกตินะครับ เพราะด้วยค่าเทอมเเล้ว พอที่จะเก็บเงินเองจ่ายไหว
ตอนเรียนก็ได้ทำงานเกี่ยวกับวิเคราะห์ข้อมมุลเป็นพาร์ทไทม์บ้าง แต่หลักๆก็สอนพิเศษครับ
พอเปิดเทอม วันปฐมนิเทศก็เพิ่งมารู้ว่ามีเพื่อน ปตรี มาเรียนสาขานี้ด้วย 2 คน เเล้วก็รุ่นน้อง ปตรี อีกหลายคน ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่เรียนที่นี่
พอเปิดเรียนวันแรก ทุกอย่างที่คิดมันไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย ปีที่ผมเข้าคือปี 61 เทอม 1
รูปแบบการเรียนการสอนเปลี่ยนเป็นบรรยายภาษาอังกฤษทุกวิชา ทางสาขาให้เหตุผลว่าเพราะมีเพื่อนที่เป็นต่างชาติมาเรียน 1 คน ทำให้การเรียนการสอน
ต้องบรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (เพื่อนที่เป็นต่างชาติมาเรียน 1 คน คือคนที่มาจากพม่า) มันทำให้ผมหงุดหงิดมากและมีคำถามเกิดขึ้นในใจ
ว่าตอนสัมภาษณ์ทำไมไม่แจ้งว่าจะมีเพื่อนต่าชาติมาเรียน ซึ่งมันควรจะแจ้งก่อนที่ผมจะจ่ายเงินเรียน เหมือนโดนหลอกมายังไงไม่รุ้
ผมพยายามคิดบวกตลอดเวลาที่เรียนที่นี่ว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนที่เรียนด้วย 3 คนเราก็พยายามที่จะปลอบใจกัน ให้กำลังใจกันครับ
หลักจากเรียนไปได้สัก1 เดือน ความรู้ที่ผมอยากได้มันไม่ได้อย่างที่คิดเพราะฟังอังกฤษไม่ออก มันยิ่งทำให้ผมท่อแท้มาก และเหนื่อยมาก
ทั้งเรียน ตอนเย็นสอนพิเศษ กลับห้อมมาอ่าน textbook แล้วที่อ่านไปมันเข้าใจเนื้อหาที่ถูกต้องรึเปล่าก็ไม่รุ้
ตอนเรียนผมก็พยามให้อาจารย์อธิบายไทยควบคู่กันบ้าง แต่ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างด้วยเวลาเรียนที่จำกัด
พอสอบกลางภาคคะแนนก็ออกมาไม่ดีนัก ผมก็พยามยามหาวิธีทำยังไงดีถึงจะได้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมด
เลยตัดสินใจแอบเข้าไปนั่งเรียนนกับภาคพิเศษ เสาร์-อาทิตย์อีกรอบ พอเข้าไปครั้งแรก ความรู้สึกว่าแบบ นี้และคือสิ่งที่ผมต้องการจากที่นี้
เพราะภาคพิเศษอาจารย์บรรยายเป็นภาษาไทยหมดเลย และอธิบายละอียดมากด้วย
แต่พอเป็นภาคปกติ อาจารย์บรรยายเป็นอังกฤษ นศ ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ทำให้การดำเนินเนื้อหาการสอนได้ช้ากว่าภาคพิเศษมาก
อาจารย์ภาคปกติกับภาคพอเศษเป็นคนเดียวกันครับ
เปรียบเทียบกันง่ายๆ เช่นคะแนนสอบ ค่าเฉลี่ยของภาคพิเศษ อยู่ 70 ส่วนภาคปกติอยู่ 40 ซึ่งมีห่างกันค่อนข้างมากเลยที่เดียว
หลังจากที่ได้ไปแอบเรียนกับภาคพิเศษเเล้ว ผมเลยตัดสินใจยกเลิกงานสอนวัน เสาร์ อาทิตย์ทั้งหมด เพื่อมาเรียนอีกรอบพร้อมภาคพิเศษ
ตลอดเวลาที่เรียนมา 1 เทอม มันเหนื่อยมาก เพราะวันธรรมาดาก็ต้องเข้าเรียนเพื่อเชคชื่อ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องเข้าเรียนเพราะอยากได้ความรู้จริง
ตอนเย็ตก็ต้องสอน งานที่ต้องทำส่งอาจารย์ก็เยอะมาก
ผมพยายามร้องเรียนรูปแบบการเรียนการสอนหลายครั้งก็ไม่มีผลอะไรเลย จนผมนอนคิดทุกคืนว่าที่เรามาเรียนที่นี้มันคือสิ่งที่ต้องการจริงๆรึเปล่า
พอจบ1เทอม วันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันรับฟังความคิดเห็น นศ ภาคปกติ เป็นวันที่อาจารย์ดูแลหลักสูตร กับ นศ ได้พูดคุยกัน
นศ ส่วนใหญ่ในวันนั้นพยายามพูดปัญหาว่าการเรียนการสอนแบบนี้มันเป็นอุปสรรคก่อนการเรียนการสอนมาก ความเท่าเทียมกัน
ระหว่างภาคพิเศษกับภาคปกติ ผมพยายามพูดว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญมาก แต่ความเข้ามจในเนื้อหาที่เรียนต้องมาก่อนรึเปล่า
สำเนียงภาษาอังกฤษของอาจารย์บ้างคนก็ฟังยากมาก อยากให้อาจารย์เปลี่ยนให้อาจารย์ทุกคนสอนบรรยายไทยเหมือนภาคพิเศษ
เพราะทุกคนที่มาที่นี้อยากได้ความร็ไม่ได้อยากได้ภาษาอังกฤษ แล้วหลายๆคนก็พูดในเชิงนี้ คำตอบของหัวหน้าหลักสูตรคือ ไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้
เเล้วบอกให้พวกผมเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ควรย้ายสาขาหรือลาออกไป
ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า นี้เรียกว่าฟังความคิดเห็นหรือมาด่ากันแน่ ไม่รับฟังเลย มีเหตุผลข้ออ้างตลอดเลย
ลืมบอกไปว่าภาคพิเศษที่บรรยายไทย กับภาคปกติที่บรรยายภาษาอังกฤษตัดเกรดรวมกัน ซึ่งมันไม่แฟร์กับภาคปกติเลย
อาจารย์ก็ให้เหตุผลว่ามันต้องตัดรวมกันอยุ่เเล้ว ผมละงงเหตุผลอาจารย์มากเลย
ในวันรับฟังความคิดเห็นนี้ ไม่ได้อะไรเลยนอกจากคำด่า
นี้ก็ขึ้นเทอม2 เเล้วครับ ภาคปกติเรียนทั้งหมด 4วัน ผมก็ต้องมานั่งเรียนกับภาคพิเศษอีกเสาร์อาทิตย์
ไม่รุ้ว่าที่เสียเงินไป มันคุ้มกับความเหน่อยนี้ไหม
เพื่อนๆอ่านเรื่องของผมเเล้วคิดยังไงบ้างครับ ถ้ามีเหตุการแบบนี้เกิดกับเพื่อนๆ จะทำยังไงกันบ้างครับ
ยังไงขอกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ